ตอนที่ 88 ไปทำงานที่ร้านเหล้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 88 ไปทำงานที่ร้านเหล้า
ต๭นที่ 88 ไปทำงานที่ร้านเหล้า ปริพลปลอมตัวเป็นคนอื่นเพื่อเอาอาหารมาให้เธอ พร้อมกับหางานให้เธออีกด้วย เขายื่นมือเข้าไปช่วยเธอ ในขณะที่เธอกำลังเจอทางตัน นับจากนาทีนี้ไป เขาอยากจะเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ “ ไม่ต้องหรอก ฉันกินแค่ข้าวโพดก็พอ ” เธอเกรงใจที่จะรับของจากเขาอีก ชายแปลกหน้าท่าทางแปลก ๆ คนเดิมเอาแก้วชานมร้อนใส่ไปในมือของเธอ “ รับไป แล้วรีบดื่มเข้าไปซะ เดียวมันเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ ” เขาพูดจบก็หันหลังกลับกัดขนมปังเข้าปาก ณิชาหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ พลางพูดเสียงเบา ๆ “ ขอบคุณ ” เธอรู้สึกอายจริง ๆ ก้มหน้าพลางใช้มือทั้งสองข้างถือแก้วชานมแล้วค่อย ๆ ยกแก้วชานมขึ้นดื่ม ชานมร้อน ๆ กลิ่นหอมหวานดื่มเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที ต่อจากนั้นเขาก็ทยอยยัดปีกไก่ เค้กลงไปในมือของเธอ แล้วนั่งกินอาหารข้างณิชาอย่างมีความสุข ราวกับว่ารสชาติอร่อยยิ่งกว่าเดิม “ นายเอาผ้าพันคอไว้แบบนั้น ไม่อึดอัดเหรอ ? ” ณิชารู้สึกว่าเขาแปลก ๆ กินอาหารทีไรต้องหันหลังให้เธอทุกที ทุกครั้งที่หันกลับมาก็เอาผ้าพันคออำพลางในหน้าได้อย่างแน่นหนา เขายิ้มแห้ง ๆ “ ไม่อึดอัด ไม่อึดอัดเลยสักนิดเดียว ฉันเป็นคนกลัวหนาว หน้าหนาวเมื่อไหร่ต้องแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้าน ไม่งั้นหนาวตายแน่ โดยเฉพาะหน้าจะรู้สึกหนาวที่สุด ใส่ไว้แบบนี้แหละรู้สึกดีที่สุด ” เขาพูดพลางหายใจถี่ด้วยความกังวลกลัวว่าจะโดนจับได้ ณิชายิ้มอ่อน ๆ เธอไม่ได้สงสัยอะไรกับคำพูดของเขาเลย “ อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณสำหรับอาหารเที่ยงนะ ” “ ไม่เป็นไร ” เขาฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอ เอียงหน้าไปอีกข้างหนึ่งพลางดึงผ้าพันคอลงเพื่อจะหายใจให้สะดวก ให้ตายเถอะ อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ดึงผ้าพันคอกลับเข้าที่ แล้วนั่งลงข้างเธออีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาเห็นเธอกำลังพลิกหนังสือพิมพ์ดูไปมา นั้นคือหนังสือพิมพ์ที่เมื่อสักครู่นี้มีคนลืมทิ้งไว้บนเก้าอี้ยาวตัวนี้ “ เธอกำลังหางานอยู่เหรอ ? ” ณิชาตอบไปด้วยน้ำเสียงที่หมดกำลังใจ “ ใช่ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ไม่มีสักที่อยากรับฉันเข้าทำงานเลย ” เธอยกไหล่ขึ้นมาพลางปล่อยลงอย่างพลับพลัน ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเชื่อใจชายแปลกหน้าที่ให้อาหารเธอทานคนนี้แล้ว “ แบบนี้นี่เอง ฉันมีเพื่อนคนนึงเปิดร้านเหล้า