ตอนที่ 5 "อัตชีวประวัติ"ของคุณเด่นภูมิ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 5 "อัตชีวประวัติ"ของคุณเด่นภูมิ
ตอนที่ 5 "อัตชีวประวัติ"ของคุณเด่นภูมิ "พ่อของคุณตายแล้ว คุณไม่คิดอยากสืบทอดบริษัทของเขาบ้างหรอ? เมื่อกี้พวกเราไปพบแม่ของคุณมาแล้ว เธอบอกว่าเธอไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับบริษัท และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการบริหารมาก" กนตร์พีถามขึ้น เปมิศาพูดอย่างเหนื่อยใจว่า : "ไม่สนใจ อีกอย่างถ้าหากคำพูดของเธอเชื่อถือได้ ตอนนี้แม่หมูคงปืนขึ้นต้นไม้ได้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ควบคุมยากมาก ในบ้านเธอชอบทำให้ฉันกับตาแก่อึดอัดจนหายใจไม่ออก และก่อนหน้านี้เธอก็เคยเอ่ยปากขอกับตาแก่ว่าอยากมาช่วยงานบริษัท ในตำแหน่งผู้ตรวจสอบบัญชีชั่วคราว แต่ถูกตาแกขัดกว้าง ตาแกบอกว่าหากเธอไปคงเพิ่มปัญหาแน่ รู้ไหมว่าตาแก่พูดอะไรถึงเธอ พูดว่าเธอไม่มีทางประสบความสำเร็จ และพบแต่ความล้มเหลว" เสาวรสขมวดคิ้ว : "มีที่ไหนพูดถึงแม่ตัวเองแบบนี้" เปมิศามองบนใส่เธอแวบหนึ่ง : "ฉันแค่พูดเน้นย้ำคำพูดของตาแก่ก็เท่านั้น อีกไม่นาน บริษัทคงถูกเธอทำลายย่อยยับแน่" กนตร์พีหรี่ตาลงเล็กน้อย : "แล้วคุณไม่กังวลบ้างหรอ?" "มีเรื่องอะไรให้ฉันกังวลค่ะ ก็แค่ผลาญเงินที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ฉันไม่แคร์ เพราะนิทรรศการนี้สามารถเลี้ยงฉันได้ อีกอย่างสิ่งของหรือเงินที่ตาแก่ให้มาก็มากพอเลี้ยงปากท้องฉันได้แล้ว อย่ามองว่าฉันเป็นคนเก่งเหมือนตาแก่เลย เพราะฉันแทบจะไม่เหมือนตาแก่เลย แต่ยังไงฉันสามารถพึ่งพาความสามารถตัวเองใช้ชีวิตได้ กนตร์พีพยักหน้า : "ผมมองออกครับ จริงสิ รถยนต์ยี่ห้อออดิ้ที่จอดตรงประตูเป็นของคุณหรอ? ผมได้ยินมาว่าพ่อของคุณได้สั่งจองรถยนต์คันนี้เมื่อก่อนหน้านี้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดของคุณ ใช่คันนี้หรือเปล่าครับ?" เปมิศาพูดว่า"อืม" ที่จริงฉันอยากขายต่อ แต่พอนึกถึงว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ตาแก่มอบให้ฉัน เลยเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็แล้วกัน เอาเถอะ สิ่งที่ฉันควรพูดฉันก็พูดหมดแล้ว ถ้างั้นฉันขอตัวไปหอประกอบพิธีณาปนกิจแล้ว" ระหว่างกลับ เสาวรสมีสีหน้าบึ้งตึง เธอระบายความไม่พอใจต่อเปมิศาออกมา เธอไม่พอใจที่เปมิศาพูดจาไม่ให้เกียรติพ่อแม่ของตัวเอง เธอพูดว่าพ่อตายไม่กี่วัน บนใบหน้าของเปมิศาแทบจะไม่มีสีหน้าโศกเศร้าเสียใจเลยสักนิด "อ๋อ คุณคิดต่อเปมิศาอย่างนี้หรอ?" กนตร์พีเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเสาวรส "ไม่ใช่หรอกหรอ?" กนตร์พีส่ายหน้า : "มีเรื่องมากมายที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ตาคุณเห็น หูได้ยินแบบนั้น