ตอนที่ 86 ยอมรับบุญคุณ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 86 ยอมรับบุญคุณ
ต๭นที่ 86 ยอมรับบุญคุณ การอยู่ลำพังบนริมถนนกลางดึก ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น นั้นจะทำให้เธอหนาวตายอยู่ข้างถนนเหมือนเด็กขายไม้ขีดไฟรึเปล่า ? เธอไม่มีบ้าน ดังนั้นยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว “ แฟน ? จริงเหรอ ? ถ้างั้นฉันจะโยนผู้ชายคนนั้นออกไปนอกอวกาศ ” ปริพลพูดอย่างโกรธเคืองที่โกหกเขา ในระยะเวลาสองปีมานี้ นี่คงจะเป็นนาทีที่เขาดูสนใจเธอมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาคิดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ แต่ทว่าตอนนี้กลับต่างออกไป เพราะเขากลับปกป้องเธอไว้อย่างดี ก็ไม่แน่ว่า กรินทร์รู้มานานแล้วว่าณิชาเป็นสาวรูปงาม ดังนั้นจึงชอบเธอมากขนาดนี้ แต่เขากลับโดนหลอกมาตั้งนาน ณิชาจนปัญญาจะต่อสู้ “ คุณลูกค้าค่ะ คุณจะกอดฉันไปถึงเท่าไหร่กัน เดียวคนอื่นมาเห็นเข้าจะทำยังไง ? ” เธอคิดว่าถ้าพูดเหตุผลกับเขา ก็คงจะเสียเวลาเปล่า ๆ “ งั้นก็ดีซิ ฉันจะได้ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นแฟนฉัน ” “ ฝันไปเถอะ ฉันบอกคุณไปแล้ว ว่าฉันไม่ได้ชอบคุณ เมื่อก่อนไม่ชอบยังไง ตอนนี้ก็ไม่ชอบอย่างนั้น และต่อไปก็เช่นกัน ” เธอพูดออกไปด้วยความโมโห เพราะชีวิตอันสงบสุขของเธอโดนเขาก่อกวนอีกครั้ง “ คนนิสัยไม่ดี เธอทำกับผู้มีพระบุญที่พึ่งช่วยชีวิตเธอไว้แบบนี้เหรอ ? ระวังฉันจะจับเธอกลับไปในห้องนั้นนะ ” ในใจของปริพลรู้สึกเจ็บแสบ “ นี่ใจของเธอทำด้วยอะไรกัน จะไม่เปลี่ยนใจสักนิดเลยเหรอ ? ” หัวใจเหรอ ? ณิชาย้อนกลับไปนึกถึงความเจ็บปวดในค่ำคืนนั้น มันช่างน่าสมเพชจริง ๆ “ ไม่เปลี่ยน ยังไงก็ไม่เปลี่ยน หัวใจของฉันมันตายไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว มันไม่สามารถจะรักใครได้อีก เพราะตอนนี้มันว่างเปล่าจนไม่มีแรงแล้ว ” เธอคิดว่า ใจของเธอคงกลับไปมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว อาจจะหม่นหมองแบบนี้ตลอดไป “ เธอมีคนที่ชอบบแล้วเหรอ ? บอกฉันซิมันเป็นใคร ใครมันเอาหัวใจเธอไป บอกฉันซิ ” เป็นใครกัน กรินทร์เหรอ ? แต่เขาก็ไปต่างประเทศแล้วนี่ นอกจากเขาจะมีใครได้อีก ? ? ปริพลราวกับโดนไม้พาด ที่แท้ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีใจ แต่เพราะเธอมีคนอื่นอยู่แล้ว “ ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย คุณชายปริพล คุณกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ ชีวิตที่มันดุเดือด เหล้าเบียร์ไม่ขาดนั้นดีจะตาย ” ณิชาใช้น้ำเสียงที่ผ่อนคลาย เธอจะไม่ยอมให้ใครรับรู้เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเด็ดขาด พยายามจะไม่คิด เพราะเผลอคิดเมื่อไหร่ ก็เจ็บปวดราวคล้ายกับนาทีนั้น เขาค่อย ๆ ปล่อยเธอออก และยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด “ เด็กโง่ เธอคิดว่าฉันจะกลับไปได้เหรอ ? โธ่เว้ย ทำไมเธอต้องเข้ามาในชีวิตฉันด้วย ” แม้ว่าจะโดนปฏิเสธมาหลายครั้ง และในทุก ๆ ครั้งก็ยังคงเสียใจ ลองใช้ทุกวิถีทางที่จะลืม แต่ก็ทำไม่ได้ หรือว่าเขาไม่ยอมลืมกันแน่ ถึงแม้เขาพยายามเริ่มใหม่อีกกี่ครั้ง แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในใจณิชารู้สึกปวดร้าว อันที่จริงเธอไม่อยากต้องมาเห็นเขาในสภาพที่เจ็บปวดแบบนี้ เพราะจริง ๆ ปริพลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแต่เขาแค่เอาแต่ใจและดื้อรั้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ “ ขอโทษนะ เธอต้องได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่าฉันแน่ ๆ ลาก่อน ” นับจากวันนี้ไป พวกเขาก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก เพราะเธอก็ทนทำงานที่นี่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว “ ใช่ซิ พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ ๆ ” ปริพลยืนพิงประตู และสัมผัสไปที่กุญแจเล็ก ๆ ที่คอของเขา ถ้าหากวันไหนไม่มีทางเปิดมันออก เธอนั้นแหละคือคนที่ปิดตายจิตวิญญาณของเขาไปตลอดกาล ณิชาเปลี่ยนจากชุดพนักงานมาใส่เสื้อผ้าที่ของเธอใส่เข้ามาร้านคาราโอเกะวันแรก เธอเก็บของทั้งหมดที่เธอนำมา และวางจดหมายลาออกไว้ในตู้เสื้อผ้าของพนักงาน ณ เวลาเที่ยงคืน เธอออกจากร้านไปโดยไม่ได้รับเงินค่าแรงสักบาท มันอาจจะดูเหมือนว่าเธอโง่เขล่า เพราะแม้ว่าเธอจะทำงานที่ร้านเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ควรจะรับค่าแรงก่อนจะออกจากร้านไป แต่ทว่าเธอไม่อยากเจอกับเจ้านายอ้วนน่าขยะแขยงอีก จึงดีกว่าที่เธอจะไม่ไปขอค่าแรงกับเขา เพื่อทำให้ดวงตาเธอใสสะอาดก่อนจากไป ที่นี่ก็เหมือนจุดพักชั่วคราวของเธอ ณ เวลานี้ไม่ค่อยมีผู้คนและรถราสัญจรไปมามากหนักบนท้องถนน ลมหนาวพัดค่อนข้างแรง คล้ายกับสายลมที่ปะปนเกล็ดหิมะเล็กน้อย หรือว่าพรุ่งนี้หิมะอาจจะตก เธอหดตัวเล็กน้อย และรัดเสื้อโค้ทจนแน่น หนาวมากจริง ๆ ลมหนาวพัดใส่หน้าเธอจนรู้สึกชา ข้างทางยังคงหลงเหลือหิมะที่ยังไม่ละลาย ในขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ เธอก็ไปหยุดตรงหน้าร้านค้าใต้โฉมไฟริมถนน ในขณะนั้นเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงความเงียบเหงา ผู้คนจำนวนน้อยที่เดินผ่านเธอไปมา พวกเขาคงจะมีบ้านกันหมด แต่ทว่าเธอกลับไม่มี เธอยังคงเดินไปเรื่อย ๆ จนเจอป้ายโฆษณาที่มีไฟจำนวนมาก เธอหยุดที่ป้ายโฆษณา แล้วพิงไปที่ป้ายเพื่อหวังให้ดวงไฟให้ความอุ่นแก่เธอ ณ ตอนนี้ด้านหลังของเธอมีแสงสว่าง