ตอนที่113 ขอโทษ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่113 ขอโทษ
ต๭นที่113 ขอโทษ ความคิดที่หวาดกลัวเกิดขึ้นในใจของเสิ่นอีเวย....ลูกน้อยในท้อง บริเวณท้องน้อยเหมือนโดนก้อนหินหนัก500กิโลก้อนหนึ่งตกลงมาทับอย่างเต็มที่ เจ็บจนยากที่จะทนได้ เสิ่นอีเวยค้ำไว้ไม่ไหวจึงล้มลงไปนั่งที่พื้น ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพียงไม่นาน น้ำตาของเสิ่นอีเวยก็ไหลพรั่งพรูออกมา เซิ่งเจ๋อเฉิงหันหลังให้กับเธอ เสิ่นอีเวยอยากที่จะเรียกเขา แต่เธอพบว่าตัวเองเจ็บจนไม่มีแรงที่จะเรียกแม้แต่นิดเดียว คำพูดติดอยู่ที่ในลำคอ ท้องน้อยเหมือนโดนมีดแหลมเป็นพันๆเล่มเสียบแมงเข้าพร้อมๆกันและกวนไปมาที่ด้านใน เสิ่นอีเวยเจ็บจนแทบจะหมดสติลงไป และตอนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หันตัวกลับมา เขาเห็นเสิ่นอีเวยล้มลงไปที่พื้น ในแววตาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เธอเป็นอะไร?” เสิ่นอีเวยจับแขนเสื้อตนเองไว้แน่น ไม่มีแรงที่จะตอบเขาเลยสักนิดเดียว ใบหน้าของเธอซีดเซียว เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากหน้าผากล่วงลงไป ผมบนหน้าผากเปียกชื้นไปหมด เซิ่งเจ๋อเฉิงมองไปที่เธอ น้ำเสียงแฝงด้วยความเหน็บแนมเล็กๆ “เท้าแพลงก็คงไม่เจ็บจนเป็นแบบนี้มั้ง? เธอคิดจะทำอะไรอีก ?” เสิ่นอีเวยค้ำไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เรี่ยวแรงทั้งตัวเหมือนกับถูกสูบออกไป เธอล้มลงไปที่พื้นทั้งตัว ในที่สุดเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบขยับออกจากที่เดิมมาประคองตัวเสิ่นอีเวยไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตาของเขาเหมือนกับว่ากำลังรู้สึกลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย แต่ว่าเธอไม่มีแรงที่จะสืบเสาะให้ลึกไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะว่าเธอรู้สึกว่าระหว่างสองขาเหมือนมีของเหลวที่ร้อนๆอุ่นๆไหลออกมาจากร่างกาย แต่กลับเย็นทะลุไปถึงใจเธอ ในใจของเสิ่นอีเวยรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เธอจับแขนเสื้อเซิ่งเจ๋อเฉิงไว้แน่นมาก เบ้าตาขนาดใหญ่ด้านในเต็มด้วยน้ำตา ปากของเธอพยายามออกแรงพูดไม่กี่พยางค์ต่อเนื่องกันออกมา “ลูกน้อย..ลูกของฉัน ขอร้องคุณพาฉัน... ไปโรงพยาบาล..เร็ว!” หลังจากที่เซิ่งเจ๋อเฉิงสุดท้ายก็ฟังออกว่าสิ่งที่เสิ่นอีเวยพูดนั้นหมายถึงอะไร เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจของตนเองหยุดเต้นไปหนึ่งวินาที ร่างกายของเสิ่นอีเวยที่อยู่ในอ้อมอกเขาอ่อนโรยลงมากขึ้นทุกที เหมือนกับถูกสูบแรงออกทีละน้อยๆ ในเวลานี้ แม้แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วเพราะอะไร เขาลุกลี้ลุกลนแล้ว “เสิ่นอีเวย อย่าหลับตา ได้ยินมั้ย คำพูดที่เธอพูดออกมาเมื่อกี้มันหมายความว่าอย่างไร พูดให้ฉันเข้าใจ!” เซิ่งเจ๋อเฉิงตะโกนด่าไปพลางแล้วอุ้มไปที่ช่วงเอวของเสิ่นอีเวยไปพลาง มือขวาสัมผัสกับต้นขาของเธอ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่าบนมือของตนเองนั้นอุ่นๆร้อนๆ ในใจของเขาเต้นแรง เมื่อเอามือขึ้นมาดู