ที่จริงเปมิศากับคุณเด่นภูมิสองพ่อลูกนี้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง อีกอย่างการตายของเด่นภูมิก็ส่งผลกระทบต่อเธออย่างมาก" "ที่เธอจะเรียกตาแก่ก็เพราะตอนที่คุณเด่นคุณมีชีวิตอยู่ พวกเขาใช้คำพูดแบบนั้นพูดคุยกันจนเคยชิน คุณสังเกตเห็นอะไรไหม ทุกครั้งที่เปมิศาพูด"ตาแก่"คำนี้ สายตาของเธอมักจะมีแววตาของความอบอุ่น ดังนั้น'ตาแก่'จึงเป็นความทรงจำที่ดีระหว่างเธอกับคุณเด่นภูมิ" แต่ตอนที่กนตร์พีถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณเด่นภูมิกับคุณธัญญาพรกับเธอนั้น เปมิศาก็นั่งไขว้ข้างทันที และเท้าก็เขย่าสั่นอย่างเห็นได้ชัดว่ามีปัญหา นั้นเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากยอมรับความเป็นจริง แต่เธอก็ไม่อยากพูดโกหกด้วย ในใจของเธอ คุณเด่นภูมิมีความสำคัญต่อเธอมากกว่าธัญญาพร สังเกตได้จากตอนตอบ เธอมักจะเข้าข้างคุณเด่นภูมิ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดต่อคุณธัญญาพรด้วยเหมือนกันที่พูดแบบนั้น เธอพยายามใช้ท่าทางเพื่อทำให้ผู้ฟังเบี่ยงเบนความสนใจ เธอยังมีท่าทางที่คุ้นชิน นั้นคือตอนที่พูด เธอมักจะเอามือลูบหน้าผากของตัวเอง เพราะในใจของเธอรู้สึกละอายใจ "ถ้าหากคุณสังเกตให้ละเอียดก็จะพบว่าตอนที่เธอลูบหน้าผากเป็นตอนไหน" เสาวรสคิดสักพัก : "ฉันนึกออกแล้ว เหมือนจะเป็นตอนที่พูดถึงคุณธัญญาพร" กนตร์พียิ้มแล้วพูดว่า : "ใช่แล้ว นี้ก็แสดงให้เห็นว่าถึงแม้เธอจะตำหนิแม่ของเธอเพื่อปกป้องพ่อ แต่ในใจของเธอก็รู้สึกละอายใจ ส่วนเรื่องที่เธอไม่ได้แสดงอารมณ์โศกเศร้าทางสีหน้า เพราะเธอเป็นคนเข้มแข็ง จากการแต่งตัวที่แปลกของเธอก็ยากที่คาดการณ์ได้แล้ว ในใจของเธอเลยมีความเชื่อมั่นอย่างมาก เสาวรสมองกนตร์พี : "คุณเอาอะไรมายืนยันเรื่องพวกนี้" "นี้เป็นงานถนัดของผมเลย ผมคือนักจิตวิทยา การวิเคราะห์กริยาและอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนของคนเป็นวิชาบังคับของผมเลย ความมืดยามค่ำคืนใกล้มาถึง กนตร์พีกลับถึงบ้าน ตอนที่แสงไฟเริ่มสว่าง "ทำไหมถึงเพิ่งกลับบ้าน?" ภูรีแม่ของกนตร์พียื่นหน้าออกมาจากห้องครัวและถามขึ้น คมศรพ่อของกนตร์พีกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาในห้องรับแขกอยู่ เมื่อได้ยินภูรีพูด เขาก็วางหนังสือพิมพ์ไว้ข้างๆ : "วันแรกในตำแหน่งงานใหม่ก็ต้องมีแต่เรื่องที่ดีๆ มีอะไรให้น่าตกใจล่ะ? คมศรเป็นผู้นำครอบครัวของบ้านหลังนี้ หลังจากที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ภูรีก็อมยิ้มและพูดว่า : "ดูปากฉันนะ ฉันยังจำได้ว่าเขาเคยทำงานที่โรงเรียน ลูกชาย รีบไปล้างมือ เดี่ยวค่อยมากินข้าวด้วยกัน" หลังจากตักข้าวเสร็จ คมศรก็ตักอาหารให้ลูกชาย : "เป็นยังไงบ้าง ยังไหวอยู่ใช่ไหม? อยู่ที่สถานีตำรวจไม่เหมือนกับอยู่ที่โรงเรียน ดังนั่นทฤษฏีกับการปฏิบัติถือเป็นคนละเรื่อง