แต่ทว่าด้านหน้ากับเผชิญกับความมืดมิด เธอคิดในใจว่าวันนี้คงต้องนอนที่ริมถนน แต่ไม่เป็นไร เพราะมันดีกว่าร้านที่มีแต่อันตรายนั้นเยอะ ไม่ต้องกลัว อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว เธอใส่หมวก และนั่งยอง ๆ ลงไปที่พื้น ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่เธอก็ยังคงง่วงนอน นั้นคงเพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ค่อนข้างตึกเครียด ดังนั้นพอเธอได้ผ่อนคลาย ร่างกายก็อยากจะพักผ่อน ในรถที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ปริพลมองดูณิชาที่นั่งพิงป้ายโฆษณาแล้วหลับไป ในใจของเขารู้สึกสงสาร “ ขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ยอมกลับบ้านอีก ” ขณะนั้นเอง ภายใต้ความสลัวก็มีคนกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเธอ ความง่วงทั้งหมดของเธอหายไปปอย่างฉับพลัน เธอรีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมป้องกันตัวเอง “ เธอคือณิชาใช่ไหม ” “ ใช่ คุณเป็นใคร ? ” แปลกจัง ทำไมคนแปลกหน้าคนนี้ถึงรู้จักชื่อของเธอ คนแปลกหน้ายัดการ์ดใบหนึ่งใส่ไปในมือของเธอ “ นี่คือคีย์การ์ดโรงแรม คุณชายปริพลให้ฉันเอามาให้เธอ และเขายังฝากมาบอกว่า เธออยากจะนอนข้างถนนหรือไปนอนที่โรงแรมสบาย ๆ แล้วแต่เธอจะเลือก เพราะเธอกลัวจะเสียศักดิ์ศรีถึงยอมออกมาทนหนาวข้างนอก แต่ว่าถ้าหากไม่สบายขึ้นมา ศักดิ์ศรีของเธอก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรไม่ได้ เขายังบอกอีกว่า เขาจะไม่บังคับเธอ แค่เป็นความช่วยเหลือจากเพื่อนเท่านั้น ” ณิชานิ่งเงียบไปสักครู่ ก็เก็บคีย์การ์ดที่เขายัดใส่มือเข้ากระเป๋า “ ฉันจะรับไว้ ” ที่ปริพลพูดก็ถูก ถ้าไม่สบายขึ้นมา ต่อให้ทนหนาวทนร้อนเก่งก็คงไม่มีประโยชน์อะไร รถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างถนน รถขับมาจากด้านหลังของเธอ ถึงแม้รถจะถูกขับอยู่ในความมืด แต่ทว่าเธอจำรถคันนั้นได้ มันคือรถของปริพล เธอคิดในใจว่าตอนนี้เธอติดหนี้บุญคุณเขาเสียแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากป่วย แล้วก็ไม่อยากนอนข้างถนน ไม่อยากจริง ๆ การมีศักดิ์ศรีกับความเป็นจริง ที่แท้มันคนละเรื่องกันจริง ๆ เพราะถึงยังไงคนเราก็ยังคงถูกยั่วยวนอยู่ดี ก็เหมือนกับการเอาข้าวหนึ่งจานมาวางไว้ตรงหน้าคนที่หิวโซ ถึงแม้ในข้าวในจานจะมียาพิษ แต่เพราะความหิวก็คงห้ามใจที่จะไม่กินข้าวไม่ได้ เธอก็คงเหมือนกัน เพราะเธอไม่ได้นอนหลับสนิทมาหลายคืนแล้ว ตอนนี้ก็อยากจะนอนหลับให้สนิทสักคืน ในโรงแรม เธออาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเสร็จเรียบร้อย ก็ยัดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม เพียงไม่กี่นาทีเธอก็นอนหลับไป 
已经是最新一章了
加载中