บทที่ 36 มีอะไรกับลูกเขยฉันหรือยัง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 36 มีอะไรกับลูกเขยฉันหรือยัง
บ๗ที่ 36 มีอะไรกับลูกเขยฉันหรือยัง ผู้ชายแบบเห้ออี้ลั่วไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเคยได้ใกล้ชิดกับเขามาก่อน ถ้าจะบอกว่าไม่หวั่นไหวเลยมันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่างานแต่งงานของพวกเขาแค่จัดเป็นพิธีเท่านั้น ถ้าเธอยึดติดกับเขาตัวเธอเองนั่นแหละที่จะลำบาก เธอควรจะขอบคุณเห้ออี้ลั่วที่แสดงออกให้เธอเห็นตั้งแต่วันนี้ เธอจะได้ไม่ต้องทุ่มเทดูแลชีวิตแต่งงานของพวกเธอ แบบนั้นมันดูโง่มากเลยไม่ใช่หรือไง เห้ออี้ลั่วไม่ได้ตอบคำถามของเฉียวเยว่เมิ่งแต่กลับย้อนถามเธอ “สมมุติว่าตอนที่เธอกำลังคบกับแฟนของเธออยู่แล้วจู่ๆเขาก็ประกาศว่าเขามีลูกอยู่คนหนึ่ง เธอจะยังคบกับเขาอยู่ไหม?” ในตอนนั้นเองที่เฉียวเยว่เมิ่งเข้าใจความหมายของสิ่งที่เห้ออี้ลั่วต้องการจะสื่อ “เรื่องแบบนี้มันสมมุติไม่ได้หรอกเพราะนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน วิธีการแก้ปัญหาก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นนิสัยแบบฉันก็คงมีวางมวยกันสักตั้งหลังจากนั้นก็ค่อยมานั่งคุยกัน ถ้าคุยกันแล้วยังไม่เชื่อใจเขาก็เลิกกันไปเลย ตอนนั้นผู้หญิงในดวงใจของคุณเลิกกับคุณเพราะเรื่องของเสี่ยวเป่าเหรอ? ” เห้ออี้ลั่วไม่ได้ปฏิเสธ “คุณสามารถบอกประวัติของเสี่ยวเป่าให้ฉันและครอบครัวของฉันรู้ได้ คุณก็สามารถบอกเธอได้เช่นกัน เธอน่าจะเข้าใจในสิ่งที่คุณเลือกนะ” คำตอบของเห้ออี้ลั่วคือการลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินจากไป เฉียวเยว่เมิ่งมองแก้วเหล้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าและห้องรับแขกใหญ่โตไร้ผู้คน เธอเอนหลังลงบนโซฟาแล้วมองโคมไฟที่ห้อยอยู่บนเพดาน เธอเอื้อมมือมาจับตรงตำแหน่งหัวใจแล้วคิดในใจ “เฉียวเยว่เมิ่ง เห็นแก่เงินที่ได้ ทนหน่อยนะ อีกหน่อยถ้าถูกถีบหัวส่งก็ค่อยเอาเงินที่ได้ไปเลี้ยงหนุ่มๆสักสองสามคน ผู้ชายแบบเห้ออี้ลั่วนั้นเก็บไว้ให้ผู้หญิงที่มีฐานะระดับเดียวกับเขาเถอะ” พอเฉียวเยว่เมิ่งคิดได้แบบนี้ เธอก็เข้าใจถึงสาเหตุที่เห้ออี้ลั่วและตระกูลเห้อบอกประวัติของเสี่ยวเป่าให้แก่เธอและครอบครัวเธอได้รับรู้ เพราะว่าฐานะทางครอบครัวที่แตกต่างกันมาก พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าเธอและครอบครัวของเธอจะเอาเรื่องนี้ไปพูด เพราะพวกเขารู้ดี ถ้าพวกเขาไม่ได้โง่พวกเขาคงไม่ทำเรื่องที่ลำบากตัวเองแบบนี้ เฉียวเยว่เมิ่งคิดมาถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกเย็นวาบ เธอไม่เคยรู้สึกเลยว่าบ้านเธอนั้นยากจนหรือลำบาก ตั้งแต่เด็กเธอไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย หลังจากทำงานเงินเดือนก็ไม่น้อย จนกระทั่งมาพบเห้ออี้ลั่ว เธอก็ตกอยู่ในฐานะต่ำต้อยทันที เฉียวเยว่เมิ่งถอนหายใจ ลุกขึ้นมานั่งอย่างปลงๆแล้วจัดการกับแก้วและขวดเหล้าทั้งหลาย จากนั้นเธอก็ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วนอนหลับพักผ่อน ** วันต่อมา เฉียวเยว่เมิ่งตื่นตามเวลาปกติที่เธอตื่น เธอมองห้องนอนที่ไม่คุ้นตาอยู่พักหนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือที่ไหน เธอนอนเหม่ออยู่บนที่นอนสักพัก จากนั้นก็เอามือลูบหน้าสองสามทีแล้วลุกไปล้างหน้าล้างตา เธอคิดว่าเมื่อคืนเธอจะนอนไม่หลับเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเธอจะหลับสนิทจนถึงเช้า เธอต้องเอ๋อขนาดไหนกันเนี่ย เฉียวเยว่เมิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เปลี่ยนชุดแล้วเดินออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงมาจากชั้นล่างจึงเดินไปตามต้นตอของเสียง หญิงวัยกลางคนในห้องครัวได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจึงหันหลังมาดู เธอยิ้มอย่างใจดีให้เฉียวเยว่เมิ่ง “ตื่นแล้วหรือคะคุณหนู อาหารเช้าป้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหนูไปนั่งรอในห้องรับประทานอาหารเลยค่ะ” “รบกวนด้วยนะคะ” “ไม่รบกวนค่ะ คุณท่านทั้งสองเรียกป้าว่าป้าหลิว คุณหนูเรียกป้าว่าป้าหลิวเหมือนกันก็ได้ค่ะ” “โอเคค่ะ”เฉียวเยว่เมิ่งเดินไปนั่งในห้องรับประทานอาหาร ไม่นานป้าหลิวก็ยกอาหารเข้ามา อาหารมีหลายรูปแบบแต่ปริมาณกลับไม่เยอะ เหมือนว่าจัดมาสำหรับเธอคนเดียว “มีฉันกินคนเดียวเหรอคะ?” “นายน้อยและคุณหนูน้อยกินไปแล้วค่ะ ตอนนี้พวกเขาเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ ถ้าคุณหนูกินเสร็จก็สามารถไปหาพวกเขาได้ที่ริมทะเลสาบนะคะ” “ทราบแล้วค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งกินไปไม่กี่คำก็พบว่าป้าหลิวยังยืนอยู่ด้านข้าง จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ?” “ไม่มีค่ะ ป้ารอคุณหนูกินเสร็จค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกเขินอายขึ้นมา “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันกินเสร็จเดี๋ยวฉันจัดการเอง ป้ายืนแบบนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยชิน” “ได้ค่ะ เช่นนั้นป้าขึ้นไปจัดการชั้นบนนะคะ คุณหนูกินเสร็จก็วางไว้นี่แหละค่ะ เดี๋ยวป้ามาเก็บเอง” เฉียวเยว่เมิ่งพยักหน้ารับ กระทั่งป้าหลิวเดินขึ้นไปจนลับสายตา เธอค่อยรู้สึกเป็นตัวเองขึ้นมาหน่อย ชีวิตคนรวยนี่นะ เธอยังไม่ชินเลยจริงๆ เฉียวเยว่เมิ่งจัดการอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงจึงเก็บจานชามมาซ้อนกันแล้วนำไปล้างในห้องครัว เธอไม่ได้ต้องการทำเพื่อเอาหน้า แค่ล้างจานไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาทำให้ก็ได้ เฉียวเยว่เมิ่งนั่งเล่นในห้องรับแขกสักพักก็พบว่าแดดกำลังดี อาหารที่กินไปก็ย่อยพอสมควรแล้วจึงขึ้นไปเอาโทรศัพท์แล้วเดินออกจากบ้าน หลังออกมาจากบ้าน เฉียวเยว่เมิ่งก็โทรหาแม่ของเธอ ลั่วหมิงเม่ยรับสายปุ๊ปก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที “ลูกรัก เมื่อคืนมีอะไรกับลูกเขยฉันหรือยัง?” เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินดังนั้นก็กรอกตา “คุณลั่วหมิงเม่ย รบกวนเก็บอาการหน่อยค่ะ” “เมื่อคืนมีอะไรกันหรือยัง?” เฉียวเยว่เมิ่ง “……” “อายุยี่สิบหกแล้วนะ ยังอายอะไรอีก รีบเล่ามา เผื่อฉันจะแนะนำประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ” “ขอบคุณนะคะ แต่เรื่องแบบนี้เก็บไว้คุยกับคุณเฉียวไห่ซิงเถอะค่ะ” “ถ้าพ่อเธอรู้ต้องเมินฉันไปสามวันแน่นอน” “ตอนนี้ฉันก็อยากเมินแม่” “ชิ ลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วนะ เพิ่งแต่งออกไปก็ไม่รักฉันแล้ว” “อืม ฉันไม่รักแม่แล้ว” เฉียวเยว่เมิ่งตอบกลับอย่างขำขัน “ฉันดูออก” ลั่วหมิงเม่ยเอ่ยขึ้นอย่างผ่อนคลาย “พูดมาเถอะ โทรหาฉันทำไม” “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เมื่อวานในงานมีญาติทางฝั่งคุณปู่กับคุณยายไม่น้อยเลยใช่ไหม? ฉันไม่ได้ไปดูแลอย่างทั่วถึงเลยน่ะสิ วันนี้จัดการกันยังไงเหรอ? ฉันต้องไปช่วยหรือเปล่า?” “ลูกเขยฉันไม่ได้บอกเหรอ?” ลั่วหมิงเม่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย “บอกอะไร?” “ทางฝั่งลูกเขยจัดทริปให้พวกเราไปเที่ยวโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ให้พวกเราไปเที่ยวพักผ่อนจนถึงวันหยุดช่วงปีใหม่” “อะไรนะ? ไปกันหมดเลยเหรอ?” “ที่สามารถไปได้ก็ไปกันหมดเลย โอกาสที่ทั้งสองบ้านจะออกไปเที่ยวด้วยกันนั้นน้อยมาก โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ ทางฝั่งลูกเขยก็คิดได้รอบคอบดี แม้แต่สถานที่เที่ยวก็วางแผนไว้ให้หมดเลย” เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกใจสั่นไหวเบาๆ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา “เที่ยวให้สนุกนะ อย่าลืมถ่ายรูปมาให้ดูด้วยล่ะ” “รู้แล้วๆ เธอกับลูกเขยก็ดูแลกันดีๆนะ รีบมีหลานตัวน้อยๆมาให้ฉันอุ้ม” “แม่คิดเยอะไปแล้วล่ะ” “แน่นอนอยู่แล้ว” ลั่วหมิงเม่ยเอ่ยขึ้นแกมหัวเราะ เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินเสียงบรรดาญาติๆคุยกันดังลอยมาตามสายคงจะสนุกสนานกันน่าดู “แค่นี้นะ เธอไปฮันนีมูนกับลูกเขยเถอะ ฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว” “ดูแลตัวเองด้วยนะ” “รู้แล้ว วางแล้วนะ” เฉียวเยว่เมิ่งถือโทรศัพท์มองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย เห้ออี้ลั่วและคนตระกูลเห้อวางแผนดูแลครอบครัวเธอได้อย่างรอบคอบ ในอนาคตถ้าพวกเธอเลิกกัน เธอจะอธิบายกับคุณปู่และคุณยายยังไงดีล่ะ? เฉียวเยว่เมิ่งสะบัดหัวไปมา ขี้เกียจคิดเรื่องนี้แล้ว เพิ่งแต่งงานก็คิดถึงเรื่องหย่าเสียแล้ว คงไม่มีใครเหมือนเธอแล้วล่ะ ตอนเธอออกจากบ้านเธอสุ่มเลือกทางมาทางหนึ่ง เดินไปสักพักก็พบว่าทางเหล่านี้ล้วนทะลุไปถึงริมทะเลสาบ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบธรรมชาติไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ น้ำในทะเลสาบใสสะอาด รอบด้านมีต้นไม้ซึ่งไร้ใบและก้อนหินอยู่ประปรายทำให้ดูโล่งโปร่งสบายตา แสงแดดสะท้อนลงบนผิวน้ำราวกับกระจกบานหนึ่ง ประกอบกับมีภูเขาและท้องฟ้าอยู่เบื้องหลัง ดูงดงามเป็นอย่างมาก 
已经是最新一章了
加载中