ตอนที่114 ไม่มีลูกน้อยแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่114 ไม่มีลูกน้อยแล้ว
ต๭นที่114 ไม่มีลูกน้อยแล้ว เสิ่นอีเวยมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิงโดยไม่พูดไม่จา เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเลือดในตัวทั้งตัวของเธอนั้นเหมือนกับว่าได้แข็งตัวแล้ว แม้แต่ลมหายใจก็หยุดลง เหมือนกับว่ากำลังนั่งคิดปัญหาอะไรอย่างละเอียด เวลาผ่านไปนานสุดท้ายเธอจึงเอ่ยออกมาว่า “อย่าพูดขอโทษกับฉัน ฉันไม่รับ!” “คุณเรียกคุณหมอเข้ามา ฉันอยากจะถามด้วยปากฉันเอง” เสิ่นอีเวยโวยวายในสิ่งที่ต้องการ เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นมือของเสิ่นอีเวยออกมาที่นอกผ้าห่ม อยากที่จะห่มให้เธอ “เสิ่นอี....” แป๊ะ! เสียงฝ่ามือตีไปที่หลังมืออย่างแรง “คุณออกไป! เรียกคุณหมอเข้ามา ฉันจะหาคุณหมอ ฉันมีคำถามจะถามเขา” เสิ่นอีเวยเหมือนกับบ้าคลั่งพลิกเปิดผ้าห่มของตนเองออก ปัดมือที่เซิ่งเจ๋อเฉิงยื่นเข้ามา เนื่องจากพละกำลังที่มาก บนหลังมืออันขาวผ่องของเธอก็แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีเวลาที่จะมาสนใจสิ่งนี้ สองแขนของเสิ่นอีเวยได้ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับไว้แน่น เธอพยายามดิ้นอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมอกของเขา น้ำตาไหลออกมาท่วมหน้า แม้แต่เสียงในลำคอก็แหบแห้ง คุณออกไป ฉันไม่อยากเห็นคุณ ฉันอยากพบคุณหมอ ฉันอยากจะหาลูกของฉัน! เมื่อได้ยินคำว่าลูก ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที นั่นเป็นคำที่เสิ่นอีเวยร้องตะโกนออกมาตลอดก่อนที่เธอจะไม่ได้สติ คือลูกที่อยู่ในท้องของเธอ คือลูกของเธอกับเขา ลำแขนอันยาวออกแรง ร่างกายที่อ่อนแรงของเสิ่นอีเวยถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงโอบกอดไว้ในอ้อมอกของตนเอง ในใจของเธอเยือกเย็น ไม่มีแรงที่จะรับรู้ถึงการโอบกอดอันอบอุ่นที่แม้แต่ต่อให้เป็นความฝันก็อยากที่ซ่อนกลับไป เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เสิ่นอีเวยกำลังคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เธอไม่รู้ว่าตนเองพิงไปที่ไหล่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วร้องไห้อย่างหนักนานแค่ไหน รู้แต่เพียงว่าไหล่ที่กว้างและหนาของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขยับไปไหนเลย จึงถึงตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น ตาของเสิ่นอีเวยบวมแดง ข้างในเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง น้ำตาที่อยู่บนใบหน้ามี่ซีดเซียวก็แห้งลง เสียงที่นิ่งและแหบของเสิ่นอีเวยก็พูดขึ้น “ลูกที่อยู่ในท้องของฉันไม่อยู่แล้วใช่ไหม?” แม้ว่าจะคาดเดาความจริงได้แล้ว แต่เสิ่นอีเวยก็ยังถามคำถามที่โหดร้ายนี้ออกมา เธออยากที่จะใช้วิธีนี้ทำให้ตนเองจดจำว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงไม่อยู่ในท้องของตนเองอีกแล้ว และใครเป็นคนทำ เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็นิ่งสงบเหมือนกัน “ใช่” วันนี้คนกลุ่มนั้น ตามคุณมาใช่มั้ย เสิ่นอีเวยมองไปที่ตาของเซิ่งเจ๋อเฉิง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้หลับสายตา “ใช่” “เซิ่งเจ๋อเฉิง ทำไมวันนี้คุณถึงไปที่นั่น ถ้าเกิดฉันไม่ได้เจอคุณที่นั่น ก็คงไม่พบกับคนกลุ่มนั้น ฉันก็คงจะไม่ต้องเพราะว่าเป็นห่วงคุณถึงพรวดพราดวิ่งเข้าไปหาคุณอย่างไม่กลัวอันตราย แล้วก็คงจะไม่ต้องวิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ในป่า ลูกของฉันก็คงจะไม่....” เพราะว่าตะโกนเสียงดังเกินไป ตาของเสิ่นอีเวยก็แดง พูดถึงแค่ตรงนี้ แล้วเธอก็พูดไม่ออกอีก เซิ่งเจ๋อเฉิงฟังอยู่อย่างเงียบๆตลอดเวลา ไม่ได้โต้แย้งอะไรออกมา ในตอนนั้นในใจของเขาก็รู้สึกว้าวุ่น ในใจเหมือนกำลังถูกมือหนึ่งฉีกดึงอยู่ “ เธออยากจะกลับบ้านหรืออยากอยู่ที่นี่ต่อ?” น้ำเสียงของเขานิ่งเหมือนแต่ก่อน ฟังไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆ ใจของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกเหน็บหนาวโดยสิ้นเชิง เธอคิดว่าตนเองอยู่ที่นี่น่าจะวุ่นวาย อยากที่จะกลับบ้าน กลับไปคฤหาสน์ตระกูลเซิ่งที่ที่มีความเห็นอกเห็นใจอันน้อยนิด ใช่ นี่แหละถึงจะเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเธอตลอดไป รอบดวงตาของเธอเปียกชื้น ในตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาที่ร้อนผ่าว ในที่สุด มุมปากของเธอก็มีรอยยิ้มที่เจ็บปวดปริออกมา “ตกลง