บทที่ 36คิดถึงเงินจนเป็นบ้า(1)   1/    
已经是第一章了
บทที่ 36คิดถึงเงินจนเป็นบ้า(1)
บ๗ที่ 36คิดถึงเงินจนเป็นบ้า(1) อาจจะหนึ่งวัน อาจจะหนึ่งเดือน หรืออาจจะไม่กลับไปเลย........ ฐานะของคุณหนูเก้าตระกูลโจ๋วเป็นเพียงบัตรประชาชน ให้นางไปที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ นางไม่ได้รู้สึกเสียดายความมั่งคั่งของตระกูลโจ๋วสักนิด นางเอาเสี่ยวป๋านและอ้านฉาว แม้กระทั่งเงินที่ชนะคนอื่นมานักล่ารางวัลก็ได้เงินนั้นซ่อนไว้ที่เรือนลั่วหวี่. นางมารู้ได้ว่าบนโลกนี้แม้จะไม่ได้ตั๋วแลกเงิน ออกนอกบ้านเพียงแค่มีบัตรทองก็ไม่มีปัญหา ทางในเมืองหลวง ตระการตาเต็มไปด้วยสินค้า โลกใบนี้สำหรับซินเหยาถ้าจะให้พูดก็เหมือนคนแปลกหน้า แล้วไอของแปลกประหลาดพวกนี้ก็ยิ่งกว่าคนแปลกหน้า เช่น ว่านางสามารถเห็นไม้ไผ่รูปสามเหลี่ยมชนิดหนึ่งที่สูงประมาณหนึ่งเมตรกว่า. นางมองไปมองมาก็ไม่รู้ว่าไอของสิ่งนี้มันเอาไปทำอะไรได้. เช่นว่าเอาเป็นชั้นไปวางของหรือเปล่า แต่สามเหลี่ยมก็ไม่ได้มั่นคงเท่าสี่เหลี่ยม นี่เป็นหลักการง่าย ๆ เป็นโต๊ะในศตวรรษที่21 โต๊ะหนังสือ โต๊ะกินข้าว ตู้เสื้อผ้าอะไรพวกนี้ มันไม่ได้เป็นสามเหลี่ยม แต่มันเป็นสี่เหลี่ยม แล้วชั้นไผ่นี้ไม่สูงเลยสักนิด สูงเหมือนเด็กสามสี่ขวบเท่านั้น ซินเหยานึกไม่ออกว่ามันเอามาทำอะไร จะเอาไปวางหนังสือก็จะดูงุ่มง่ามไปหน่อย และก็ไม่แข็งแรง ในที่สุดก็ถามพ่อค้าเร่ ซินเหยาถึงรู้ว่า มันเป็นที่วางกระดาษชำระ! ซินเหยาเบิ่งตากว้าง หัวสมองมึนตึบไปเลย ไม่คิดว่ามันจะเอามาใช้ประโยชน์แบบนี้ ซินเหยาถามพ่อค้าเร่ว่าทำไมไม่ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมหล่ะแบบนี้มันจะมั่นคงกว่า และทำเป็นเสาไม้ไผ่จะดีกว่า หรือก็ตะกร้าไว้ใส่กระดาษชำระจะสะดวกกว่าไหม หลังจากพ่อค้าได้ฟัง ก็ส่งเสียงประหลาดใจ หลังจากซินเหยานำเสี่ยวป๋านออกมาไกลแล้ว พ่อค้าเร่คิดหนักอยู่นาน หลังจากนั้นก็ตระหนักได้ว่า เรียบเก็บของอย่างรวดเร็ว! พ่อค้าเร่อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ถาม: “กว่าฟ้าจะมืดก็อีกตั้งนาน ทำไมเก็บของเร็วจัง” พ่อค้าเร่ตอบ: “กลับไปทำเสาไม้ไผ่!” พ่อค้าเร่อีกคนถามด้วยความสงสัย: “อะไรคือเสาไม้ไผ่” พ่อค้าเร่ตอบอย่าใจจดใจจ่อ “เสาไม้ไผ่ในห้องน้ำจะได้รับความนิยมในอนาคต ทุก ๆคนจะต้องจดจำข้า ข้าจะเป็นคนในประวัติศาสตร์แล้ว!” พ่อค้าเร่อีกคนหนึ่งหัวเราะ: “ถ้าหากว่าทุกคนที่จำชื่อเจ้าได้ในห้องน้ำ งั้นเจ้าคงไม่ได้มีชื่อทางดีในประวัติศาสตร์ แต่เป็นชื่อที่เหม็นโชว่ไปหมื่นปี!” พ่อค้าเร่ไม่สนใจเสียงหัวเราะ เก็บของแล้ววิ่งไปราวกับมีเวทมนตร์”เอาเป็นว่าข้าเป็นคนค้นพบ!!” “ เห้ย คนนี้คิดถึงเรื่องเงินจนบ้าไปแล้ว! “ พ่อค้าเร่อีกคนดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็ตะโกนขายชั้นไม้ไผ่ของเขาต่อไป ซินเหยาเดินไปเดินมารอบ ๆ ตลาด ในความเป็นจริงแล้วนางไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป ไม่ชอบเดินเล่นซื้อของ และก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องซื้อ เพียงแค่อยากเข้าใจสัมผัสคนค้าขาย พ่อค้าเร่ เกษตรกรเหล่านั้น ถึงจะเพียงพอที่ได้มาสำรวจโลกใบนี้อย่างแท้จริง “ จีจี” เสี่ยวป๋านนอนขี้เกียจทั้งวันอยู่ในอ้อมกอดของซินเหยาอยู่ดี ๆ ก็ร้องเรียกขึ้นมา อุ้งมือลูบท้องไปมา ซินเหยามองมันคล้ายกลับการ์ฟิวจอมขี้เกียจ อดไม่ได้ที่จะดุอย่างขำ ๆ “ นอกจากจะนอนขี้เกียจเป็นแล้วเจ้าก็กินเก่ง! กินจนอ้วนไปหมดแล้ว ดีที่เจ้าไม่ใช่แมว ไม่อยากนั้นแค่หนูสักตัวก็ยังจับไม่ได้! “จีจี ! จีจี!” เสี่ยวป๋านร้องเสียงขึงขัง ที่คือสายตาจากคนอ้วน ซินเหยาดุอย่างขำ ๆ “ โอเคโอเค ! จีจีที่เก็บก่อนจะออกมาเจ้าก็กินไปหมดแล้ว พวกเราไปหาร้านอาหารกินกันสักมื้อแล้วกัน เออใช่ ที่นี่เขาไม่เรียกร้านอาหาร เขาเรียกโรงเตี้ยม อย่างนั้นพวกเราก็หาที่นอนกันสักคืนเถอะ” “จีจี” เหมือนว่ามันกำลังพูดอยู่ ก็ประมาณนั้น เสี่ยวป๋านเหลือกตามอง แล้วก็ทำท่าขี้เกียจมุดไปอยู่ในอ้อมกอดของซินเหยา แล้วก็นอนต่อ คล้ายกับว่ามันชอบอ้อมกอดของซินเหยามาก นอกจากเวลาจะกินแล้ว ปกติก็ไม่เคยออกมา สิ่งนี้ทำให้ซินเหยามั่นใจว่ามันต้องเป็นตัวผู้ และ ทะลึ่งมากๆ ด้วย ซินเหยาเห็นห้องข้างหน้าห้องหนึ่งพอดี ร้านพักป่ายเหอตกแต่งสะอาดสะอ้านก็เลยอุ้มเอาเสี่ยวป๋าเข้าไป ซินเหยาแต่งตัวธรรมดา แต่ยากที่จะซ้อนใบหน้าสวย ๆของเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้สะดุดตามากจนเกินไป คนอื่นเวลามองก็จะให้ความรู้สึกว่านางเป็นคนสุขุม เป็นหญิงสาวที่ดูมีเสน่ห์ จนไม่น่าแปลกใจอะไร ร้านพักข้างในโต๊ะนั่งสิบกว่าโต๊ะมีลูกค้านั่งไปกว่าครึ่ง ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น เห็นได้ว่าธุรกิจดำเนินไปดีมาก ซินเหยาหาโต๊ะนั่งที่เข้าใกล้กับหน้าต่าง ช่างเป็นพรสวรรค์โดยแท้ ไปที่ไหนครั้งแรกของที่นั่น สิ่งแรกที่ต้องทำคือสำรวจสภาพแวดล้อม สิ่งที่สองคือหาที่ทางหนีที่ไล่ แน่นอนว่าใกล้กับหน้าต่างเป็นหนึ่งในทางหนีที่ดีที่สุด “ แม่นางแมวของเจ้านั้นตัวขาวจริง ๆ” เด็กโรงเตี้ยมในร้านเข้ามาพูดคุย “นี่ไม่ใช่แมว” ซินเหยาชี้ออกไป “ โอ้ แม่นางสุนัขของเจ้าขาวจริง ๆ “ เด็กโรงเตี้ยมพูดเป็นรอบสอง “นี่ไม่ใช่หมา” “แม่นาง ขอถามหน่อยเจ้าจะสั่งอะไรหรือ” ตามจริงแล้วเด็กโรงเตี้ยมแค่อยากจะหาเรื่องคุยเรื่องเสี่ยวป๋านเพื่อให้รู้สึกดี ไม่ได้คิดว่าต้องมาตาล้างตามเช็ด เขาเลยถามตามประเด็นว่าจะสั่งอะไร “กุ้งผัดผัก ปลาเปรี้ยวหวาน เยียนหยุ่ยเริ่นพิงเฉิง............แล้วก็เอาซุปหอยเชลล์นกเยียนยาง ! พอและ เอาแค่นี้ก่อนละกัน รีบขึ้นกับข้าว เสี่ยวป๋านของฉันหิวแล้ว!” ซินเหยาพูดสั่งไปเจ็ดแปดอย่าง สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารที่ตอนพี่ชายสี่อยู่ทำแต่ของอร่อยให้นางกิน หลังจากนั้นพี่ชายสี่ก็โดนไล่ออกไป นางก็กินอาหารไม่มีชีวิตชีวาทุกวัน กินโจ๊กแห้ง ๆไปวัน ๆ 
已经是最新一章了
加载中