ทั้งมือเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงตกตะลึงต่อภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้า ถึงแม้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่เข้าใจเรื่องราวพวกนี้ และในตอนนี้เขาก็มีปฏิกิริยาออกมาแล้วว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เขาอุทานเสียงต่ำด้วยความหงุดหงิด และในวินาทีต่อมา ร่างกายของเสิ่นอีเวยก็ถูกอุ้มลอยสูงขึ้นมา บริเวณพื้นที่ไกลๆไม่มีเสียงปืนที่ทำให้คนอกสั่นขวัญหายดังออกมาอีกแล้ว เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังขึ้นตลอด แต่ว่าเขากำลังอุ้มเธออยู่จึงไม่มีเวลาที่จะรับสาย เสิ่งเจ๋อเฉิงวิ่งเร็วอย่างสุดกำลัง ข้างหูมีเสียงลมพัดผ่าน เสิ่นอีเวยเหลือบตามองขึ้นไปดูก็เห็นลายเส้นกรามที่แข็งของเขา มันเหมือนกับเขาอยู่ในความฝันเธอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าหนังตาของตัวเองยิ่งหนักขึ้นทุกที แสงที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆเลือนหายไป บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเจ็บมากเกินไป เสิ่นอีเวยจึงรู้สึกว่าอวัยวะในตัวของเธอทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนเป็นช้าลง ความรู้สึกตัวของเธอเริ่มเลือนรางมากยิ่งขึ้น ในเวลานั้นรู้สึกเหมือนเป็นเพียงแค่ความฝัน ตั้งแต่เธอรู้ว่าตนเองท้องเธอก็ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ไปทำงานที่เมืองCกับสวี่อันฉิง กับเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สุสานในวันนี้ ทั้งหมดนี้ ในตอนนี้คิดแล้วเหมือนดั่งความฝัน เธอรู้สึกได้แม้กระทั่งลูกน้อยที่อยู่ในตัวของเธอกำลังค่อยๆไหลหายไป ถึงแม้จะหลับตาอยู่ แต่น้ำตาของเสิ่นอีเวยก็ยังคงไหลออกมา เธอเงยขึ้นมองใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง บนในหน้าของเขามองไม่เห็นการแสดงออกใดๆ บางที...ไม่ว่าจะเป็นเธอที่ตายหรือว่าเป็นลูกน้อยที่ตาย ยังไงผู้ชายคนนี้ก็คงคิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับตนเอง ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้ดวงอาทิตย์ได้ลับหายเข้าไปในกลีบเมฆ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดสลัว ดูคล้ายกับฝนกำลังจะตก ลมบริเวณเขตป่าก็พัดแรงมากยิ่งขึ้น เสมือนพัดพามาพร้อมกับกลิ่นอายของความโศกเศร้า ก่อนที่เสิ่นอีเวยจะหมดสติลง ก็ได้เห็นหลินอวี้ได้นำตัวคนพวกนั้นมาทางตนเองกับเซิ่งเจ๋อเฉิง ในความฝัน มีเด็กชายตัวซูบผอมแต่งชุดสูทสีดำทั้งตัว แต่ก็ยังปกปิดความล้ำค่าในเนื้อแท้ของเขาที่ทะลุออกมาไม่ได้ นั่นก็คือช่วงบ่ายของวันนั้นที่เขาพึ่งกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศที่อเมริกา ในพิธีฝังศพที่ยิ่งใหญ่นั้นเงียบสงัด ข้างหน้าของเด็กผู้ชายคือห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย ช่อดอกไม้สีขาวจัดวางไว้ตรงกลางที่หน้ารูปศพของผู้ตาย ในรูปภาพดูแล้วเป็นผู้หญิงสวยวัยกลางคนท่านหนึ่ง คือภรรยาของหัวหน้าครอบครัวตระกูลเซิ่ง เซิ่งเจิ้นอวี๋น ซึ่งก็คือแม่ของเซิ่งเจ๋อเฉิง ภาพในหัวของเสิ่นอีเวยปรากฏมาแวบหนึ่ง ในเวลานั้นเธอยืนอยู่ข้างๆเสิ่นเจ๋อเฉิง เขายืนมองห้องเซ่นไหว้ผู้ตายของแม่ที่ตายเพราะป่วย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้เห็นหน้าแม่ก่อนตาย ในตาของเด็กชายเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวด แต่ว่าในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลเซิ่งซื่อ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไร “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันคอยอยู่เคียงข้างคุณ” ในความฝันตนเองได้จูงมือที่เย็นเฉียบของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ในวินาทีต่อมาก็ได้ถูกสะบัดออกอย่างรุนแรง เสิ่นอีเวยจดจำในตอนนั้นได้อย่างแม่นยำ เซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่กลางสายฝนด้วยแววตาที่เย็นชาได้พูดขึ้นว่า “ฉันไม่ต้องการใครมาคอยอยู่เคียงข้างฉันทั้งนั้น เธอกรุณาอยู่ให้ห่างฉันซักหน่อย” หลังจากนั้น ในความฝันก็มืดสนิทลง เหมือนกับสะดุดลง เสิ่นอีเวยร้องออกมาด้วยเสียงตื่นตกใจ อ้า! เธอลืมตาทั้งสองข้าง สิ่งที่ตาเห็นคือความมืด ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นของยาฆ่าเชื้อ ในนี้คือห้องคนไข้ของโรงพยาบาล แต่กลับไม่ได้เปิดไฟ หน้าต่างเปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่ง มีแสงอ่อนสีขาวทะลุผ่านเข้ามา เสิ่นอีเวยมองเห็นในห้องคนไข้ไม่ชัดว่าเป็นยังไง ในใจเธอหดหู่และว่างเปล่า ปวดหัวจนแทบจะระเบิด สุดท้ายเธอแทบจะใช้เวลาหนึ่งนาทีถึงจะนึกออกว่าตนเองก่อนที่จะสลบไปนั้นได้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้น “เซิ่งเจ๋อเฉิง” “ เซิ่งเจ๋อเฉิง” เสียงของเสิ่นอีเวยตื่นตระหนก ไม่นาน ที่มุมห้องก็ปรากฏเสียงเล็กๆออกมา คือเสียงของคนลุกขึ้นมาจากโซฟา เสิ่นอีเวยมองออกไป ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆปรากฏออกมาจากแสงอันเบาบาง ปัง! ทันใดนั้นแสงก็แยงมาที่ตาของเสิ่นอีเวยอย่างไม่ทันตั้งตัว ห้องคนไข้ขนาดใหญ่และมีระดับอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้าโศก เธอหลับตาโดยไม่มีเสียงใดๆออกมา เซิ่งเจ๋อเฉิงเอื้อมมือไปเปิดไฟบนหัวเตียง เขาลากเก้าอี้มานั่งที่ข้างเตียงเธอ เสิ่นอีเวยสวมชุดคนไข้ที่สะอาดสะอ้าน ใบหน้าซีดเซียว เส้นผมยุ่งเหยิงอยู่ที่หน้าผากและแก้มทั้งสองข้าง ถึงแม้เป็นเพียงเวลาแค่ข้ามคืน แต่ทั้งตัวเธอก็เหมือนกับผอมลงมาก เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเสิ่นอีเวยเป็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปจากปกติ มือที่สั่นเบาๆของเขาอยากที่จะลูบไปที่หน้าของเธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำออกไป เสิ่นอีเวยสีหน้านิ่งผิดปกติ เธอมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง ในแววตาไม่มีอารมณ์ใดใด ซักครู่ใหญ่ เธอจึงพูดออกมมา “ลูกหล่ะ?” ความเงียบมหาศาลปกคลุมไปทั่วทั้งสองคนที่อยู่ห่างกันไม่ถึงห้าสิบเมตร ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต้นเร็วมาก เวลาผ่านไปนานและเขาจึงพูดออกมาในสิ่งที่เขาไม่เคยพูดกับเธอมาก่อน “ ขอโทษ!”
已经是最新一章了
加载中