บทที่ 20 เป็นแขกรับเชิญบ้านตระกูลเห้อ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 20 เป็นแขกรับเชิญบ้านตระกูลเห้อ
บ๗ที่ 20 เป็นแขกรับเชิญบ้านตระกูลเห้อ หลังจากช้อปปิ้งกับเห้ออี้ลั่วแล้ว เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกว่าความนับถือตัวเองของเธอลดลงไปเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนมามันยอดเยี่ยม นอกจากเสื้อผ้า รองเท้าและผ้าพันคอแล้ว เธอยังซื้อกระเป๋าอีกหลายใบ รวมถึงน้ำหอม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกด้วย ในตอนแรกเฉียวเยว่เมิ่งลองคำนวณราคาคร่าวๆดู ต่อมาเมื่อราคารวมพุ่งขึ้นเป็นเจ็ดหลักเธอก็เลิกสนใจที่จะคำนวณมันอีกต่อไป รายได้รวมตลอดหลายปีของเธอแม้ว่าจะไม่กินไม่ดื่มอะไรเลยก็ยังไม่มากเท่ากับการช็อปปิ้งแค่เพียงหนึ่งวัน ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างคนทั้งสองแล้ว เห้ออี้ลั่วจอดรถหน้าอพาร์ตเม้นต์ของเฉียวเยว่เมิ่ง หลังจากปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้ว ก็ออกจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้เธอ เฉียวเยว่เมิ่งพูดอย่างไม่สบายใจว่า "เรื่องง่ายๆอย่างเช่นการคาดเข็มขัดนิรภัยและการเปิดประตูรถฉันสามารถทำเองได้ ไม่เป็นไร" แม้ว่าเธอจะรู้สึกสะดวกสบาย แต่เธอก็รู้สึกอึดอัดใจ “เป็นเรื่องดีถ้าคุณจะชินกับมัน ผู้ชายที่ปล่อยให้ผู้หญิงที่นั่งข้างเขาปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูรถเอง ผู้ชายคนนั้นแย่มาก” เฉียวเยว่เมิ่ง "..." ทั้งสองกลับไปที่บ้านของเฉียวเยว่เมิ่งพร้อมถุงใบใหญ่หลายใบ เห้ออี้ลั่วท่าทางจะหนักมากเพราะเขาหยิบถุงใบใหญ่ทั้งหลายมาถือด้วยตัวเอง แต่เฉียวเยว่เมิ่งมีเพียงกระเป๋าใบเล็ก ๆ อยู่ในมือ เฉียวเยว่เมิ่งที่ได้รับการอบรมจากคุณนายลั่วหมิงเม่ยเสมอมาในฐานะหญิงแกร่ง จึงรู้สึกอึดอัดใจมาก เฉียวไห่ซิงเห็นทั้งสองเดินเข้าประตูมา และเมื่อเขาเห็นสิ่งที่พวกเขาต่างคนต่างถืออยู่ในมือ เขาก็พอใจมาก ถามว่า "พวกเธอกินข้าวมาหรือยัง" "กินมาแล้ว" ลั่วหมิงเม่ยก้าวเข้ามารับถุงกระดาษเล็กใหญ่ในมือเชิญให้เห้ออี้ลั่วนั่งลง เห้ออี้ลั่วหยิบกระเป๋าสองใบออกมา กระเป๋านั้นดูเรียบง่าย แต่จากวัสดุพวกเขาเห็นก็รู้ว่าเป็นของที่มีราคาสูง “คุณลุง คุณป้า วันก่อนพ่อแม่ของฉันและฉันเสียมารยาทเกินไปแล้ว ที่ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้ท่านทั้งสองก่อนจะมาพบปะเจรจากัน ของขวัญเล็กน้อยทั้งสองนี้ เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากผม ผมหวังว่าจะไม่ทำท่านทั้งสองให้ผิดหวัง" เฉียวไห่ซิงและหลัวหมิงเม่ยก็ไม่ปฏิเสธ รับมาตามมารยาทเช่นกัน เฉียวไห่ซิงมองไปที่กระเป๋าที่อยู่ด้านหน้าของเขา รู้ว่ามันเป็นชา ในขณะเดียวกันก็เข้าใจด้วยว่าเห้ออี้ลั่วได้จัดเตรียมของขวัญมาอย่างพิถีพิถัน "คุณมีน้ำใจมาก" "นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ" เห้ออี้ลั่วยิ้มอย่างมีมารยาท "ก่อนหน้านี้พวกเรารีบจดทะเบียนสมรส