เขากำลังต้องหารพนักงานอยู่ เธออยากจะลองไปดูไหม ? ” เขาพูดอย่างใจดี ณิชารีบเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที “ จริงเหรอ ? งั้นก็ขอบคุณนายมาก ๆ เลยนะ ” นัยน์ตาของเธอมีประกายของความหวังขึ้นมา นี่ฟ้ายังเข้าข้างเธออยู่บ้าง แต่ถึงแม้ว่าทางข้างหน้าจะขรุขระแค่ไหน ถ้าจิตใจกล้าหาญ ไม่หวาดหวั่นกับอุปสรรคยังไงก็จะต้องผ่านมันไปได้ เขาเผลอจ้องมองณิชาที่ยิ้มออกมาด้วยแววตาสดใสอย่างมีความหวังจนสติหลุดไป เมื่อสักครู่นี้ท่าทางของเขายังดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าอยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้ราวกับร่างกายของเขาถูกเติมพลังจนเต็มแล้ว “ เรื่องเล็กน้อยมาก เลิกพูดขอบคุณได้แล้ว ” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง “ ใช่แล้ว ที่นั่นสามารถจ่ายเงินล่วงหน้าให้ฉันก่อนได้ไหม เพราะฉันจะเอาเงินไปเช่าห้อง ” เรื่องนี้สำคัญกับเธอมาก เพราะจากประสบการณ์ที่เธอเจอมา เธอไม่กล้าที่จะไปขอใครนอนที่ร้านอีกแล้ว “ เธอไม่มีครอบครัวเหรอ ? ” เขาทดลองหยั่งเชิงถามเธอ เธอเงียบคิดไปสักครู่ ส่ายหัวพลางยิ้มเจือด แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ ฉันไม่มีครอบครัวหรอก ฉันอยู่ตัวคนเดียว ” เธอเคยคิดว่าบ้านหลังนั้นเปรียบเสมือนบ้านของเธอ เป็นบ้านที่สามารถนำมาซึ่งความสุขและความอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นบ้านที่เธอสามารถหลบหนาวหลบร้อนได้ แต่ทว่าในความเป็นจริงบ้านหลังนั้นกลับเป็นเหมือนคุกที่จองจำเธอเอาไว้ ที่โง่ไปกว่านั้นคือ เธอพึ่งจะมาตาสว่างเมื่อไม่นานมานี้เอง “ เป็นแบบนี้นี่เอง ” เมื่อได้ฟังคำตอบในใจของเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที “ เธอสบายใจเถอะ เดียวฉันจะลองบอกเพื่อนให้จ่ายเงินเดือนเธอก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อน แต่ว่าเธอต้องตั้งใจทำงานนะ ” เธอพยักหน้าอย่างแรง “ ได้ ฉันจะตั้งใจทำงานแน่ ๆ ฉันทำได้ทุกอย่าง งานจะหนักแค่ไหนก็ไม่กลัว ” สำหรับเรื่องนี้เธอรู้สึกมีความมั่นใจมาก “ เด็กโง่ ฉันจะปล่อยให้เธอลำบากได้ยังไง ” “ นายพูดว่าอะไรนะ ? ” ณิชาเหมือนได้ยินเขาพูดว่าเด็กโง่อะไรสักอย่าง ซึ่งข้างหลังเธอฟังไม่ชัดเจน เขาทำเป็นแกล้งถามกลับเธอไป “ ฉันพูดอะไร? ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เธอได้ยินว่าอะไรล่ะ ? ” เกือบไปแล้ว เกือบจะโดนจับได้เสียแล้ว ณิชาคิดว่าตัวเองคงได้ยินผิด “ ไม่มีอะไรหรอก ฉันคงได้ยินผิด ” จากนั้นเขาก็ฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์ออกมา แล้วเขียนที่อยู่ของร้านเหล้าที่แนะนำให้เธอไปสมัครงาน “ เธอถือกระดาษแผ่นนี้ให้พวกเขาก็พอแล้ว