บทที่ 31 ผู้ชายหล่อเหลาเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี   1/    
已经是第一章了
บทที่ 31 ผู้ชายหล่อเหลาเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
บ๗ที่ 31 ผู้ชายหล่อเหลาเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี หลักสูตรก็เป็นหลายเท่าของคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พ่อของเขาเชิญอาจารย์มืออาชีพมาสอนทั้งสอนแบบตัวต่อตัวและสอนผ่านอินเทอร์เน็ต เขาเองก็มักจะตรวจสอบการบ้านเขาอยู่เสมอ เมื่อเจอโจทย์ปัญหาที่ทำไม่ได้พ่อของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ใช้สายตาเหมือนมองคนบ้าในการมองเขา ทำให้เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ เฉียวเยว่เมิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินออกมาก็เจอเสี่ยวเป่านั่งดูมินิแทปเลตอยู่บนเตียงอย่างตั้งใจ ในหูก็มีที่อุดหูสำหรับเด็กอุดอยู่ เธอจึงเบาฝีเท้าลง เมื่อเดินถึงขอบเตียงก็กวาดตามองอย่างแปลกใจพบว่าเขากำลังดูวิดิโอฟันดาบอยู่แถมซับไตเติ้ลยังเป็นภาษาอังกฤษ เธอเดาะลิ้นเบาๆแล้วเดินลงไปเอานมร้อนด้านล่างโดยไม่ได้คุยกับเขา ** วันต่อมา เฉียวเยว่เมิ่งมาทำงานตามปกติ เธอกำลังจะขับรถเข้าไปจอดบริเวณลานจอดรถก็ถูกรั้งไว้โดยพนักงานรักษาความปลอดภัย เฉียวเยว่เมิ่งลดกระจกลงอย่างข้องใจเธอจึงเอ่ยถามขึ้น “คุณหลี่มีอะไรหรือ?” “แผนกโลหิตวิทยาเกิดเรื่องนิดหน่อยซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคุณ จึงมีเรื่องต้องสอบถามคุณหน่อย” “แผนกโลหิตวิทยาหรือ?” “ใช่ครับ” “ฉันขอจอดรถให้เรียบร้อยก่อนเดี๋ยวตามไป” คุณหลี่พยักหน้าแล้วจึงก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เฉียวเยว่เมิ่งเอารถไปจอดตรงที่จอดรถประจำของเธอพร้อมกับความสงสัยในใจ เธอสังกัดอยู่แผนกอายุรกรรมภายนอก โดยปกติแล้วจึงแทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับแผนกโลหิตวิทยา ด้านการทำงานก็ติดต่อกันน้อยมาก เธอไม่เข้าใจว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับใครในแผนกโลหิตวิทยา เฉียวเยว่เมิ่งคิดแบบนี้แต่ก็ยังขึ้นลิฟต์ไปยังแผนกโลหิตวิทยา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทำงานแต่กลับมีคนอยู่เต็มแผนกโลหิตวิทยาแล้ว ท่ามกลางกลุ่มคนยังมีเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินเสียงนั้นก็ขมวดคิ้ว นั่นเสียงของหูเมิ่งฉีนี่ เฉียวเยว่เมิ่งคิดว่าจะยืนฟังอยู่นอกกลุ่มคนแต่คุณหลี่มาเห็นเธอพอดีจึงเอ่ยเรียกเธอผ่านกลุ่มคน “คุณหมอเฉียวเชิญทางนี้ครับ” ทุกคนจึงหันมามองเธอ เฉียวเยว่เมิ่งจึงเดินไปตามเสียงเรียกท่ามกลางความสนใจของทุกคน หูเมิ่งฉีฟุบหน้าร้องไห้จนตาบวมแดงอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นมามองเฉียวเยว่เมิ่งด้วยสายตาโหดเหี้ยม เฉียวเยว่เมิ่งมองเธอกลับไปด้วยสายตานิ่งๆบนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ หูเมิ่งฉีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “คุณหมอฉี ฉันไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับคุณ ทำไมคุณต้องทำร้ายฉันแบบนี้?” “ฉันทำอะไรให้คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?” เฉียวเยว่เมิ่งถามกลับ “แผนการผ่าตัดที่ส่งให้แผนกอายุรกรรมภายนอกเมื่อวานถูกแผนกของพวกคุณตีกลับมาทำให้คนไข้ของฉันอาการทรุดลง วันนี้คนไข้จึงมาฟ้องฉัน คุณเป็นคนทำไม่ใช่หรือ?” “เมื่อวานฉันไม่เห็นมีเอกสารและแผนการรักษาที่ส่งมาจากแผนกโลหิตวิทยาเลยนะ เธอแน่ใจหรือว่าให้คนเอามาส่งให้ฉันจริงๆ?” “เธอยังปลิ้นปล้อนอีกหรือ ฉันส่งให้เธอกับมือเองแท้ๆ” เฉียวเยว่เมิ่งมองหูเมิ่งฉีแล้วรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ตอนนี้เธอมั่นใจว่านี่เป็นแผนของหูเมิ่งฉีที่ต้องการกลั่นแกล้งเธอ “ถ้าคุณหมอหูมั่นใจแบบนี้ เช่นนั้นคุณช่วยบอกเวลาที่คุณส่งแบบรายงานให้ฉันด้วยจะได้ให้คุณหลี่ไปเปิดดูไฟล์กล้องวงจรปิดจะได้รู้กันไปเลยว่าเรื่องที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทำแบบนี้จะได้เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย” “เธอตีเอกสารกลับแล้วทำไมถึงไม่กล้ายอมรับ?” “ถ้าฉันตีเอกสารกลับจริง ฉันมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับ?” หูเมิ่งฉีถูกถามกลับจึงชะงักไปเล็กน้อย เธอลังเลสักพักจึงเอ่ยขึ้น “เธอต้องการแก้แค้นฉัน” “เธอคิดมากไปแล้วล่ะ” หูเมิ่งฉีส่ายหน้า “เธอคิดว่าเมื่อวานฉันบงการญาติคนไข้แผนกฉุกเฉินให้ไปก่อเรื่อง เธอจึงวางแผนกลั่นแกล้งฉัน?” เฉียวเยว่เมิ่งมองหูเมิ่งฉีอย่างตกตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ เรื่องที่ญาติคนไข้ก่อเรื่องเมื่อวานหูเมิ่งฉีเป็นคนบงการหรือ? ปกติเธอแทบจะไม่ได้ติดต่อกับหูเมิ่งฉีเลย ทำไมหล่อนถึงต่อต้านเธอนัก? ท่าทีตกตะลึงและครุ่นคิดของเฉียวเยว่เมิ่งตกอยู่ในสายตาของคนอื่นๆทำให้มีความหมายลึกซึ้งขึ้นไปอีก หุเมิ่งฉีเห็นท่าทางของเธอก็เริ่มร้อนใจจึงโวยวายขึ้นมา “คุณหลี่ช่วยตัดสินที ท่าทีของเฉียวเยว่เมิ่งเมื่อกี้แสดงว่าเธอกำลังกลัวจะถูกเปิดโปงใช่หรือไม่? ถ้าเธอไม่ได้ทำทำไมเธอไม่โต้แย้งตั้งแต่แรก?” “ทำไมเธอต้องโต้แย้ง?” จู่ๆก็มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้น เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา จู่ๆเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหูเมิ่งฉีถึงต่อต้านเธอ เรื่องทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้! เรื่องที่หูเมิ่งฉีชอบพอเห้ออี้ลั่วทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้ แต่เธอดันเป็นภรรยาของเห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วเดินเข้าไปเคียงข้างเฉียวเยว่เมิ่งช้าๆแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ฉันมีหลักฐานที่หูเมิ่งฉีร่วมมือกับญาติคนไข้เพื่อทำให้ภรรยาของฉันตกที่นั่งลำบากและยังมีวิดิโอที่หูเมิ่งฉีโกหกขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายภรรยาของฉัน ถ้าทุกท่านยังมีข้อสงสัยฉันยังมีหลักฐานอย่างอื่นอีก” เฉียวเยว่เมิ่งพูดไม่ออกจึงกระตุกชายเสื้อสูทของเห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วเหลือบมามองหน้าเธอ เฉียวเยว่เมิ่งเอ่ยขึ้นต่อจากเขา “ฉันคิดว่าคุณหมอหูคงเข้าใจอะไรผิดไปถึงได้บอกว่าฉันไม่ยอมรับข้อมูลที่ส่งมาจากแผนกโลหิตวิทยา เรื่องนี้คงต้องรบกวนคุณหลี่ช่วยตรวจสอบแล้วให้ความชัดเจนกับเราทั้งสองฝ่ายด้วย