ตอนที่101 เรื่องบังเอิญ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่101 เรื่องบังเอิญ
ต๭นที่101 เรื่องบังเอิญ ภายในร้านกาแฟที่เงียบสงบ สวี่อันฉิงค่อยๆคนกาแฟที่อยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับสนทนากับหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม หญิงสาวที่อายุราวๆยี่สิบกว่าซึ่งเป็นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับสวี่อันฉิง ลักษณะเฉพาะตัวของเธอที่ส่งผ่านมาทำให้ผู้คนจดจำเธอ เพราะเธอให้ความรู้สึกที่อ่อนหวานนุ่มนวลและจิตใจดีงาม แต่ลักษณะของสวี่อันหนิงกลับมีความฉลาดและดุมาก จนพูดได้ว่าไม่มีใครเข้าใกล้เธอได้ง่ายๆ สองสาวที่แตกต่างกันลิบลับเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่า ณ ตอนนี้เวลานี้ได้พูดคุยอยู่ต่อหน้ากัน “ถ้าฉันจำไม่ผิดแล้วละก็ เมื่อไม่นานมานี้เธอได้เข้าทำงานที่บริษัทเซิ่งซื่อแล้วใช่ไหม?” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามถามขึ้น สวี่อันฉิงพยักหน้าแล้วยิ้ม “ใช่แล้ว ทำไมหรอ?” “แล้วภรรยาของประธานบริษัทเซิ่งซื่อคนนั้นชื่ออะไรนะ? อ้อ ชื่อเสิ่นอีเวย เธอรู้จักมั้ย?” แล้วสีหน้าของสวี่อันหนิงก็ค่อยๆเปลี่ยน มือที่กำลังถือช้อนอยู่นั้นก็หยุดลง “รู้จัก พวกเราทำงานด้วยกัน” หญิงสาวคนนั้นก็เริ่มถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอกับเขาก็น่าจะสนิทกันสินะ? ฉันอยากจะนินทาอะไรซักหน่อย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเซิ่งซื่อไม่ค่อยดีใช่ไหม?” ขณะนั้นน้ำเสียงของสวี่อันฉิงก็ได้เย็นชาลงนิดหน่อย “เธอถามคำถามพวกนี้ทำไมหรอ?” เธอเป็นสูตินรีแพทย์ ยุ่งทุกวัน ไม่เหนื่อยหรือไง ยังมาเป็นทุกข์กับเรื่องพวกนี้อีก ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับสวี่อันฉิง แม้ว่าเซียวมั่นจะคุ้นชินกับวิธีการพูดจาของเธอมานานแล้ว แต่ว่าคำพูดที่แฝงไปด้วยการทำร้ายผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นทำตัวไม่ถูกเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เซียวมั่นได้เจอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกประหลาดใจ “งานของฉันเนี่ยน่าเบื่อแค่ไหนเธอก็รู้ ทุกวันก็ทำคล้ายกันเหมือนเดิม โอกาสที่จะได้ยินเรื่องซุบซิบพวกนี้มันยากมาก แล้วฉันจะพลาดโอกาสได้ยังไง?” มองไปบนใบหน้าที่มีสีหน้าเฝ้าคอยของเซียวมั่น สวี่อันฉิงจับได้ว่าคำพูดที่เธอพูดมาเมื่อสักครู่นี้มีคำสำคัญบางคำอยู่ โอกาสในการซุบซิบ? ทำไมถึงพูดเช่นนี้? ลางสังหรณ์ของสวี่อันฉิงกำลังบอกเธอว่าเซียวมั่นน่าจะไปรับรู้เรื่องอะไรมา เซียวมั่นยกมือซ้ายขึ้นทัดหู “ก็คือเมื่อหลายวันก่อน มีผู้หญิงคนนึงมาตรวจครรภ์กับฉัน แล้วเมื่อถึงชื่อของเธอ ในตอนนั้นฉันคิดว่าชื่อนี้ฉันเคยได้ยินที่ไหนก่อน แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆ และหลังจากที่เธอตรวจเสร็จออกไปแล้วฉันก็บังเอิญนึกได้ว่าเคยได้ยินเธอพูดถึงเขา เขาไม่ใช่ภรรยาของประธานบริษัทเซิ่งซื่อหรอกหรอ” เซียวมั่นเป็นเพื่อนของสวี่อันฉิง เธอไม่ได้พูดใส่ร้ายเสิ่นนอีเวย ผู้หญิงพูดคุยกันเรื่องซุบซิบนินทาเป็นเรื่องปกติธรรมดา