ตอนที่107 ชอบความปวดร้าวเป็นทุกข์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่107 ชอบความปวดร้าวเป็นทุกข์
ต๭นที่107 ชอบความปวดร้าวเป็นทุกข์ เสิ่นอีเวยเดินกลับห้องทำงานตนเองด้วยความเสียใจ ในใจของเธอเริ่มสับสน เพราะว่าเธอไม่กล้ารับรองว่าสวี่อันฉิงจะรักษาความลับแทนเธอหรือไม่ แล้วเมื่อสักครู่ จู่จู่ทำไมเซิ่นเจ๋อเฉิงถึงสามารถไปหาสวี่อันฉิงด้วยตนเอง หรือว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีอะไรเปลี่ยนไปแล้ว? ปัญหาตามมาอย่างไม่ขาดสายทำให้สมองของเสิ่นอีเวยรู้สึกเหนื่อย เธอเหนื่อยล้าจนนอนฟุบหน้าไปบนโต๊ะทำงานเพื่อที่ต้องการจะพักซักหน่อย ทันใดนั้น มีเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉินดังขึ้นมาที่หน้าประตู “เธอนี่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงไม้ลงมือกับคนอื่นในที่ทำงาน” เสิ่นอีเวยได้ยินว่าเป็นเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงไม่อยากสนใจเขา ดังนั้นจึงแกล้งตายแม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้นไป แต่เห็นได้ชัดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ๆ “ เธอทำรายงานสิ่งที่ได้รับจากการไปทำงานที่เมืองcครั้งนี้ส่งมาให้ฉันด้วย” เสียงของเขาไม่สูงไม่ต่ำเหมือนเดิม เสิ่นอีเวยค่อยๆเงยหน้าขึ้น เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “คุณพูดอะไรนะ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเธออย่างเย็นชา แววตาบอกอย่างชัดเจนว่าฉันไม่อยากพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง ในเวลานี้เสิ่นอีเวยก็ไม่สามารถจัดการสถานะระหว่างเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ จึงพูดอย่างโวยวายว่า “คุณจริงจังใช่ไหม? สิ่งที่ได้รับจากทำงาน? ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่ไหม คุณคิดว่านี่คือรายงานของเด็กนักเรียนประถมหรือ? มีบริษัทไหนเขาให้พนักงงานเขียนของพวกนี้?” เซิ่งเจ๋อเฉิงเหล่ชำเลืองแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าไม่มีบริษัทไหนทำ ดังนั้นเธอดูไม่ออกหรอว่าฉันตั้งใจแกล้งเธออยู่?” เสิ่นอีเวยชะงัก ถอนหายใจอย่างหนัก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจนปัญญา “ดังนั้นประธานเซิ่ง ฉันไปยั่วโมโหคุณตรงไหนอีก?” เซิ่งเจ๋อเฉิงไอออกมาเบาๆ เสิ่นอีเวยฟังออกว่าน่าจะเป็นหวัดแล้ว เขามุ่งตรงไปนั่งที่บนโซฟา มองไปที่แววตาของเสิ่นอีเวยที่มีความไม่ชัดเจนอยู่ “ทางที่ดีเธออธิบายให้ฉันฟังอย่างชัดเจน วันนั้นก่อนขึ้นเครื่องที่เธอโทรหาฉันพูดกับฉันด้วยคำพูดสับสนวุ่นวายนั้นตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น” เสิ่นอีเวยชะงัก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา เธอกลับไปย้อนคิดอยู่ซักพัก ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังพูดถึงอะไร แล้วบนใบหน้าของเธอก็แดงขึ้น เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไรดี? ที่ทำไปทั้งหมดตอนนั้นก็เพื่อเย้ยหยันสวี่อันฉิงดังนั้นเธอจึงตั้งใจพูดคำพูดพวกนั้นออกมาให้สวี่อันฉิงฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเอามาใส่ใจจริงๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวเสิ่นอีเวยก็รู้สึกปวดหัว ช่างเถอะ คิดเหตุผลอย่างอื่นไม่ออกแล้ว พูดความจริงแล้วกัน ในใจเสิ่นอีเวยสับสนวุ่นวาย เทหมดหน้าตักแล้ว! “คุณรู้อยู่แล้ว ฉันไม่ชอบสวี่อันฉิงคนนี้ แน่นอน เธอก็ไม่ได้ชอบฉันเท่าไหร่ อีกทั้งฉันรู้สึกว่าระยะนี้ความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งสองดูเหมือนว่า.....จะใกล้ชิดแล้ว? ฉันไม่สบายใจ วันนั้นฉันจึงตั้งใจพูดคำพูดพวกนั้นในโทรศัพท์กับคุณต่อหน้าเธอ พูดให้ชัดคือตั้งใจยั่วโมโหเธอ ถ้าคุณไม่สบายใจก็อย่าเก็บเอาคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเลย ดีไหม?” เมื่อพูดเสร็จ ในใจของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกสบายอย่างไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ จริงๆแล้วมีเรื่องอะไรก็พูดไปเช่นนั้นมันทำให้รู้สึกสบายใจแบบนี้เอง เมื่อมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง ใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นเย็นชาดั่งน้ำแข็งในหน้าหนาว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเสิ่นอีเวยมองไปที่เขาสีหน้าก็เปลี่ยน คิดไม่นึกว่าในใจจะเกิดความหวาดกลัว ก็ใช่ คำพูดที่ตนได้พูดไปจริงๆแล้วเหมือนท้าทายขีดจำกัดของเขา เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่โกรธ “ดังนั้น ความหมายของเธอก็คือ เพื่อที่จะทำให้สวี่อันฉิงโกรธเธอจึงตั้งใจพูดคำพูดพวกนั้นกับฉันออกมา” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยการย้อนถาม ฟังดูแล้วรู้สึกเบาหวิว แต่เสิ่นอีเวยมั่นใจแล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงได้โกรธขึ้นแล้ว คำพูดที่มีกลิ่นอายอึมครึมของเขานั้นไม่พูดก็เป็นที่เข้าใจ แต่ว่าเสิ่นอีเวยยังคงไม่กลัวตายจึงพยักหน้า “อืม จริงๆแล้วก็สามารถเข้าใจแบบนี้ได้” เซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงมองไปที่เธอ สุดท้ายเพียงแค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “รายงานสิ่งที่ได้รับจากการทำงาน ไม่น้อยกว่าห้าพันคำ ใช้มือเขียน” เมื่อพูดจบลงก็เดินออกไปจากห้องทำงานของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยนั่งตะลึงงันอยู่ที่เดิม นึกถึงสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดไปสักครู่ บนมือก็ออกแรง แกร๊บ! เสียงดินสอวาดภาพร่างก็หักลง ยังไงเสิ่นอีเวยยก็ไม่ยอมเขียนรายงานสิ่งที่ได้รับจากการทำงานด้วยลายมือตัวเอง5000คำเพื่อที่จะส่งเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างแน่นอน เธอใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายในการจัดเก็บเอกสารที่นำกลับมาจากเมืองc จากนั้นก็จัดการและปรับปรุงแผนการทำงานในไตรมาสต่อไป หลังจากที่ทำทุกอย่างเกือบจะเสร็จแล้ว เมื่อมองไปที่นาฬิกาข้อมือก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วจริงๆ เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้คือวันเสาร์ เสิ่นอีเวยก็ชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก นับนิ้วคำนวนเวลาทั้งหมดที่ตนเองตั้งครรภ์น่าจะประมาณใกล้ๆยี่สิบวันแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายตนเองจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไรมากแต่เสิ่นอีเวยก็ยังคงคิดว่าการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่สามารถทำให้คนๆนึงกำจัดความเคยชินไปมาก นับวันยิ่งเปลี่ยนขึ้นทุกทีเหมือนกับไม่ใช่ตนเอง