ตอนที่ 107 ผีหลอกแล้ว ทำไมถึงได้เจอเขาตลอดเลย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 107 ผีหลอกแล้ว ทำไมถึงได้เจอเขาตลอดเลย
ต๭นที่ 107 ผีหลอกแล้ว ทำไมถึงได้เจอเขาตลอดเลย การพบกัน มันเป็นความสุขของเขา แต่กลับเป็นความทุกข์ของเธอ กสิณเห็นเธอยิ้มให้ครรชิตแบบนั้น หัวใจก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นได้ยังไง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องงาน และแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาก็ตาม เมื่อกลับบ้านมาณิชาก็ยังคงตื่นเต้นมากอยู่ หลังจากอาบน้ำร้อนแล้วเธอก็มานอนลงบนเตียงขนาดใหญ่ คิดไปถึงอนาคตอันใกล้ หัวใจเธอก็เต็มไปด้วยความสุขเหมือนฝัน ติ๊งต่อง... ทันใดนั้นเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ดึกขนาดนี้แล้วเป็นใครกัน มองดูเวลา มันห้าทุ่มแล้ว เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินไปที่ประตู “ใครคะ” เธอเปิดดูที่ช่องเล็กๆ ข้างนอกมันมืดมาก ในแสงที่ส่องออกมาจากช่องว่าง เธอเห็นคู่ของรองเท้าหนังสีดำอย่างดี! หัวใจเต้นแรงฉับพลัน สูดหายใจเข้าลึกแล้วมองขึ้นไป เธอเห็นกสิณกำลังยืนพิงประตูและสูบบุหรี่ ที่แท้ก็เป็นเขา เธอเสียใจอยู่หลังประตู “มีเรื่องอะไรคะ” เธอเฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเหมือนเม่นตัวน้อย “ถ้าไม่มีอะไรฉันมาไม่ได้หรือไง” เขาย้อนถาม มองเด็กสาวที่เต็มไปด้วยอาการระแวดระวังแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะโมโห เขาเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ คิดว่าเขาเป็นหมาป่าหรือนักฆ่าหรือไงกัน “ขอโทษค่ะ ฉันอยากนอนแล้ว” เธอปิดประตูอย่างเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสเขาได้เข้ามา หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เธอพิงประตูกับอาการลมหายใจถี่กระชั้น ประตูหนึ่งบาน ตัดขาดกั้นคนสองคนออกจากกัน คนหนึ่งอยู่ในความสว่าง ส่วนอีกคนอึมครึมมืดมิด ยืนหันหลังให้กันอยู่คนละฝั่ง เขาสูบบุหรี่ในที่มืด ควันสีขาวลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เนิ่นนานก็ไม่แยกหายไป ขณะที่เธอพิงประตูก็เกิดความสับสนวุ่นวายใจไปหมด การมาหาอย่างกะทันหันครั้งนี้ มาเร็วและไปเร็ว แต่กลับมีสัญญาณเตือนดังขึ้นในจิตใจเธอ ถึงเวลาที่เธอต้องย้ายแล้ว **** “ได้โปรดรอเดี๋ยวค่ะ” ณิชายื่นมือออกไปยังลิฟต์ที่กำลังปิดอย่างรวดเร็ว มันเป็นเวลาบ่ายสามโมง ซึ่งเธอมาสายไปนิดหน่อย คนที่อยู่ในลิฟต์ใจดีกดเปิดประตูให้เธอ เธอไม่พบว่าในลิฟต์มีอะไรที่ผิดปกติ “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอรีบวิ่งเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่จะได้เวลามองเขา หลังจากที่เข้าไปยืนแล้วก็กดไปที่ชั้น48 เธอเห็นปุ่มกดชั้น69เปล่งแสงอยู่ นั่นคือชั้นที่สูงที่สุด เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใคร หันหน้าไปก็พลันได้พบกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงและมองเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม คุณกสิณ.......ใบหน้าของเธอแข็งค้างไปในทันที ไม่จริงน่า ผีหลอกกลางวันแสกๆงั้นเหรอ เธอเสียใจจนอยากจะหนีออกจากตึกแล้วตอนนี้จะทำยังไง ความคิดที่วุ่นวายเกิดขึ้นในสมองของเธอ ในที่สุดก็เลือกที่จะค่อยๆหันหน้ากลับไปที่ตำแหน่งเดิมและทำเป็นมองไม่เห็น บรรยากาศตึงเครียด เธอควรจะอยู่กับผู้หญิงผมยาวมากกว่า ทำไมลิฟต์ถึงได้ช้านัก เธอขมวดคิ้วยุ่ง ท่าทางดูทุกข์ทรมานมาก “ตอนนี้เธอไม่เข้าใจมารยาทพื้นฐานแล้วเหรอ” กสิณเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ กล้าดียังไงถึงไม่สนใจเขา “ท่านคะ ฉันพูดว่าขอบคุณไปแล้ว” เธอหัวเสียเล็กน้อย พูดอย่างใจเย็นโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลย กสิณยิ้มอย่างเย็นชา “ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆเลยนะ ไม่เรียกคุณอาไม่เรียกคุณกสิณ แต่เรียกว่าท่านแล้ว จะพูดยังไงฉันก็เลี้ยงดูเธอมา12ปี เป็นคนไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจริงๆ” “ท่านคะ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีมันเหมือนกันเท่านั้นค่ะ” เธอไม่ได้ใส่อารมณ์หรือตะโกน ตามจริงเธอไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีกแล้ว เธอเห็นลิฟต์วิ่งผ่านชั้น47 อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้า เมื่อตัวเลขเด้งไปชั้น48ประตูก็เปิดออกช้าๆ ณิชารีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว สายตาด้านหลังมองตามไม่ลดละไปจนกระทั่งประตูปิดสนิท มีเหงื่อเย็นที่หลังของเธอ ตลอดทางไม่รู้ว่าชนกระจกไปมากแค่ไหน จนไปถึงตรงหน้าครรชิตจมูกของเธอก็เกือบจะแบนไปแล้ว “ทำไม คุณโดนผีหลอกเหรอ” ครรชิตถามติดตลก “ใช่ค่ะ ตึกของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยสะอาดเลยนะคะ” ณิชารับมุกตลกของเขา จู่ๆอารมณ์ก็ผ่อนคลาย เขาเป็นมากกว่าผีธรรมดา เพราะแทบจะเป็นผีร้าย “อ่า ดูเหมือนต้องเรียกหมอผีผู้ชำนาญการมาปัดเป่าซะแล้ว” เขาพยายามที่จะกลั้นรอยยิ้ม จริงๆแล้วเมื่อครู่เขาเพิ่งเห็นฉากในลิฟต์ ใครให้เขามีกระจกไปทั่วทุกแห่งล่ะ แล้วณิชาก็ถูกเขาทำให้หัวเราะ อารมณ์จึงดีขึ้นมาก “วันนี้เราต้องเลือกกันว่าจะร้องเพลงอะไร เลือกเพลงที่คุณคิดว่าจะสามารถทำออกมาได้ดี ไม่มีเวลามากนัก เหลืออีกแค่ห้าวันเท่านั้น ดังนั้นถ้าต้องซ้อมเต้นด้วยมันก็จะไม่ทันเวลา คุณมีเสียงที่ดีอยู่แล้ว คุณสามารถดึงดูดผู้คนได้โดยไม่ต้องร้องไปด้วยเต้นไปด้วย ผมจะช่วยคุณออกแบบเอฟเฟกต์เวที จากนี้คุณเพียงแค่ต้องมีสมาธิในการร้องเพลงเท่านั้น” ครรชิตใช้เวลาข้ามคืนในการออกแบบเอฟเฟกต์บนเวทีที่ยอดเยี่ยมหลายอย่างสำหรับเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่อลังการมากมาย แต่ภาพที่ออกมาจะต้องทรงพลังเพียงพอ “กับเรื่องนี้ฉันไม่เข้าใจ แต่ฉันฟังคุณ ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากพยายามลองทำหลายๆอย่าง” “ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะหาสไตล์ของคุณเอง แต่ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องเป็นตัวของตัวเอง” มันเป็นประสบการณ์หลายปีในการสร้างศิลปินของเขา สุ่มสี่สุ่มห้าปฏิบัติตามแนวโน้มหรือปรับเปลี่ยนร้อยแบบไปในที่สุดก็จะทำผู้ชมเสียจุดโฟกัสแทน “อืม ฉันจะค่อยๆเรียนรู้ค่ะ” “ช่างเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังจริงๆ” เขายิ้มชื่นชม มันเป็นความสุขมากที่ได้ทำงานกับเด็กผู้หญิงที่ทั้งเฉลียวฉลาดทั้งสวยน่ารัก ณิชายิ้มเพียงบางเบาก็คำชื่นชมของเขา “แล้วตอนนี้ฉันต้องทำอะไรคะ” “งานแรกของคุณคือแค่ฟังซีดีบนโต๊ะตรงนั้น แล้วเลือกเพลงที่คุณชอบ” ครรชิตชี้ไปที่ซีดีบนโต๊ะกระจก งานนี้ค่อนข้างง่าย “ได้ค่ะ ฉันไปที่นั่นก่อนนะคะ” ตอนนี้เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว ด้วยการวางมือไว้ข้างหน้า ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่ชนกระจก ครรชิตถอนสายตา โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เมื่อเห็นตัวเลขที่แสดงเขาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป “สวัสดีครับท่านประธาน มีอะไรจะแนะนำเหรอครับ” ครรชิตหมุนปากกาในมือด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มาหาฉันหน่อย” กสิณไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก ลมหายใจเย็นเหมือนอากาศในไซบีเรีย “ผมว่ามันเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้วนะ คุณยังสามารถระบายอากาศเย็นได้อยู่อีกเหรอเนี่ย เดี๋ยวผมขึ้นไปเลยครับ” ครรชิตวางสายไป ทำท่าทำทางชี้ขึ้นข้างบนให้ณิชาและจากนั้นก็ไป
已经是最新一章了
加载中