ผมเป็นคนที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ให้รอบคอบ ที่ทำให้เสี่ยวเมิ่งและท่านทั้งสองเป็นห่วง พ่อแม่ของผมก็ตำหนิผมเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ตอนนี้พวกท่านกำลังจัดเตรียมงานแต่งงาน เมื่อพวกท่านว่างแล้วก็จะมาพูดคุยรายละเอียดของงานแต่งงานกับท่านทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง" "ไม่เป็นไร วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้" "ได้ครับ เบื้องต้นเรากำหนดไว้เป็นวันอาทิตย์นี้ก่อนก็ได้ ส่วนวันเสาร์ผมขอพาเสี่ยวเมิ่งไปที่บ้านตระกูลเห้อ เพื่อให้เธอทราบว่าผมโตมาในที่แบบไหน พวกท่านคิดว่าข้อตกลงนี้เหมาะสมหรือไม่" เห้ออี้ลั่วถาม คำพูดและการกระทำของเห้ออี้ลั่วเต็มไปด้วยความเคารพ แม้แต่คนอย่างเฉียวเยว่เมิ่งที่เคยเห็นเขาแบบเป็นกันเองมาก่อน ก็ยังต้องประทับใจในความจริงใจของเขา ไม่ว่าเห้อเจียหมิงหรือหลินหรุ่ยที่มาพบถึงบ้านด้วยตนเองหรือคำพูดของเห้ออี้ลั่วในคืนนี้ พวกเขาล้วนแสดงให้เห็นว่าบ้านตระกูลเห้อให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ และใช้การกระทำจริงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบ้านตระกูลเฉียว …. หลังจากส่งเห้ออี้ลั่วกลับไปแล้ว เฉียวเยว่เมิ่งก็มานอนอยู่บนเตียงหลังล้างหน้า มองดูถุงกระดาษนับสิบที่ยังไม่ได้เปิด เมื่อตอนที่ซื้อเธอไม่รู้ว่าของพวกนี้เป็นของเธอ ตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจมาก เธอเองก็เป็นผู้หญิง อดไม่ได้ที่จะชอบของกระจุกกระจิกเหล่านี้ เธอจะไม่พูดอย่างหยิ่งผยองว่าเธอไม่ชอบมัน คืนนี้สิ่งที่เห้ออี้ลั่วพูดต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ ช่วยปัดเป่าความกังวลของเธอออกไปมากมาย เธอได้ยินจากเพื่อนร่วมงานโรงพยาบาลหลายคนเกี่ยวกับการแต่งงาน เมื่อคนสองคนจะจัดงานแต่งงาน มักจะมีการโต้เถียงและโกรธเคืองในเรื่องเล็กน้อยไปเสียหมด เพื่อที่จะประหยัดเงินหรือลดความยุ่งยากพวกผู้ชายก็ไม่สนใจความรู้สึกของพวกเธอ เมื่อผู้หญิงแต่งงานก็หมายความว่าเป็นเพราะความรัก ถึงได้ทอดทิ้งพ่อแม่ที่ให้กำเนิดพวกเธอมานานกว่า 20 ปี เพื่อไปอาศัยอยู่กับผู้ชายที่รู้จักกันเพียงไม่กี่ปีหรืออาจจะแค่สองสามเดือน ต้องเรียกพ่อแม่ของคนแปลกหน้าที่ไม่ได้ให้กำเนิดเธอว่าพ่อกับแม่และจะต้องดูแลพวกท่านต่อไปในอนาคต ต้องให้กำเนิดบุตรและต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัวนี้ แต่ผู้ชายพวกนั้นไม่ต้องการแม้แต่จะตกแต่งสาว ๆ ตามมารยาทพื้นฐานและจัดงานแต่งงานที่สะดวกสบายให้พวกเธอ จนเพื่อนร่วมงานหญิงจำนวนมากอยากจะเลิกจัดงานแต่งงาน แต่เมื่อดูจากการกระทำของเห้ออี้ลั่วแล้ว เฉียวเยว่เม่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ฟังความคิดเห็นของเธอ บางทีการที่เธอแต่งงานกับเห้ออี้ลั่ว อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วก็ได้ เฉียวหยูเหมิงคิดเช่นนี้แล้วก็ค่อยๆหลับไปอย่างช้า ๆ … เห้ออี้ลั่วคอยรับส่งเฉียวเยว่เมิ่งไปและกลับจากที่ทำงานทุกวัน รวมถึงการที่เห้อซื่อกรุ๊ปประกาศเรื่องการแต่งงานแล้ว ผู้คนที่โรงพยาบาลหย่าเต๋อปฏิบัติต่อเฉียวเยว่เมิ่งเปลี่ยนไปมาก มันเป็นความอิจฉาของเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยหญิงที่เห็นได้ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกว่าการทำงานเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เป็นพิเศษ แต่ก็อดทนมาได้จนถึงวันเสาร์ ในเช้าวันเสาร์ เธอสวมชุดที่เห้ออี้ลั่วซื้อให้และสวมผ้าพันคอสีม่วงพร้อมเสื้อคลุมสีอ่อนด้านนอกที่ให้ความอบอุ่นมากแต่มีน้ำหนักเบา ลั่วหมิงเม่ยดูชุดของเธอแล้วหัวเราะ "โอ้โห ลูกสาวของแม่แต่งตัวแบบนี้แล้วสวยมาก" "คุณนายลั่ว คุณจริงจังรึเปล่า" "จริงจังสิ" เฉียวเยว่เมิ่งทำหน้าไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็มวยผมของเธอเป็นลูกบอล แล้วมองเข้าไปในกระจกสักครู่ "แม่คิดยังไงถ้าฉันตัดผมสั้น" "อย่าไปยุ่งกับมัน ผมของลูกมันจะยาวซักแค่ไหนกันเชียว" "แต่ผมสั้นเหมาะกับงานของฉันมากกว่า" "ไม่มีหมอและพยาบาลคนไหนในโรงพยาบาลของคุณตัดผมสั้นแล้วทำงานได้ดีขึ้นหรือแย่ลงหรอกนะ" "มีสิ มีแน่นอน” ลั่วหมิงเม่ยปรายตามองเฉียวเยว่เมิ่งและถามว่า "ลูกรัก ลูกประหม่าเหรอ" “แล้วมันน่าประหม่าไหมเวลาที่ไปพบพ่อแม่สามี” "พวกเขาดูเหมือนคนที่มีเหตุผล ไม่เหมือนในละครทีวี ไม่ต้องกังวลเกินเหตุ" "คุณนายลั่ว เมื่อก่อนตอนที่คุณไปพบปู่กับย่าของฉันคุณประหม่าไหม" "เธอไม่ใช่ว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าในตอนนั้นมาหลายครั้งแล้วเหรอ ความสัมพันธ์ของแม่กับพ่อของลูกและความสัมพันธ์ของลูกกับเห้ออี้ลั่วนั้นแตกต่างกัน แม่แก่กว่าพ่อของลูกหนึ่งปี ความรักต่างวัยที่ผู้หญิงอายุมากกว่ามันก็ไม่น่าประทับใจนัก แต่ลูกเป็นคนดี ลูกมีงานของตัวเอง มีครอบครัวที่มีฐานะดี และเป็นคนมีความสามารถ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนอย่างลูกจะได้แต่งงานกับคนรวย" "แม่ไม่ค่อยยกย่องลูกสาวตัวเองเลยนะ" "แม่พูดจริง ออกไปได้แล้ว เม่เห็นรถของลูกเขยกำลังมา" "ไปก่อนนะแม่" … เห้ออี้ลั่วเพิ่งจอดรถ ประตูของอพาร์ตเม้นท์ก็ถูกเปิดออก เมื่อเห็นเฉียวเยว่เมิ่งเดินออกมา เขาก็หัวเราะ "คุณผู้หญิง คุณไม่ได้นัดเดทบ่อย ๆ ไม่ต้องตรงเวลาขนาดนี้ก็ได้" "หากหมอไม่รักษาเวลาพวกเขาจะฆ่าผู้ป่วยจำนวนมาก" เฉียวเยว่เมิ่งไม่รอให้เห้ออี้ลั่วลงจากรถ เธอเปิดประตูรถและเข้าไปเอง เห้ออี้ลั่วมองเธอด้วยความขบขัน เมื่อเห็นถุงในมือของเธอ "นั่นเป็นของขวัญสำหรับพ่อแม่ของฉันเหรอ" “ใช่ ถ้าของขวัญไม่ได้ดีเลิศอะไร พวกท่านจะรังเกียจไหม” เฉียวเยว่เมิ่งถามอย่างไม่สบายใจ “ของขวัญมีค่าที่น้ำใจไม่ใช่ราคา” "ผู้อำนวยการเห้อ คุณนี่ปากหวานเกินไปนะ" "มันก็แล้วแต่คุณจะมอง" เห้ออี้ลั่วขับรถออกไปด้วยรอยยิ้ม "นักธุรกิจอย่างเราใช้ปากทำมาหากิน ถ้าความสามารถนี้ใช้ได้ไม่ดี คงต้องกินอากาศแทนอาหารไปนานแล้ว” 
已经是最新一章了
加载中