สวี่อันฉิงรู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด มองไปที่เซียวมั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอแน่ใจนะว่าคนที่ไปตรวจครรย์กับเธอชื่อ เสิ่นอีเวย” ในใจของเธอพรั่งพรูไปด้วยความโกรธ แต่ว่าเธอกำลังระงับความรู้สึกไว้อย่างหนัก ไม่แน่อาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้ เซียวมั่นพยักหน้ายืนยันอย่างหนักแน่น “ฉันแน่ใจ” “ ในวันนั้นที่เขาไปตรวจครรภ์เขาไปคนเดียวหรอ? มีคนอื่นไปกับเขาหรือไม่?” ทันใดนั้นเซียวมั่นก็ให้ความสนใจในทันที “ที่ฉันจะพูดนินทาก็เรื่องนี้แหละ พูดกันตามหลักแล้วคุณนายของตระกูลที่มีทั้งเงินและอำนาจแบบนี้ตั้งครรภ์ ไม่ใช่ว่าจะต้องถูกประคบประหงมหรอกหรอ แต่คุณนายเซิ่งท่านนี้กลับไปตรวจครรภ์คนเดียว ในตอนนั้นฉันสงสัยเลยถามเธอไป เธอบอกว่าสามีของเธอยุ่งมากไม่มีเวลามาเป็นเพื่อน” เมื่อได้ยินเซียวมั่นพูดเช่นนั้น สวี่อันฉิงก็ถอนหายใจโล่งอก เธอคิดไม่ถึงว่าเสิ่นอีเวยจะท้องลูกของเซิ่งเจ๋อเฉิง สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อเธอนัก แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าเสิ่นอีเวยไปคนเดียว ถ้าเช่นนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเดิมทีเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้สนใจลูกที่อยู่ในท้องของเสิ่นอีเวย สวี่อันฉิงยิ้มออกมาอย่างเยาะหยัน “ดังนั้นก็พูดได้ว่า ท้องแล้วยังไง? ก็ยังเป็นคนที่น่าสงสารที่ไม่ได้รับความรัก!” เซียวมั่นไม่ได้แสดงออกเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรแล้วแลบลิ้นออกมา ทั้งสองคนกลับมาพูดเรื่องที่เสิ่นอีเวยตั้งครรภ์กันอีกเยอะแยะมากมาย เพียงแต่สวี่อันฉิงเป็นคนใจแข็ง ต่อให้เซียวมั่นจะเป็นเพื่อนของเธอ เธอก็ยังคงที่จะไม่พูดความคิดในใจที่แท้จริงออกมา เรื่องบางเรื่อง ถ้ามีคนรู้เยอะๆก็จะไม่ดี เสิ่นอีเวยคิดว่าหลังจากที่ได้รับการยืนยันเรื่องที่ตนเองท้องแล้วนั้นในใจของเธอก็จะมีความกดดัน แต่ว่าช่วงไม่กี่วันมานี้ความรู้สึกที่กังวลและกลัวแทบจะหายไปหมดแล้ว เพียงแค่ตอนนี้รู้สึกว่าสถานภาพของตัวเองเปลี่ยนไป ต่อจากวันนี้ไปตัวเธอเองจะไม่ใช่ผู้หญิงอายุยี่สิบห้าธรรมดาๆคนหนึ่งแล้ว แต่เธอคือแม่คนแล้ว วันนี้เสิ่นอีเวยกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่มีความสุขเหมือนปกติ ป้าเฉินที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวทักทายเธอ “คุณผู้หญิง กลับมาแล้วหรอคะ” “ใช่แล้ว ป้ากำลังทำกับข้าวเย็นหรอ” เสิ่นอีเวยมองไปรอบๆ เธอพูดน้ำเสียงที่เบาและเร็ว คล้ายกับว่าตอนนี้ป้าเฉินได้ถูกเสิ่นอีเวยแพร่ระบาดอารมณ์แล้ว เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ วันนี้ตอนเย็นคุณชายจะกลับมา” เสิ่นอีเวยชะงัก “วันนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงจะกลับมาหรอ?” ป้าเฉินพยักหน้า ถึงแม้ว่าความรู้สึกของเสิ่นอีเวยจะยังคงค่อนข้างมีความสุขแต่ว่าก็ลดลงมานิดหน่อย ใช่แล้ว เธอไม่อยากพบเจอผู้ชายคนนั้น แม้กระทั่งว่าไม่อยากที่จะร่วมอยู่ในพื้นที่เดียวกับเขา อารมณ์ในแง่ลบระหว่างคนมักจะส่งผลกระทบซึ่งกันและกันเสมอ บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยปกติ “คุณผู้หญิงเสิ่น ดูเหมือนหลายวันมานี้จะอารมณ์ดีมาก ไปเจอเรื่องอะไรดีดีมาหรอคะ?” ป้าเฉินถามพลางหั่นกับข้าวไป เสิ่นอีเวยถูกถามเช่นนี้ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงอย่างภาคภูมิใจออกมาว่า “ใช่แล้ว ได้เจอเรื่องที่มีความสุขเป็นอย่างมาก” เสิ่นอีเวยกลัวว่าป้าเฉินจะถามต่อจึงรีบพูดออกมาก่อนว่า “ฉันทานอาหารเย็นมาจากข้างนอกแล้ว ตอนเย็นไม่ต้องเรียกฉันนะ ฉันอยากจะพักผ่อนซักหน่อย” ป้าเฉินรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย จึงเงยหน้าถาม “คุณชายไม่กลับมาเป็นเดือนแล้ว วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะกลับมา คุณผู้หญิงเสิ่นไม่ทานข้าวกับเขาซักมื้อหรอ?” เสิ่นอีเวยรู้ว่าที่ป้าเฉินพูดมาไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่น ยังไงเขาก็ถือว่าเป็นแค่คนรับใช้ที่รับผิดชอบเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ สำหรับสถานะที่แท้จริงระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้น ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เข้าใจอย่างท่องแท้ เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างจนปัญญา “ไม่ดีกว่าค่ะ เขาก็คงจะไม่สนใจเรื่องนี้หรอกค่ะ” เมื่อพูดจบเธอก็เดินขึ้นไปข้างบน ตลอดทั้งเย็นเสิ่นอีเวยอยู่แต่ในห้องของตนเองไม่ได้เดินออกไปไหนเลย เธอคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงคงน่าจะเพียงแค่กลับมาเพื่อเอาของบางอย่าง ไม่น่าจะอยู่ที่บ้านนาน แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเธอพึ่งอาบน้ำเสร็จและนั่งลงบนเตียงเตรียมตัวที่จะอ่านหนังสือนั้น ก็ได้มีคนเคาะประตูขึ้น เสิ่นอีเวยรู้ทันทีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนเคาะประตู เพราะว่าในบ้านนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเคาะประตูเสียงดังขนาดนี้โดยที่ไม่กลัวว่าจะรบกวนเธอเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะเปิดประตู แต่พอมานึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับตนในห้องทำงานวันนั้นเสิ่นอีเวยก็รังเกียจเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อยากที่จะพูดคุยอะไรกับเขาทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พลิกหนังสือที่อยู่ในมือไปมา เธอคิดว่าซักพักเซิ่งเจ๋อเฉิงก็คงจะไปเอง แต่ว่าไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูขึ้นมาอีก แต่ว่าความดังและจังหวะสามารถฟังออกว่าเขาเริ่มที่จะอารมณ์ไม่ดีแล้ว เจอปีศาจเข้าแล้วจริงๆ ในใจของเสิ่นอีเวยคิดอย่างโกรธเคือง โยนหนังสือทิ้งแล้วเดินไปเปิดประตู เซิ่งเจ๋อเฉิงสวมชุดอยู่บ้านยืนที่หน้าประตู ใบหน้าอันโมโหมองมาที่เสิ่นอีเวย “ความกล้าของเธอนี่นับวันนับยิ่งมากขึ้นนะ นึกไม่ถึงว่าจะต้องให้ฉันรออยู่ที่หน้าประตู” เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ จึงพูดโต้แย้งกลับไปว่า “เราสองคนขนาดตบตีกันก็ยังทำมาแล้ว แค่ไม่เปิดประตูให้นายจะถือว่าเก่งขนาดไหนหรอ?” 
已经是最新一章了
加载中