ดังนั้นเมื่อเสิ่นอีเวยเดินผ่านร้านไอศกรีม เพียงแค่หยุดดูที่กระจกหน้าต่างข้างนอกครู่เดียวก็รีบเดินออกมา ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนตนเองชอบมากที่สุด ตอนนี้แค่เจอก็ไม่อยากเห็นแล้ว เสิ่นอีเวยเกรงว่าตนเองทุกวันอยู่แต่ห้องทำงานจะทำให้ลูกน้อยที่อยู่ในท้องรู้สึกอุดอู้ ดังนั้นจึงตั้งใจจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะข้างๆบ้าน และตั้งใจจะไปซื้อของนิดหน่อยที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายของสด เมื่อเธอถือถุงใส่ส้มเปรี้ยวๆถุงหนึ่งกลับบ้าน ก็พบว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงได้นั่งอยู่ที่บนโซฟาแล้วอย่างไม่คาดคิด ป้าเฉินยุ่งทำงานอยู่ในครัว เห็นเสิ่นอีเวยนำเอาส้มใส่ไว้ในตู้เย็น จึงถามออกมาทันที คุณผู้หญิงเสิ่นซื้อส้มมาหรอคะ? ฤดูนี้ส้มยังเปรี้ยวอยู่เลยนะคะ เสิ่นอีเวยพยักหน้ายิ้มแล้วพูดว่า ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันชอบกินเปรี้ยวๆหน่อย พอพูดออกไปเสิ่นอีเวยก็รีบปิดปากตนเอง มิน่าล่ะเมื่อสักครู่ตนเองได้กลิ่นของส้มเปรี้ยวๆก็รีบเดินเข้าไป หรือเป็นเพราะว่า....ตนเองตั้งครรภ์แล้วนะ! เมื่อถูกป้าเฉินถามขึ้นเธอจึงพึ่งจะรู้สึกตัว เสิ่นอีเวยรีบหันไปดูการแสดงออกของป้าเฉิน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ท่าทางของเธอเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ในใจของเสิ่นอีเวยก็กังวลขึ้นมา กลัวว่าป้าเฉินจะเอาสิ่งที่ในใจของตัวเองคิดอยู่ทั้งหมดถามออกมา ดังนั้นเสิ่นอีเวยจึงรีบพูดขึ้นว่า ฉันไม่ชอบกินของหวาน รวมทั้งพวกผลไม้ด้วย ดังนั้นจึงซื้อส้มเปรี้ยวๆมา เมื่อเห็นสีหน้าที่สงสัยของป้าเสิ่นหายไปแล้ว เสิ่นอีเวยก็รู้สึกวางใจ เธอหันหน้าไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟา เขากำลังตั้งใจจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ในครัว เสิ่นอีเวยทอดถอนหายใจ การทานอาหารเย็นนั้นเป็นไปอย่างเงียบสงบจนมาก และระหว่างนั้น โทรศัพท์ที่เซิ่งเจ๋อเฉิงวางไว้บนโต๊ะอาหารก็ดังขึ้น เสิ่นอีเวยก็เงยหน้าชำเลืองมองเล็กน้อย บนหน้าจอที่สั่นปรากฏเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเพียง แค่มองอย่างไม่สงสัยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นรับแล้ว สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนของเขาลุกขึ้นออกไปจากที่นั่งของตนเอง เขาเดินไปที่มุมกำแพงและมีแจกันลายครามซึ่งความสูงเท่าครึ่งตัวคนอยู่ข้างๆ ตรงนั้นมีหน้าต่างหนึ่งบาน มองออกไปจะเห็นสวนดอกไม้เล็กๆพอดี มีหลอดไฟกลางคืนเล็กๆสว่างออกมาในความมืด เสิ่นอีเวยมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังรับโทรศัพท์อยู่ รู้สึกได้ว่าเขาเหมือนตั้งใจจะหลบตนเองเพื่อไปรับโทรศัพท์ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วระยะห่างของทั้งสองคนก็ไม่ไกลมาก แต่สิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดแม้เพียงซักคำเสิ่นอีเวยก็ยังฟังไม่ชัด ความรู้สึกแปลกๆในใจก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นทุกที เมื่อซักครู่ที่เสิ่นอีเวยก้มหน้ากินน้ำซุปก็ได้เห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ตรงหน้าต่างหันหน้ากลับมามองตนเอง แบบนี้ไม่ใช่ท่าทางที่ปกติของเซิ่งเจ๋อเฉิงเฉย เธอกล้ายืนยันได้
已经是最新一章了
加载中