ตอนที่104 การตัดสินใจที่สำคัญ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่104 การตัดสินใจที่สำคัญ
ต๭นที่104 การตัดสินใจที่สำคัญ คุณหมอลู่ไตร่ตรองอย่างจริงจังแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “สองเลือกหนึ่ง ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณไม่พร้อมที่จะมีบุตร ถ้าหากคุณยังปล่อยให้ท้องต่อไปมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต และพวกเราก็ยังไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้อาการของโรคจะทรุดลงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ก็แย่มากที่สุด” ถ้าจะให้พูดตรงๆคือคุณจะต้องเอาเด็กออก คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ เพราะเขาเป็นหมอ น่าจะต้องทำให้อารมณ์ของตนเองไม่ไปกระทบต่อคนไข้ แววตาของเสิ่นอีเวยเฉื่อยชาและไร้ความรู้สึก เหมือนดั่งรูปปั้นที่นิ่งสงบ ที่มองดูร่างกายและจิตวิญญาณของตนเองถูกของแหลมทิ่มเจาะทะลุจนแตกละเอียดจนกลายเป็นฝุ่นอย่างหมดหนทาง เผชิญหน้ากับคำตำหนิและคำอธิบายของคุณหมอลู่ เธอไม่อยากโต้แย้งใดใดทั้งสิ้น เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เสิ่นอีเวยเริ่มที่จะเสียใจกับการตัดสินใจของตนเอง ครั้งแรกคือการหลงรักเซิ่งเจ๋อเฉิงข้างเดียวแล้วแต่งงานกับเขา หลังแต่งงานกลับทุกทรมานร้อยแปดพันเก้ากับการปฏิบัติอย่างเย็นชาของเขา สภาพความเสียใจเหมือนดั่งลูกโป่งที่กำลังถูกเป่าให้ใหญ่ขึ้นที่อยู่เต็มทั่วช่องอก เธอเสียใจที่ทำไมตอนแรกไม่เชื่อฟังคุณหมอลู่กับฉินโม่ เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่แน่ว่าลูกที่อยู่ในท้องอาจจะสามารถออกมาลืมตาดูโลกได้ และไม่เหมือนกับตอนนี้ที่สามารถทำได้แค่เลือกเด็กในครรภ์ เมื่อเธออ้าปากพูดเสียงของเธอก็แตกสั่น “ถ้าฉันยืนยันว่าจะคลอดเด็กออกมา ฉันอาจจะตายได้ใช่มั้ยคะ?” คุณหมอลู่มองที่ตาของเสิ่นอีเวยอย่างเคร่งขรึม ถ้าหากยังหาตับใหม่ที่เข้ากับร่างกายคุณได้ไม่ทันเวลาและการดำเนินการปลูกถ่ายไม่สำเร็จละก็ คุณหมอไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เสิ่นอีเวยก็รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว เธอไม่รู้ว่าเธอจะออกไปจากโรงพยาบาลนี้ยังไง ระหว่างทาง จิตใจของเสิ่นอีเวยสงบนิ่งเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อเธอปิดประตูรถ เสียงจากโลกภายนอกทั้งหมดได้ถูกตัดออก ที่จอดรถใต้ดินโล่งกว้าง ความเงียบสงัดดอันใหญ่โตโจมตีมาที่เสิ่นอีเวย สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมา เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจและความเจ็บปวดดังกึกก้องอยู่ที่พื้นที่อันคับแคบในรถ เสิ่นอีเวยฟุบหน้าลงไปที่บนพวงมาลัยรถ แล้วร้องไห้ดั่งหัวใจแทบสลาย แม้ว่าตั้งแต่แต่งงานผ่านมาสองปีเสิ่นอีเวยมักจะร้องไห้ให้กับการทำให้เธอเจ็บปวดของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ว่าวันนี้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แท้จริงที่สิ่งที่มีค่าที่สุดของตนเองกำลังจะถูกกำจัดทิ้งไป การแต่งงานในครั้งนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยที่จะให้ความหวังและความฝันใดๆมาก่อน และเมื่อเธอกำลังจะยอมแพ้ก็กลับมามีลูกน้อย เธอรู้ว่าสวรรค์ได้มอบของขวัญให้กับเธอ แต่ว่าโชคชะตาช่างล้อเล่นกับคน เธอเก็บรักษาเขาไว้ไม่ได้ เก็บรักษาลูกที่เป็นของตัวเองไว้ไม่ได้ เธอทำได้แค่เอาเด็กออก ปลูกถ่ายตับที่เข้ากับร่างกายคุณได้ คำพูดที่เน้นหนักพวกนี้วกวนอยู่ในหัวของเสิ่นอีเวยตลอดเวลา เมื่อเสียงร้องค่อยๆหายไป ในใจของเธอก็มีแสงสว่างเล็กๆปรากฏขึ้นอย่างทันทีทันใด ถ้าหากใคร่ครวญตามคำพูดของคุณหมอลู่แล้ว ถ้าเธอสามารถที่จะหาตับที่เข้ากับร่างกายเธอได้มาทำการปลูกถ่ายอย่างเร็วที่สุด ถ้าเช่นนั้นแล้ว ความต้องการของตนเองทั้งหมดก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ เสิ่นอีเวยค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง เธอไม่เชื่อว่าตนเองจะถูกโค่นล้มได้ง่ายขนาดนี้ ถ้าไม่มีใครอยากที่จะช่วยเธอกับลูก ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะช่วยเหลือตัวเอง เธอถามกับตัวเองว่าในชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดี เธอไม่เชื่อหรอกว่าโชคชะตาจะทำกับเธอเช่นนี้ เมื่อเธอจัดการกับความรู้สึกทั้งหมดแล้ว สัปดาห์ใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น การออกไปทำงานต่างเมืองก็มาถึง เสิ่นอีเวยสวมแว่นดำเดินก้าวเข้ามาในสนามบินอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ตนเองคิดแก้ปัญหาอย่างชัดเจนในรถวันนั้นแล้ว เธอรู้สึกว่าทั่วร่างกายของเธอเต็มไปด้วยพละกำลัง เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าตัวน้อยในท้องที่ให้ความมั่นใจและกำลังใจกับเธอ แม้แต่ครั้งนี้เดินทางไปทำงานต่างเมืองกับฉวี่อันฉิง ในใจของเสิ่นอีเวยก็ไม่มีความกลัวใดๆ ก่อนที่เครื่องบินจะขึ้น เสิ่นอีเวยได้รับข้อความจากเซิ่งเจ๋อเฉิง “เครื่องบินลงแล้วโทรมา” เป็นข้อความที่สั้นจนไม่รู้จะสั้นยังไงแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นสไตล์ของผู้ชายคนนั้นมาแต่ไหนแต่ไร เสิ่นอีเวยเพียงแค่เล็งดูแล้วก็ปิดมือถือ เธอไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงทำไมจู่จู่ถึงให้เธอรายงานความปลอดภัย เธอรู้เพียงว่าตนเองไม่มีทางที่จะฟังคำพูดเขา เสียงของสวี่อันฉิงก็ดังขึ้นที่หู ประธานเซิ่งส่งข้อความมาหรอ? ในใจของเสิ่นอีเวยรู้สึกไม่พอใจ เธอมองสวี่อันฉิงอย่างเย็นชา “เธอแอบมองโทรศัพท์ฉันหรอ?” เธอยิ้มและไม่ปฏิเสธ แล้วพูดอย่างไม่เก็บมาใส่ใจว่า “ยังรักและห่วงใยจริงๆนะ” เสิ่นอีเวยไม่ได้สนใจเธอ เสียงพนักงานชี้แนะดังขึ้นมา ทุกคนปิดโทรศัพท์มือถือ ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินได้บินขึ้นเหนือชั้นบรรยากาศก้อนเมฆแล้ว แสงในห้องผู้โดยสารมืดสลัว ได้ยินเพียงแค่มีคนพลิกหน้าหนังสืออยู่บ่อยๆ สวี่อันฉิงจู่จู่ก็เข้ามาใกล้เสิ่นอีเวยอย่างช้าๆ เสียงของเธอแฝงไปด้วยการแสดงออกถึงการหัวเราะเยาะ และภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัดนั้นเสียงของเธอจึงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ “ท้องแล้วยังจะเดินทางไปทำงานต่างเมืองไกลๆ น่าจะไม่ค่อยปลอดภัยมั้ง” เหมือนดังถูกมีดสั้นที่กรีดลงมาจากหัวจนทะลุไปถึงหัวใจ ในเวลานั้นลมหายใจของเสิ่นอีเวยเหมือนหยุดลง เสียงสุดท้ายของประโยคที่สวี่อันฉิงพูดยังคงอยู่ในหูของเสิ่นอีเวย ใบหน้าที่ตะลึงงันของเสิ่นอีเวยได้หันกลับไป ไฟสีเหลืองนวลบนเบาะที่นั่งสว่างขึ้น แสงไฟสาดส่องลงมากระทบบนใบหน้าของสวี่อันฉิง ทำให้ใบหน้าของเธอข้างนึงสว่างและอีกข้างนึงเป็นเงามืด ดูเหมือนอะไรที่แปลกประหลาด ขนตาของเสิ่นอีเวยสั่นไหว ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะทำให้อารมณ์ของตนเองกลับมานิ่งสงบ ในน้ำเสียงฟังไม่ออกเลยแม้แต่นิดถึงความรู้สึกของเธอ “เธอพูดอะไรของเธอ ฉันไม่เข้าใจ?” สวี่อันฉิงหัวเราะเบาๆ “เธอไม่ต้องกังวลขนาดนั้นและไม่ต้องปิดบังอารมณ์ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เดิมทีเสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่สวี่อันฉิงรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ ในสมองเธอคิดทบทวนอย่างละเอียดแล้วว่า นอกจากคุณหมอลู่ ตนเองไม่เคยพูดเรื่องที่ตั้งครรภ์กับใครเลย ตกลงแล้วเธอรู้ได้ยังไงนะ ดังนั้นแผนรับมือเริ่มต้นของเสิ่นอีเวยคือถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่เลือกกระทำ ตัวเธอเองก็จะไม่กระทำเหมือนกันเธออยากให้เรื่องนี้รู้แจ้งให้เร็วที่สุด แต่ดูจากการแสดงออกของสวี่อันฉิงแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอรู้จะเรื่องที่ตนเองท้องแล้วจริงๆ เสิ่นอีเวยบีบแขนเสื้อแน่นอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนี้เธอถึงได้พบว่ามือของตัวเองนั้นกำลังสั่นเทา “เธอรู้ได้ยังไง?” เสิ่นอีเวยคาดเดาในใจไปอย่างไม่รู้ตัว หรือว่าจะเป็นคุณหมอลู่? แต่ว่าตามที่เธอเข้าใจ ฉวี่อันฉิงกับเธอก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอยู่แล้ว “ฉันรู้จักคุณหมอแผนกนรีเวชที่เธอไปตรวจด้วย” เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เพราะหมอผู้หญิงคนนั้นดูแล้วเป็นคนที่ดีใช้ได้ แต่สวี่อันฉิงเป็นผู้หญิงที่จิตใจอำมหิต นึกไม่ถึงว่าสองคนนี้จะเป็นเพื่อนกันได้ “วันนั้นพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน จู่จู่เพื่อนคนนั้นก็พูดกับฉันว่ามีคนที่หน้าตาคล้ายกับเธอเข้าไปตรวจครรภ์ ฉันจึงลองถามให้ละเอียดดูอีกหน่อย คิดไม่ถึงว่าเธอจะท้องแล้วจริงๆ ยินดีด้วยนะ!” เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่อันฉิง ในใจของเสิ่นอันฉิงก็เริ่มตกใจกลัวกับสภาพแวดล้อมที่อันตราย แต่เธอไม่อยากแสดงออกทางสีหน้า ถ้าหากเป็นเธอเมื่อก่อน ในเวลานี้คงจะตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก แต่เธอคิดได้ว่าตอนนี้เธอเป็นแม่คนแล้ว จิตใจจึงเข้มแข็งขึ้นมาก ในเมื่อสวี่อันฉิงรู้เรื่องนี้แล้ว แล้วยังเสนอตัวขอร้องกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อที่จะมาทำงานต่างเมืองด้วยตนเอง เมื่อคิดอย่างเชื่อมโยงกันแล้ว เสิ่นอีเวยจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากที่สุด การเดินทางในครั้งนี้คงหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว สวี่อันฉิงได้พูดขึ้นต่อที่ข้างหูด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความเหน็บแนม” เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้มั้ยว่าเธอท้อง ฟังดูจากน้ำเสียงแล้วเหมือนกับเป็นความลับ” เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?” สวี่อันฉิงพูดเหมือนกับไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้น “หลังจากที่พวกเราไปถึงเมืองC เธอก็ห่างกับเซิ่งเจ๋อเฉิงไกลมากแล้ว ฉันคาดว่าไม่ว่าตอนนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาคงจะไม่ทันได้รู้หรอกใช่มั้ย?” เสิ่นอีเวยคิดว่าคำพูดเธอต้องมีนัยบางอย่างแอบแฝงแน่ๆ เธอจึงพยายามทำให้อารมณ์ตัวเองสงบไม่สะทกสะท้าน “ตกลงเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่”? 
已经是最新一章了
加载中