อย่าโอ้อวดตัวเอง ต้องถ่อมเนื้อถ่อมตัว เพราะการถ่อมตัวจะทำให้คนก้าวหน้า" กนตร์พียิ้มและส่ายหน้า : "อืม ผมทราบแล้วครับ" ภูรีถามขึ้นว่า : "ลูกชาย มีเรื่องอะไรจะเล่าให้เราฟังบ้าง?" คมศรจ้องมองภูรีสักพัก : "จะถามเยอะแยะไปทำไหมกัน? ลูกชายเป็นตำรวจแล้ว ดังนั้นเรื่องส่วนใหญ่ต้องเก็บเป็นความลับ คุณอย่าทำให้ลูกชายต้องทำผิดกฎระเบียบเลย" พูดจบเขาก็ใช้ตะเกียบเคาะใต้ชาม : "กินข้าว!" กนตร์พีเติมข้าวเป็นจานที่สอง จู่ๆก็เหมือนนึกอะไรออก : "พ่อครับ ผมจำได้ว่าพวกคุณเคยสัมภาษณ์คุณเด่นภูมิลงในหนังสือพิมพ์รายวันมาก่อนครั้งหนึ่ง พ่อยังจำได้ไหมครับว่านักข่าวคนนั้นคือใคร?" "เขาชื่อฐากูร คุณเด่นภูมิยังเชิญให้เขาเขียนอัตชีวประวัติของเขาด้วย ข้อมูลล้วนถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดายคุณเด่นภูมิกลับ..." กนตร์พีวางชามลง : "พ่อครับ พ่อช่วยโทรศัพท์หาฐากูรให้ผมหน่อย" คมศรรีบวางชามลงและรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ ส่วนภูรีจ้องมองลูกชายแวบหนึ่ง : "มีเรื่องอะไรนักหนา รอคิดข้าวเสร็จค่อยพูดไม่ได้หรอ? พวกเธอสองคนนี้มีมารยาทจริงๆ" กนตร์พีวางมือลงบนบ่าของภูรี : "แม่ครับ เรื่องนี้มีความสำคัญกับผมมาก แม่อย่าถือสาพวกเราเลยนะ แม่รีบกินข้าวก่อนเลย" พูดจบ เขาก็ยืนขึ้นและวิ่งออกจากห้องรับแขก ภูรีส่ายหน้าด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ กนตร์พีให้พ่อช่วยนัดพบกับฐากูร เพราะคมศรเป็นหัวหน้าของสำนักงานพิมพ์ หลังจากที่ฐากูรกินข้าวเสร็จ ไม่นานเขาก็มาถึงบ้านของกนตร์พี กนตร์พีเชิญฐากูรเข้าไปในห้องหนังสือ : "พี่ฐา ผมได้ยินมาพ่อพูดว่าคุณเด่นภูมิเคยเรียกคุณให้ช่วยเขียนอัตชีวประวัติของเขาหรือครับ?" ฐากูรพูดว่าใช่ครับ แต่เขามีบางอย่างที่อัดอั้นใจ เพราะเขาตอบรับที่จะเขียนอัตชีวประวัติของคุณเด่นภูมิ ดังนั้นจะต้องได้รับค่าตอบแทน "ตอนนั้นผมได้จัดการข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้เขาตรวจสอบสักหน่อยก็จะได้ลงมือ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขากลับฆ่าตัวตาย" กนตร์พีพูดว่า : "พี่ฐา ข้อมูลเหล่านั้นสามารถให้ผมได้ไหม?" "เรื่องนี้ กนตร์พี คุณยังไม่ได้บอกพี่ฐาเลยว่าทำไหมคุณถึงได้สนใจเรื่องของคุณเด่นภูมิขนาดนี้?" ในที่สุดกนตร์พีก็ยอมบอกว่าเขาถูกย้ายไปทำงานกองตำรวจอาชญากรรม ตอนนี้กำลังตรวจสอบหาสาเหตุการฆ่าตัวตายของคุณเด่นภูมิอยู่ ฐากูรเพิ่งจะกระจ่าง เขาพยักหน้า : "ได้สิ เดี่ยวคุณกลับไปรับพร้อมกับผม แต่มีประโยคหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า" ที่แท้ฐากูรก็ไม่เชื่อว่าคุณเด่นภูมิจะฆ่าตัวตายเหมือนกัน เพราะในวันที่เขานัดกับคุณเด่นภูมิเป็นวันที่คุณเด่นภูมิฆ่าตัวตาย ส่วนวันนัดเจอเป็นอีกวันที่เขาจะนำข้อมูลให้คุณเด่นภูมิตรวจสอบว่าถูกต้องหรือเปล่า
已经是最新一章了
加载中