บทที่ 37 เงินสองร้อยล้านในบัตร   1/    
已经是第一章了
บทที่ 37 เงินสองร้อยล้านในบัตร
บ๗ที่ 37 เงินสองร้อยล้านในบัตร เฉียวเยว่เมิ่งไปยืนอาบแดดในที่ที่มีแดดส่องลงมา เวลาผ่านไปสักพักก็พบว่าริมทะเลสาบด้านตรงข้ามมีร่างของคนสองคนใหญ่คนหนึ่งเล็กคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ พูดให้ถูกก็คือเห้ออี้ลั่วนั้นเดินแต่เสี่ยวเป่านั้นวิ่ง ทั้งสองคนใส่ชุดกีฬาแบบเดียวกันช่างดูอบอุ่นนัก ทั้งสองคนนั้นก็มองเห็นเธอเช่นเดียวกัน เสี่ยวเป่ายกแขนเล็กๆนั่นขึ้นแล้วโบกมือให้เธอยกใหญ่ มุมปากของเฉียวเยว่เมิ่งยกยิ้มแล้วเธอก็โบกมือกลับ เสี่ยวเป่าวิ่งมาหยุดอยู่หน้าเฉียวเยว่เมิ่งด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว ก่อนที่เสี่ยวเป่าจะมาถึงตัวเธอ เธอก็ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ เสี่ยวเป่ามาถึงก็วิ่งเข้าสู่อ้อมอกของเฉียวเยว่เมิ่ง เฉียวเยว่เมิ่งลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเสี่ยวเป่า “เหนื่อยไหม?” เสี่ยวเป่าส่ายหน้าแล้วจะมุดหน้าเข้าหาเฉียวเยว่เมิ่ง ขณะที่กำลังจะมุดนั้นคอเสื้อของเสี่ยวเป่าก็ถูกดึงจากด้านหลังด้วยมือข้างหนึ่ง เห้ออี้ลั่วจับคอเสื้อของเขาแล้วลากให้ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง “ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวทำเสื้อหม่ามี๊เปื้อน” เสี่ยวเป่าจ้องเห้ออี้ลั่วด้วยความเสียใจแต่ก็ไม่กล้าพุ่งตัวเข้าไปหาเฉียวเยว่เมิ่งอีก เฉียวเยว่เมิ่งช็อกกับสรรพนามที่เห้ออี้ลั่วใช้เรียกเธอเมื่อสักครู่ ให้เธอเป็นแม่เสี่ยวเป่าดื้อๆแบบนี้เลยจะเหมาะสมเหรอ? เธอเข้าไม่ถึงบทบาทสักเท่าไหร่ หลังจากเห้ออี้ลั่วพูดจบก็คลายคอเสื้อของเสี่ยวเป่าออก เสี่ยวเป่ารีบหอมแก้มเฉียวเยว่เมิ่งแรงๆครั้งหนึ่งแล้ววิ่งกลับไปทางวิลล่า เห้ออี้ลั่วมองหน้าเฉียวเยว่เมิ่งแล้วเอ่ยถามขึ้น “เมื่อคืนนอนสบายดีไหม?” “ก็ดี แล้วให้เสี่ยวเป่าเรียกฉันว่าหม่ามี๊เลยไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?” “จิตใจเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เห้ออี้ลั่วตอบกลับ “อยู่ต่อหน้าเธอ เขาไม่เหมือนเด็กที่เป็นออทิสติกเลยจริงๆ” “ถ้าฉันไม่เห็นท่าทางตอนเขาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” เฉียวเยว่เมิ่งเอ่ยขึ้นในขณะเดียวกันโทรศัพท์เธอก็มีแจ้งเตือนข้อความเข้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นแจ้งเตือนจากทางธนาคาร เธอดูจำนวนเลขศูนย์ที่ต่อท้ายยาวเหยียดก็อึ้งไปสักพัก “คุณมหาเศรษฐี นี่คุณเอาจริงเหรอ? ” “เมื่อวานผมเหมือนคนพูดเล่นหรือไง?” “นี่ฉันถูกซื้อด้วยเงินเหรอเนี่ย?” เฉียวเยว่เมิ่งมองหน้าเห้ออี้ลั่วด้วยดวงตาเป็นประกาย “ค่าตัวเธอมีค่ามากกว่าสองร้อยล้าน อย่าดูถูกตัวเองหน่อยเลย” เฉียวเยว่เมิ่งหัวเราะแห้งๆใส่เขา จากนั้นก็จ้องเลขศูนย์ยาวเหยียดนั้นด้วยความงุนงง เธอไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเศรษฐีเลยสักนิด เมื่อก่อนเธอยังเคยคิดว่าถ้าเธอถูกลอตเตอรี่สักสิบล้าน เธอจะลาออกจากงานทันทีแล้วเอาเงินไปซื้อบ้านซื้อรถ ไปเที่ยวรอบโลก ซื้อของฟุ่มเฟือยทั้งหลายที่พ่อกับแม่เธออยากได้ ตอนนี้จู่ๆเธอมีเงินในบัญชีสองร้อยล้าน เธอกลับรู้สึกกระวนกระวายใจแปลกๆ ดูแล้วคนจนที่กลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนก็ไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่คิด เห้ออี้ลั่วมองใบหน้ามึนๆของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ในช่วงชีวิตแต่งงานนี้เธอและฉันมีสถานะเดียวกัน ฉันจะดูแลพ่อแม่เธอในฐานะลูกเขยเหมือนคนทั่วๆไป” “ฉันรู้สึกเหมือนถูกลอตเตอรี่เลย”เฉียวเยว่เมิ่งพึมพำ เธอไม่กล้าพูดแบบเดียวกับเห้ออี้ลั่วแน่ๆ เห้ออี้ลั่วเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดมหาศาล เธอกลัวว่าอยู่กันไปนานเข้าเธอจะควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้แล้วเกิดตกหลุมรักเขาขึ้นมา และเธอก็เชื่อว่าเห้ออี้ลั่วมีคนในใจอยู่แล้ว เฉียวเยว่เมิ่งไม่อยากคิดเรื่องที่ยังมาไม่ถึงพวกนี้แล้ว เธอเลยเอ่ยถามขึ้นมา “คุณมีแผนอะไรสำหรับอาการของเสี่ยวเป่าหรือเปล่า? ตอนนี้แพทย์ประจำตัวเขาว่ายังไงบ้าง? แล้วเราต้องให้ความร่วมมืออะไรหรือเปล่า?” “เสี่ยวเป่าไม่สามารถอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะๆได้ ถ้าคนเยอะเขาจะมีอารมณ์เกรี้ยวกราด แพทย์แนะนำให้รักษาแบบป้องกันไว้ก่อน หลังจากเสี่ยวเป่าเจอคุณก็ให้มีปฏิสัมพันธ์แม่ลูกด้วยกันบ่อย ๆ ถ้าตอนนี้คุณยังไม่ชินที่ต้องมีเด็กเข้ามาอยู่ในชีวิต คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ผมกับเสี่ยวเป่าจะกลับไปอยู่วิลล่าหลังเดิม” เฉียวเยว่เมิ่งเพิ่งเข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมถึงไม่เห็นเสี่ยวเป่าอยู่ในงานแต่งงานเมื่อวาน “ฉันไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ฉันไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน ช่วงแรกอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง คุณและแม่คุณรับได้หรือเปล่า?” “ครั้งที่แล้วเธอก็ทำได้ดีมากแล้ว เขาไม่ค่อยเหมือนเด็กทั่วไปที่จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างที่ต้องการ แค่อย่าให้เขาอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆคนเดียวก็พอ” “เข้าใจแล้ว” “เดี่ยวรอช่วงหลังวันหยุดปีใหม่ แพทย์ประจำตัวของเสี่ยวเป่าจะมา ตอนนั้นคุณจะเข้าใจอาการของเสี่ยวเป่ามากขึ้น” “เข้าใจแล้ว” ทั้งสองคนพูดมาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง เฉียวเยว่เมิ่งอึดอัดเล็กน้อยยังดีที่ตอนนี้เสี่ยวเป่าอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาวึ่งตึงตังเข้ามาหาแล้วเอามือเล็กๆของตัวเองยัดใส่มือของเฉียวเยว่เมิ่ง เฉียวเยว่เมิ่งกุมมือเล็กๆนั่นพร้อมกับยิ้มให้เขา เสี่ยวเป่าจึงยิ้มให้เธออย่างสดใสแล้วหยิบแทบเลตของตัวเองออกมาเขียน “หม่ามี๊ชอบที่นี่ไหม?” “ชอบสิ เราล่ะ?” “ผมก็ชอบ” เฉียวเยว่เมิ่งลูบผมนิ่มๆของเขาด้วยรอยยิ้ม “เราไปเดินเล่นรอบๆดีไหม?” “ดีๆ เดี๋ยวผมพาไป!” เสี่ยวเป่าเขียนตอบด้วยความดีใจ “อืมๆ” เห้ออี้ลั่วมองทั้งสองคนที่เดินจากไปอย่างสนุกสนานแล้วพบว่าเขาถูกทั้งสองคนลืมอย่างสิ้นเชิง ในแววตาของเห้ออี้ลั่วมีความหนักแน่นพาดผ่าน ในตอนแรกเขาแต่งงานกับเฉียวเยว่เมิ่งเพราะเธอดึงดูดเสี่ยวเป่า ต่อหน้าเธอเสี่ยวเป่าเหมือนเด็กปกติทั่วไปทุกอย่าง นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแทนที่ได้ เขาจึงให้คนจัดการทะเบียนสมรสของเขาและเฉียวเยว่เมิ่งเงียบๆ ตอนที่เขาบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเขา เขาคิดว่าจะถูกคัดค้านเสียอีก คิดไม่ถึงว่าพ่อและแม่ของเขาแค่ดูประวัติของเฉียวเยว่เมิ่งและครอบครัวของเธอหลังจากนั้นก็ยินยอมทันที เหตุผลของพวกเขานั้นก็ง่ายๆเลย เฉียวเยว่เมิ่งมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและเคยช่วยเสี่ยวเป่าไว้ ผู้หญิงแบบนี้จึงจะสามารถแต่งเข้าบ้านตระกูลเห้อได้ ดังนั้นจึงมีงานแต่งงานใหญ่โตของพวกเขาขึ้นมา ก่อนที่จะมารู้จักเฉียวเยว่เมิ่ง แม่ของเขาก็หาผู้หญิงที่มีฐานะและอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขามาแนะนำแต่ล้วนถูกพ่อเขาคัดค้านไปเสียหมด เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะเย็นชากับคนอื่นๆ ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจสิ่งไหนเป็นพิเศษ คนที่เขารู้สึกแตกต่างก็มีแต่พี่ชายคนโตของเขา พี่ชายคนโตของเขาอายุมากกว่าเขาห้าปี ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนตามใจเขามาตลอด พอรู้ว่าเขาไม่สนใจที่จะสานต่อบริษัทหรือกิจการครอบครัว พี่ชายเขาก็เป็นคนสานต่อบริษัทเห้อซื่อแล้วให้เขาใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการ แต่กลับจัดการให้หุ้น51%อยู่ภายใต้ชื่อเขา พี่ชายและพ่อแม่เขาทั้งสามคนมีหุ้นรวมกันคือ49%ที่เหลือ พวกเขาอธิบายง่ายๆคือให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการ เขาชอบกีฬาเอ็กซ์สตรีม ประเภทไหนอันตรายเล่นประเภทนั้น หลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เขากลับมีความสุข จนกระทั่งพี่ชายและพี่สะใภ้เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงกลับบ้านไปจัดการกับงานศพ สานต่อกิจการที่บริษัท และรับผิดชอบดูแลเสี่ยวเป่า เขาเพิ่งรู้ว่าเมื่อก่อนเขาเอาแต่ใจตัวเองขนาดไหน คนทั้งบ้านล้วนต้องตามใจเขา ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเขา เวินอันเหยียนก็บอกเลิกเขาในช่วงเวลานั้น เขาก็ไม่ได้รักเวินอันเหยียนเท่าไหร่เพียงแค่ไม่ได้รำคาญเธอเท่านั้น การคบกันของพวกเขาแทบจะไม่เหมือนคนที่เป็นแฟนกันทั่วไป แค่นัดเจอกันบ้าง ไปกินข้าว ดูหนัง ความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็น้อยครั้ง ทั่วไปก็คือจับมือ กอดบ้าง จูบกันนั้นน้อยมาก เหตุผลหลักๆคือเขารู้สึกสะอิดสะเอียนเวลาจูบกัน
已经是最新一章了
加载中