ตอนนี้ถึงเวลาทำงานแล้วทุกคนกลับไปทำงานกันเถอะ ฉันชื่อว่าคุณหลี่จะให้ความชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” ** เห้ออี้ลั่วและเฉียวเยว่เมิ่งเดินไปลานจอดรถด้วยกัน เฉียวเยว่เมิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก “ท่านประธานเห้อ ขอบคุณมากที่มาช่วยฉัน” เห้ออี้ลั่วส่งเสียงหึในลำคอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจกับวิธีการจัดการของเฉียวเยว่เมิ่ง “คุณผู้หญิง การปล่อยให้เรื่องมันจบด้วยดีทั้งสองฝ่าย อาจจะไม่ได้มาซึ่งการสำนึกบุญคุณของคนอื่นหรอกนะ” “ฉันรู้ พูดตรงๆฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ฉันทำถูกหรือไม่?” “หืม?” “ด้านหนึ่งฉันคิดว่าทุกฝ่ายต่างก็ไม่ง่ายเลยถ้าไม่ถึงจุดที่จัดการไม่ได้แล้วจริงๆก็ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก ฉันและหูเมิ่งฉีก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันมากมายเพียงพอที่จะทำให้เธอตกงาน อีกด้านหนึ่งฉันคิดว่าเธอกล้าเอาชีวิตของคนไข้มาล้อเล่นเพื่อใส่ร้ายฉัน หมอแบบนี้อันตรายเกินไปไม่สมควรที่จะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาคนไข้” “แต่เธอก็ปล่อยหล่อนไป” “ลองดูไปก่อน ถ้าเธอยังไม่สำนึกถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ต่อไปเธอต้องเดือดร้อนแน่” เห้ออี้ลั่วส่ายหน้าไปมา “ฉันจะไม่ออกความเห็นในความคิดและการกระทำของเธอ เธอก็ระวังตัวเองไว้ด้วย” “อืมๆ” เฉียวเยว่เมิ่งเปิดประตูรถให้เขาอย่างนอบน้อม “ประธานเห้อ ท่านลำบากแล้วล่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ” เห้ออี้ลั่วมองเธออย่างขำขัน เขาเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป เฉียวเยว่เมิ่งมองเห้ออี้ลั่วขับรถออกไปจนลับสายตาจึงหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงาน เดินไปก็ครุ่นคิดไป เห้ออี้ลั่วนี่ถือว่าใช่เสน่ห์ยั่วยวนผู้หญิงหรือไม่? ผู้ชายหล่อเหลาเกินไปก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดี ** เรื่องของหูเมิ่งฉีแพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสอบของทีมรักษาความปลอดภัยก็พบว่าเรื่องญาติคนไข้ที่ก่อเรื่องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ ข้อมูลแผนการรักษาที่แผนกโลหิตวิทยาส่งมานั้นก็เป็นเรื่องที่เธอกุขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายเฉียวเยว่เมิ่ง พอทั้งสองเรื่องถูกเปิดโปงก็ทำให้หูเมิ่งฉีอยู่ในโรงพยาบาลอย่างยากลำบาก กลับกันเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ตกอยู่ที่ตัวเฉียวเยว่เมิ่งสักเท่าไหร่ เนื่องจากการปรากฏตัวของเห้ออี้ลั่วครั้งนี้เป็นการยืนยันว่าได้ว่าเห้ออี้ลั่วนั้นจริงจังกับเฉียวเยว่เมิ่งจริงๆ ทำให้ท่าทีของทุกคนที่มีต่อเฉียวเยว่เมิ่งนั้นประจบประแจงมากขึ้น ทักษะฝีมือและการศึกษาของเฉียวเยว่เมิ่งนั้นถือว่าโดดเด่นกว่าหมอที่มีตำแหน่งเดียวกันในโรงพยาลหย่าเต๋อ ตอนนี้มีเห้ออี้ลั่วเข้ามาอีกทำให้สายตาที่จับจ้องเธอนั้นมากขึ้นไปอีก แน่นอนว่าต้องมีผลกระทบในด้านลบ แต่ว่าเรื่องด้านลบนั้นไม่มีใครกล้าพูดในโรงพยาบาลหรอก 
已经是最新一章了
加载中