กลับบ้าน” ยังไงแล้วนับจากวันนี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเขาไม่มีความเชื่อใจใดๆอีกแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างไรก็ได้ ตอนนี้ก็เป็นเวลาตีสาม ค่ำคืนของต้นฤดูใบไม้ร่วง ลมหนาวยามค่ำคืนที่พัดผ่านเข้ามาจากกระจกรถที่ปรับลงอย่างไร้ความปรานี เสิ่นอีเวยที่นั่งอยู่ข้างคนขับกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นแม้แต่น้อย เธอเอาขาทั้งสองขดเข้ามาบนเก้าอี้นั่ง หันหน้าไปมองที่หน้าต่างตลอดทาง เหมือนกับเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นเสิ่นอีเวยเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นในสมองของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็มีภาพที่คุ้นเคยแวบเข้ามา กระโปรงสีดำได้โบกสบัดต่อหน้าต่อตาเขา เขานึกถึงคืนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เป็นภาพเหตุการณ์คล้ายๆกัน ในครั้งนั้นเสิ่นอีเวยได้กระโดดลงจากรถ ในใจกำลังนึกถึงภาพวินาทีที่บีบใจนั้น เหมือนกับเป็นการจับพลัดจับผลู เซิ่งเจ๋อเฉิงเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว ตัวของทั้งสองคนชนไปข้างหน้า แต่เนื่องจากความเฉื่อยของรถหลังจากนั้นทั้งสองคนก็กลับมาชนพนักเก้าอี้ที่อ่อนนุ่ม สุดท้ายเสิ่นอีเวยก็มีปฏิกิริยาออกมานิดหน่อย เธอพบว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะจอดรถ ดังนั้นจึงหันไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิง แววตาก็ยังคงเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและสิ้นหวัง ใบหน้าไม่มีการแสดงออกใดๆ ใจของเสิ่นอีเวยก็สั่นเครือ จู่จู่ก็คิดออกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “ทำไม กลัวฉันจะกระโดดลงจากรถเหมือนครั้งที่แล้วหรอ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดในตอนนี้คือพูดหรือทำอะไรรุนแรงกับเธอ ดังนั้นจึงระงับจิตใจไว้ แล้วเริ่มขับรถออกไป ผมของเสิ่นอีเวยยุ่งเหยิงนิดหน่อย ใบหน้าอันซีดเซียวหลบซ่อนอยู่กลางลำแสง ด้านหนึ่งสว่างอีกด้านหนึ่งมืด ดูแล้วแปลกประหลาดไปจากปกติ หลังจากที่ทั้งสองคนกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว เสิ่นอีเวยขึ้นข้างบนเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เธอไม่สนใจที่จะเอาเสื้อคลุมของเธอถอดออกก่อน และไม่พูดไม่จาตลอดเวลา ในเวลาต่อมา เสิ่นอีเวยเหมือนกับเป็นคนใหม่ เธอเปลี่ยนไปเป็นคนที่เงียบขรึมพูดน้อย เซิ่งเจ๋อเฉิงอนุญาตให้เธอไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทเซิ่งซื่อ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ต้องการ เพียงแค่อยู่ที่บ้านพักฟื้นร่างกายซักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วจึงไปทำงานที่บริษัทตามปกติ แต่เมื่ออยู่ในบริษัท เธอก็ทำเหมือนปกติทุกอย่าง งานแต่ละอย่างยังคงดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับไม่เคยมีเรื่องนั้นเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่าในโลกนี้ไม่มีความลับใดที่จะปิดได้ วันนั้นที่อยู่ในสุสานบนเขาหวินมู่ หลินอวี้พากลุ่มบอดี้การ์ดมารับเซิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเวย ในเวลานั้นเสิ่นอีเวยได้หมดสติลงไปแล้วจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลินอวี้คือคนที่ทำงานเคียงข้างเซิ่งเจ๋อเฉิงนานที่สุด ดังนั้นเขาไม่ต้องถูกกำชับก็จะรู้ว่าเรื่องที่เสิ่นอีเวยแท้งลูกนั้นให้เก็บเป็นความลับ แต่ยากที่จะจัดการ ในสถานการณ์ตอนนั้นได้มีกลุ่มบอดี้การ์ด ซึ่งบางคนปกติแล้วมีหน้าที่เพียงรักษาความปลอดภัยให้กับเซิ่งเจ๋อเฉิงขณะที่เดินทางไปต่างจังหวัด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้พูดคุยอะไรมากกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงไม่ไว้ใจพวกเขา ดังนั้นตอนที่อยู่บนเขาก็ได้มีคำสั่งออกไปว่าเรื่องที่เสิ่นอีเวยแท้งลูกนั้นไม่อนุญาตให้ความลับรั่วไหลออกไปเด็ดขาด แต่ว่าปากของคนง่ายต่อการเปิดเผยความลับมากที่สุด เรื่องร้ายได้ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน ความลับเรื่องที่เสิ่นอีเวยแท้งลูกสุดท้ายก็รั่วไหลออกมา ในห้องประธานบริษัทเซิ่งซื่อ เซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานสีดำ บนใบแสดงออกถึงความเย็นชาผิดปกติ ในมือถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไว้ ข้างบนพาดหัวข่าวตัวใหญ่ว่า ภรรยาประธานบริษัทเซิ่งซื่อแท้งลูก ตกลงแล้วความจริงเบื้องหลังเป็นอย่างไร? 
已经是最新一章了
加载中