ตอนที่110 เซ่นไหว้บนเขาหวินมู่
1/
ตอนที่110 เซ่นไหว้บนเขาหวินมู่
จากวันนี้ไป นายเป็นสามีเก่าแล้ว
(
)
已经是第一章了
ตอนที่110 เซ่นไหว้บนเขาหวินมู่
ตนที่110 เซ่นไหว้บนเขาหวินมู่ หลังจากที่พูดจบ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่หันหน้ากลับมามอง ปล่อยให้เสิ่นอีเวยยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว เสื่นอีเวยสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว หน้าร้อนกำลังจะหมดไป ความรู้สึกเย็นในต้นฤดูใบไม้ร่วงได้ปีนไต่ไปทั่วร่างกายเธอ แต่ในเวลานี้ถึงแม้ว่าจะโยนเธอทิ้งเข้าไปในตรงกลางของอุโมงค์น้ำแข็งก็ไม่สามารถเทียบได้กับความรู้สึกเหน็บหนาวที่ก้นบึ้งของหัวใจเธอ ตั้งแต่แต่งงานมาสองปี เป็นครั้งแรกที่เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเธออยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่นี้ แต่ว่าร่างกายและจิตใจของตัวเองกลับรู้สึกว่าไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนซึ่งก็เป็นเพราะว่าเธออยู่ที่นี่ไม่มีแม้แต่ความรักและความห่วงใยสักนิดเดียว มือขวาลูบคลำไปยังท้องน้อยเรียบๆของตนเองเบาๆ จิตใจของเสิ่นอีเวยถาโถมไปด้วยความทุกข์ระทม โชคดี ที่ในใจตนเองยังสามารถหาการปลอบใจจากสิ่งเล็กๆอันนี้ได้ ถ้ามองจากอีกด้านหนึ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงฆ่าเธอแต่ก็ยังช่วยเธอ ถ้าไม่ใช่เซิ่งเจ๋อเฉิง ตนเองก็คงจะไม่มีลูกคนนี้ เมื่อนึกถึงเวลาอันสั้นที่สามารถนับได้ของชีวิตตนเอง เสิ่นอีเวยคิดว่าบางทีลูกคนนี้คงจะเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะเหลือทิ้งไว้บนโลกใบนี้ วันที่18เดือนตุลาคม เป็นวันครบรอบห้าปีที่พ่อแม่เสียชีวิต เสิ่นอีเวยไปที่ร้านดอกไม้ตั้งแต่เช้าเพื่อซื้อดอกเบญจมาศสีขาวช่อใหญ่หนึ่งช่อ สุสานของพ่อแม่อยู่บนยอดเขาหวินมู่ ถึงแม้ว่าจะอยู่บนเขาแต่ก็ทำถนนวนรอบภูเขาไว้อย่างสะดวก เสิ่นอีเวยขับรถขึ้นไปบนภูเขาคนเดียวเพียงลำพัง ทัศนียภาพของเขาหวินมู่ดีมาก เสิ่นอีเวยเปิดกระจกรถไปตลอดทาง นำพาลมเย็นสบายในรุ่งเช้าทะลุหน้าต่างรถพัดผ่านไปยังบนใบหน้าของเธอ เสิ่นอีเวยพึ่งได้พบว่าตนเองไม่ได้ออกมาเดินเล่นนานมากแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอได้มีเรื่องราวที่ซับซ้อนมากมายเข้ามาก่อกวนใจ จิตใจและกำลังร่างกายเหนื่อยหล้าถึงขีดสุด วันนี้ของทุกปีเธอจะมาดูพ่อแม่โดยเฉพาะ เมื่อก่อนยังมีพี่เสิ่นหุ้ยมากับเธอด้วย แต่จากที่เกิดเรื่องเมื่อสองปีก่อนเสิ่นหุ้ยก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด วันนี้เธอไม่โง่อีกที่จะไปขอลาหยุดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนกับครั้งที่แล้วที่ไปงานแสดงการออกแบบ แต่ว่าหลังจากที่เมื่อวานได้จัดการมอบหมายงานให้กับฉินจื่อเฟิงในห้องทำงานแล้ว เช้าตรู่วันนี้ก็ตรงขึ้นมาบนเขาเลย ถ้าดูตามนิสัยของเซิ่งเจ๋อเฉิง ถ้าหากเขารู้ว่าเธอขาดงานโดยพลการ ยังไงก็ไม่พ้นที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ว่าทำอะไรไม่ได้ จะพูดอย่างไรดี พ่อแม่ของตนเองก็คือพ่อตาแม่ยายของเขา วันนี้คือวันครบรอบวันตายของพวกท่าน เขาไม่มีเหตุผลหรืออำนาจที่จะมาห้ามไม่ให้เธอมากราบไว้ ดอกเบญจมาศที่ขาวและชุ่มน้ำถูกวางไว้ที่หน้าหลุมศพอย่างเบาๆ รูปบนป้ายหลุมศพค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองแล้ว ลมพัดโชยมา ใบไม้แห้งถูกพัดม้วนไปมา ถึงแม้ว่าจะมีแสงอาทิตย์แต่อากาศก็ยังคงหนาว เสิ่นอีเวยรวบเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวไว้แน่น แล้วค่อยๆนั่งยองๆลงอย่างช้าๆ เธอนั่งคุกเข่าประมาณสามสิบนาทีที่หน้าหลุมศพเหมือนเช่นทุกปี ในปีแรกและปีที่สอง ทุกครั้งที่มากราบไหว้พ่อกับแม่เสิ่นอีเวยจะต้องร้องไห้อย่างหนัก สำหรับการตายของทั้งคู่ เป็นโชคชะตาที่เธอไม่ต้องการ แต่ว่าวันเวลาได้ค่อยล่วงเลยไปอย่างช้าๆ สภาพจิตใจของเสิ่นอีเวยก็นิ่งสงบมากยิ่งขึ้น เธอค่อยๆยอมรับการจากไปของพ่อแม่ แต่ว่าในใจก็ยังไม่หยุดค้นหาสำหรับสาเหตุการณ์ตายที่ชัดเจนของท่านทั้งสอง และสถานการณ์ของปีนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ไปหนึ่งอย่าง นั่นก็คือเธอตั้งครรภ์แล้ว พ่อ แม่ ถ้าพวกท่านยังอยู่ ตอนนี้ก็คงจะมีความสุขอย่างแน่นอนใช่มั้ย? เสิ่นอีเวยมองไปที่รูปภาพบนป้ายหน้าหลุมศพที่เหลืองแล้วเล็กน้อย ในอากาศที่ลมค่อยๆพัดเย็น เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงนกร้องในป่าบนภูเขา ภายในจิตใจได้เปลี่ยนเป็นสงบเงียบมากยิ่งขึ้น เธออยู่ที่หน้าหลุมศพพูดคุยเรื่องราวต่างๆมากมายกับพ่อแม่ พูดเรื่องที่รู้ว่าตนเองท้องได้อย่างไร พูดถึงการวางแผนไว้ในอนาคต แต่เรื่องราวระหว่างเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว ตอนที่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ เธอคือลูกสาวคนเล็กที่พวกท่านรักและเป็นห่วงมากที่สุด ตอนนี้พวกท่านไม่อยู่แล้ว เสิ่นอีเวยไม่อยากให้พวกท่านยังคอยเป็นห่วงตนเองอยู่บนฟ้า ครั้งนี้เสิ่นอีเวยอยู่ที่หน้าหลุมศพนานพอสมควร การนั่งคุกเข่าทำให้เข่าของเธอเริ่มเจ็บมากขึ้นแล้ว จึงนั่งต่อไปไม่ไหว เธอลุกจากพื้นขึ้นยืนเตรียมตัวที่จะลงจากภูเขา เดินไปทางที่รถพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือ คิดไม่ถึงว่าเวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว ในใจของเสิ่นอีเวยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความอ้างว้าง ตนเองอยู่ที่คฤหาสน์อันใหญ่โตของตระกูลเซิ่งก็ยังไม่ได้รับความรู้สึกถึงความอบอุ่น ตอนนี้ไม่อยากที่จะจากหลุมศพทั้งสองที่อยู่ต่อหน้าไป เรื่องราวบนโลกใบนี้ ช่างแปลกพิสดารนัก เธอฝืนยิ้มอยู่ในใจ ที่สุสานตรงนี้ใหญ่มาก มีทางออกทั้งหมดสี่ทาง รถของเสิ่นอีเวยจอดอยู่ที่ทางตะวันตก การเข้าไปในสุสานจะต้องเดินเท้าเข้ามา เพราะว่าที่นี่เป็นสุสาน ดังนั้นรอบพื้นที่จึงปลูกแต่ต้นสน เสิ่นอีเวยสามรองเท้าส้นสูง เท้าจึงถูกกัดจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอหยุดอยู่ที่ข้างๆต้นไม้ต้นหนึ่ง เตรียมจะเอาพลาสเตอร์ยาที่ติดไว้ในกระเป๋ามาแปะแผลที่มีหนังถลอก จากนั้น ได้ยินเสียงรถยนต์จากไกลๆกำลังเคลื่อนที่เข้ามา เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจมาก ปกติคนที่มาเซ่นไหว้จะมากันช่วงบ่าย หรือว่าจะมีคนที่มาในตอนเช้าเหมือนกับตนเอง? หลังจากที่แปะพลาสเตอร์ยาเสร็จแล้ว เสิ่นอีเวยลุกตัวขึ้นยืนและจะเดินไปข้างหน้าต่อ รถสีดำคันหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงข้างหน้าสายตาเธอ เพราะว่าทางเป็นเนินขึ้นมา ดังนั้นรถที่เข้ามาจึงขับช้าๆ เสิ่นอีเวยยิ่งมองไปที่รถคันนั้นก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย เมื่อรอให้รถขับเข้ามาใกล้ๆเธอถึงได้พบว่านั่นคือรถเบนท์ลี่ เสิ่นอีเวยรู้ว่าทะเบียนรถนั้นคือรถของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอรู้สึกแปลกในใจ เสิ่นอีเวยหลบเข้าไปที่ต้นไม้เล็กข้างทาง รถคันนั้นขับเข้ามาที่ตรงหน้าของเธอ สายตาเธอมองตรงไปที่รถคันนั้นอย่างจับจ้อง มองทะลุผ่านกระจกหน้าต่าง เธอเห็นหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างชัดเจน ในสมองของเธอว่างเปล่า ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เธอกำลังคิดในใจ เสิ่นอีเวยเอารองเท้าส้นสูงมาถือไว้ในมือ เดินออกมาให้ห่างจากทางรถของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอเห็นรถเบนท์ลี่สีดำได้จอดลง เซิ่งเจ๋อเฉิงที่สวมชุดสูทสีดำเดินลงมาจากรถ ไม่มีคนมาด้วยข้างๆ และเขาก็เอื้อมไปหยิบดอกไม้ช่อหนึ่งที่อยู่ในรถ ซึ่งก็คือดอกเบญจมาศสีขาว เสิ่นอีเวยไม่กล้าที่จะเขยิบเข้าไปใกล้มาก เธอดึงผ้าพันคอขึ้นมาปิดที่หน้า เพื่อไม่ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็น เสิ่นอีเวยไม่เคยได้ยินเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดมาก่อนว่าเขามีญาติที่เสียชีวิตแล้วคนไหนจะมีหลุมศพอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอไม่ได้เตรียมใจเลยว่าจะมาพบเขาที่นี่ เสิ่นอีเวยจำได้ว่าทางที่เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังเดินไปก็คือทางไปหลุมศพของพ่อแม่เธออย่างเห็นได้ชัด ในใจของเธอสะดุดลง เกิดความคิดที่เป็นไปไม่ได้ขึ้นมาในใจ ในที่สุดเซิ่งเจ๋อเฉิงก็หยุดอยู่ตรงหน้าหลุมศพที่ทุกปีเวลาปีใหม่หรือวันสำคัญเสิ่นอีเวยจะต้องมาเซ่นไหว้ เสิ่นอีเวยที่หลบอยู่ข้างหลังขณะนี้เลือดและลมหายใจได้แข็งตัวในชั่วพริบตาเดียว เธอมองไปที่หลุมศพนั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่คาดคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะ.....มาเซ่นไหว้พ่อแม่ของตนเอง เขาเห็นว่าที่หน้าป้ายหลุมศพมีดอกเบญจมาศสีขาวชุ่มน้ำวางอยู่อย่างชัดเจน เขาทำท่าทางก้มตัวลงเพื่อที่จะ วางดอกไม้ จากนั้นก็ลุกตัวมองหันกลับไปดูโดยรอบ ในใจของเสิ่นอีเวยก็สั่น กำลังที่จะถอยตัวหลบไปข้างหลังอีกหน่อย เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงวางดอกไม้ที่อยู่ในมือลงที่พื้นเบาๆ จากนั้นก็ยืนอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพสักครู่ ทั้งตัวของเขาคล้ายกับรูปปั้นที่ยืนไว้อาลัยอย่างเงียบสนิท สุดท้าย เขาก็ก้มโค้งคำนับอย่างจริงใจสามครั้ง เสิ่นอีเวยยืนอยู่หลังต้นไม้เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด จมูกหายใจคล้ายกับอยากที่จะร้องไห้ออกมา แต่สาเหตุที่ร้องนั้นแม้แต่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจ ปลายฤดูใบไม้ร่วงลมได้พัดความอุ่นอันบางเบามา ในใจของเสิ่นอีเวยได้ถูกลมนี้พัดผ่านเข้ามาเบาๆ คาดไม่ถึงจนเกิดความรู้สึกเกือบหยุดหายใจ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่110 เซ่นไหว้บนเขาหวินมู่
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A