เดียวฉันจะโทรไปบอกพวกเขาไว้ก่อนว่าเธอคือคนที่ฉันแนะนำให้ไปสมัครงาน ” ณิชารับกระดาษแผ่นนั้นมา ในใจเธอรู้สึกซาบซึ่งมาก “ ขอบคุณนายมากนะ ว่าแต่ นายชื่ออะไรเหรอ รอฉันได้เงินเดือนฉันจะเลี้ยงข้าวนาย ถือว่าเป็นการตอบแทนจากฉัน ” “ โอเค ฉันชื่อ ” เขาชะงักหยุดพูดไปทันที “ เอ่อ ฉันไม่ค่อยชอบให้คนอื่นรู้ชื่อฉันเท่าไหร่ ชื่อฉันมันไม่ค่อยเพราะอ่ะ เดียวครั้งหน้าฉันจะไปหาเธอที่ร้าน แล้วค่อยบอกนะ ” ชื่อไม่ค่อยเพราะเหรอ ? ท่าทางเขาดูแปลกจริง ๆ แต่เป็นคนดีมาก “ โอเค ครั้งหน้านายมาที่ร้านฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง ” “ เธอพูดเองแล้วนะ ” เขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ภายใต้ผ้าพันคอนั้น แต่ทว่าพระเจ้าช่วยด้วย ตอนนี้เขาใกล้จะตายเพราะหายใจไม่ออกแล้ว “ งั้นฉันไปก่อนนะ ” ณิชาโบกมือให้เขา แล้วเดินออกไปอย่างตื่นเต้นดีใจ เธอคิดว่าต้องรีบหาร้านนั้นให้เจอ แล้วรีบหาห้องเช่าก่อนฟ้าจะมืด เมื่อณิชาเดินจากไปแล้ว ปริพลก็รีบดึงผ้าพันคอออก เขาสูดสมหายใจเขาไปเฮือกใหญ่ “ ทำไมต้องซื้อผ้าพันคอหนาขนาดนี้ว่ะ เกือบจะหายใจไม่ออกตายแล้วไหมล่ะ ” เขาหันไปมองแผ่นหลังของณิชาที่เดินจากออกไปไกลนั้น รู้สึกดีใจราวกับจะเต้นออกมา ณิชามาหยุดอยู่หน้าร้านเหล้าที่ปริพลเขียนที่อยู่ให้ นี่เพราะยังสว่างอยู่ ร้านเลยยังไม่เปิด ชายคนหนึ่งที่สวมชุดนอนท่าทางสะลึมสะลือเดินเข้ามาใกล้ประตู สายตาของเขาเปิดเพียงครึ่งเดียวคล้ายกับคนยังไม่ตื่นนอน อีกทั้งยังหาวออกมาอีกด้วย เขาจะเป็นเจ้าของที่นี่หรือเปล่านะ ? ณิชาใช้มือปัดผมเข้าที่เพื่อให้ดูเรียบร้อย แล้วเดินไปที่เขา “ คุณคือ...... ” “ เข้ามาซิ ” เธอยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็ขัดจังหวะคำพูดของเธอ แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ส่วนเธอก็เดินตามเขาเข้าไป ด้านในของร้านเหล้าเวลานี้ช่างมืดสนิท ชายคนนั้นเดินไปที่หน้าคาน์เตอร์บาร์ แล้วนั่งลงก่อน หลังจากนั้นก็ใช้คางของเขาเงยขึ้นเพื่อชี้ไปที่นั่งข้างหน้า “ นั่งซิ ” ตอนนี้เจียมพจน์เริ่มมองเห็นณิชาชัดเจนขึ้นแล้ว สายตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ สาวสวยเลยทีเดียว ” ที่แท้ที่คุณชายชอบพูดว่า ยัยขี้เหร่ ? ? นั้นเพราะเขาสายตามีปัญหา หรือว่าสายตาของคุณชายกันแน่ที่มีปัญหา ณิชาออกจะสวย อีกทั้งยังสวยอย่างเป็นธรรมชาติซะขนาดนี้ ถ้าได้แต่งหน้าสักนิด ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ เข้าไปอีกสักหน่อย ก็จะสวยสมบูรณ์จนน่าดึงดูดอย่างที่สุด ณิชาถูกมองจนเริ่มรู้สึกอึดอัด บวกกับคำพูดที่เขาพูดออกมา ทำให้เธอนิ่งจะนั่งไปติด “ คุณคือเจ้าของร้านเหรอคะ ? ” “ ใช่ คนสวย ” เจียมพจน์รินน้ำใส่แก้ว แล้วยื่นไปวางไว้หน้าเธอ 
已经是最新一章了
加载中