ตอนที่ 7 ความสะเพร่าของคุณณภัทร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 7 ความสะเพร่าของคุณณภัทร
ตอนที่ 7 ความสะเพร่าของคุณณภัทร ครรชิตหรี่ตาลง : "คุณสงสัยว่าเงินก้อนแรกที่คุณขรรค์ชัย คุณจตุภูมิ และคุณเด่นภูมิมาสร้างธุรกิจมาจากที่ไหนหรอ?" กนตร์พีส่งเสียง"อืม" : "ใช่สิ ถ้าหากพูดว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความเหมือนกัน ก็น่าจะเป็นข้อน่าสงสัยที่พวกเราสามารถต่อยอดตรวจสอบได้ในตอนนี้" ครรชิตบอกว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นก็ตรวจสอบกันอย่างเงียบๆ แต่เขาพูดขึ้นอีกว่าที่จริงเรื่องก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หากต้องการตรวจสอบเงินก้อนแรกที่สร้างธุรกิจของพวกเขา คงนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายเลย แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะมีโอกาสยืมจากเพื่อน ยกตัวอย่างคุณจตุภูมิ บ้านของคุณณฐพรเป็นคนมีฐานะร่ำรวย พ่อของเธอทำงานหัวหน้ารับเหมากรรมกร ถ้าหากคุณจตุภูมิต้องการเงินจำนวนหนึ่งแสนหรือแปดหมื่นนับว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสำหรับพ่อของเธอ กนตร์พีเดินออกมาจากห้องทำงานของครรชิต ทันใดนั้นก็เห็นเสาวรสในมือกำลังถือรูปภาพเดินขึ้นบันไดอยู่พอดี รูปภาพนั้นถูกบรรจุในกระเป๋าพลาสติกอยู่ เห็นได้ชัดว่าเสาวรสเป็นคนพยายาม ในเมื่อรูปภาพนี้มีอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับความตายของคุณจตุภูมิ ดังนั้นควรต้องรักษาลายนิ้วมือบนรูปภาพนั้นให้คงอยู่เหมือนเดิม เมื่อกลับถึงห้องทำงาน เสาวรสก็สวมถุงมือสีขาว และดึงรูปภาพออกมาอย่างระมัดระวัง แล้ววางลงบนโต๊ะ โดยวางไว้พิงกับผนัง "รูปภาพนี้มีชื่อว่า (เอาคืน)" เสาวรสพูดขึ้น กนตร์พีนิ่งเงียบ เขาหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อมองดูรูปภาพนี้อย่างละเอียด : "คุณเห็นอะไรแล้วบ้าง?" เสาวรสส่ายหน้า : "ฉันแค่รู้สึกว่ารูปภาพนี้แปลกประหลาดที่สามารถสะกดอารมณ์คนดูได้ อีกอย่างรูปแบบการวาดก็ห่วยด้วย มันดูไม่เหมือนเป็นรูปภาพ แต่เหมือนกับลายมือไก่เขี่ยมากกว่า "คนวาดดูพิลึกมาก เขาตั้งใจเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเขา คุณดูภาพรวมของรูปภาพนี้สิ มีจินตนาการสูงมาก สามารถพูดได้ว่าเป็นรูปภาพที่ได้ผ่านการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนมาแล้ว อีกอย่างสีสันของรูปภาพ ดูแล้วยุ่งเหยิง แต่หากสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าคนวาดต้องการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองอยู่!" เสาวรสพูดเน้นย้ำด้วยความสงสัยว่า : "ความรู้สึกหรอ?" กนตร์พีพูดว่า : "ใช่แล้ว คือความรู้สึก รูปร่างคนที่มีเลือดไหลไม่กี่บาดแผลแสดงถึงความเคียดแค้น เมื่อเชื่อมโยงกับชื่อของรูปภาพก็จะทำให้พวกเราผุดโผล่หนึ่งความคิดขึ้น นั้นคือหนี้เลือกชำระเลือด อีกอย่างคุณมองเห็นภาพพื้นหลังอันไกลใช้สีเขียว และสีดำวาดจนทำให้คนดูเห็นเพียงความมืดครึ้ม และเมื่อเอาภาพมารูปร่างเลือดแดงฉานมาเปรียบเทียบกับ คุณตั้งใจดูดีๆ คุณรู้สึกไหมว่าภาพวาดพู่กันสีเขียวดำเหมือนกันดวงตาดวงหนึ่ง?" เมื่อเสาวรสมองก็พบว่าเหมือนจริงๆ "นี้คือดวงตาของสวรรค์ การกระทำของคนอยู่ในสายตาของสวรรค์ ดังนั้นหากไม่อยากให้คนรู้ก็จงอย่าทำ" เมื่อฟังคำวิเคราะห์ของกนตร์พีจบ สีหน้าของเสาวรสก็เคร่งเครียด : "คุณจะบอกว่าคุณจตุภูมิมีคดีฆาตกรรมติดตัวหรอ ดังนั้นเลยมีคนกำลังเรียกร้องที่จะแก้แค้น เมื่อเขาถูกกัดดันจากสถานการณ์แบบนี้จนทนไม่ไหว และสุดท้ายเขาก็เลือกฆ่าตัวตาย" กนตร์พีไม่ตอบกลับ เขาหรี่ตาลง : "เสาวรส คุณช่วยนำเทปบันทึกเสียงที่นำกลับมาจากสถานีวิทยุกระจายเสียงประจำจังหวัดเปิดให้ฟังสักรอบหน่อยสิ" ทั้งสองคนกำลังฟังเรื่องเล่าที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าอยู่ เมื่อได้ยินคำว่า"ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถมองเห็นวิญญาณที่ผูกอาฆาตเหล่านั้นกำลังร้องเรียก โหยหวน ตะเกียตะกายหาเขาอยู่ ซึ่งในค่ำคืนนี้เขาก็ยังคงเห็นพวกเขาเหล่านั้นกำลังโบกมือทั้งสองข้างเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่!" กนตร์พีก็บอกให้หยุด "ย้อนไปก่อนหน้านี้!" สายตาของกนตร์พีฉายแววตาน่าปิติยินดี "ทุกค่ำคืนที่มีบรรยากาศแบบนี้ เขามักจะหวนนึกถึงเรื่องในใจเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน เรื่องราวในตอนนั้นถือเป็นก้อนหินอันหนักอึ้งก้อนหนึ่งที่ทับอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขา..." เสาวรสดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ : "เมื่อยี่สิบห้าปีก่อนจะต้องมีคดีฆาตกรรมแน่ และคนไม่ใช่แค่คนเดียว บางทีคดีความนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการตายของคุณขรรค์ชัยด้วย อีกอย่างรูปภาพที่จตุภูมิได้รับที่มีรูปร่างคนผิดปกติและมีเลือดไหลอาจตะมีความเกี่ยวข้องกับคดีความเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วก็ได้? อย่างน้อยคดีความของคุณขรรค์ชัยและคุณจตุภูมิก็สามารถทำให้เราเจอช่องโหว่ แต่คุณเด่นภูมิยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย" กนตร์พียิ้มและพูดว่า : "เส้นทางต้องค่อยๆเดินทีละก้าว ข้าวก็ต้องค่อยๆกินทีละคำ อย่างน้อยพวกเราก็มีเส้นทางในการสืบหาแล้ว" เสาวรสยิ้ม กนตร์พีพูดว่า : "ที่จริงพอคุณยิ้มนี้สวยกว่าเดิมอีก ฉะนั้นไม่เห็นความจำเป็นที่คุณต้องทำหน้าหน้าเบี้ยวหน้าบูดเลย" เสาวรสหน้าแดงก่ำ ดูเหมือนเธออยากจะพูดบางอย่าง เธอขยับปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา กนตร์พีนำเรื่องที่ค้นพบบอกกับครรชิตและณภัทร ครรชิตบอกว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ของขรรค์ชัยในคืนนั้น พวกเขาก็พยายามนำอุบัติเหตุทางรถยนต์และเรื่องเล่าจากวิทยุเชื่อมโยงกัน แต่นอกจากการตายของขรรค์ชัยและตัวละครในเรื่องเล่าที่เหมือนกันมากก็ไม่มีเบาะแสอะไรอีก เรื่องราวเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย เพราะในประวัติของขรรค์ชัยเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน เขาไม่มีโอกาสได้ทำคดีความเลย เพราะในตอนนั้นเขาเข้ารับการเกณฑ์ทการ ปีที่สองถึงจะถูกปลดออกมาได้ ครรชิตบอกว่าคืนเกิดเหตุนั้น พวกเขาได้ตรวจสอบเรื่องราวแล้ว นอกจากสถานที่เกิดเหตุ การตายของคุณขรรค์ชัยและเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกัน เนื้อหาเรื่องเล่าตอนแรกๆก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย เพราะขรรค์ชัยกับรองอธิการบดีประจำจังหวัดเป็นเพื่อนร่วมรบกัน ในตอนที่เข้ากรมพวกเขาอยู่กองร้อยเหมือนกัน ณภัทรเป็นคนแรกที่รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาจากรองอธิการบดีคนนั้น เขาบอกว่าในปีนั้นขรรค์ชัยแทบจะไม่ออกจากกองร้อยเลย และในปีที่สองพวกเขาถึงจะถูกปลดออกไปได้ "อ่อ? ดูเหมือนว่าในเอกสารราชการไม่ได้บันทึกไว้" กนตร์พีถามขึ้นด้วยความสงสัย เหตุการณ์สำคัญขนาดนี้กลับไม่ได้ถูกบันทึก ณภัทรตบหน้าผากตัวเอง : "ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของผมเอง ครรชิตให้ผมเขียนข้อมูลสถานการณ์ เขียนเสร็จแล้ว และผมต้องการให้คุณบรรพตเซ็นชื่อก่อนทำบันทึกเข้าเอกสารข้าราชการ!" เขาเดินตรงไปหน้าห้องทำงาน และหยิบกระดาษสองหน้ายื่นให้กับกนตร์พีดู กระดาษนั้นคือข้อมูลยืนยันที่รองอธิการบดีบรรพตเขียนไว้ กนตร์พียิ้มและพูดว่า : "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง" ณภัทรตบบนบ่าของเขา : "ขอโทษที เป็นความสะเพร่าของผมเอง" เมื่อกลับเข้าห้องทำงาน เสาวรสก็เห็นสีหน้าของกนตร์พีไม่สู้ดี เลยถามว่าเป็นอะไร กนตร์พีเล่าให้เธอฟังหนึ่งรอบ ความกระตือรือร้นของเสาวรสก็ได้รับแรงกระตุ้น กนตร์พีถามว่า : "คุณรู้สึกผิดหวังไหม?" เสาวรสส่ายหน้า : "ไม่เห็นเป็นไรเลย เริ่มต้นใหม่กันได้" กนตร์พีพูดอย่างเหนื่อยใจว่า : "ฉันมักจะรู้สึกเรื่องราวของผู้หญิงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ต้องรอดูการตรวจสอบของติณณภพว่าตะมีอะไรน่าเซอร์ไพรส์บ้าง" เสาวรสไม่เข้าใจความหมายของกนตร์พี : "คุณจะบอกว่าอธิการบดีณภัทรของพวกเราทำผิดหรอ?" กนตร์พีพูดว่า : "อธิการบดีของพวกเราไม่น่าจะทำผิด บางทีอาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่จำผิด หรืออาจจะเป็นเพราะผู้หญิงเล่าเรื่องราวผิด" "ทำไหมล่ะ?" เสาวรสเหงื่อไหลท่วมตัว กนตร์พียิ้มและพูดว่า : "เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องเล่าของผู้หญิงคนนั้นคือเล่าให้ขรรค์ชัยฟัง หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คุณขรรค์ชัยก็จะเกิดความกลัว ส่วนเรื่องราวจะเกิดปีไหนล้วนไม่สำคัญ เธอตั้งใจเล่าผิด เพื่อต้องการปั่นป่วนตำรวจ และทำให้พวกเราปฏิบัติขั้นตอนผิดเส้นทาง!" "คุณหมายถึง คุณขรรค์ชัยฆ่าตัวตาย เพราะฟังรายการถ่ายทอดสดทางวิทยุนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการฆ่าตัวตายไม่ใช่การลอบฆ่าสิ? คำพูดของเสาวรสทำให้กนตร์พีเข้าสู่สภาวะมืดแปดด้าน จริงสิ หากอ้างสิ่งที่คุณพูดก็แสดงว่าคุณขรรค์ชัยรู้สึกละอายใจเลยฆ่าตัวตายโดยที่ไม่ต้องวางแผนลอบฆ่า
已经是最新一章了
加载中