บทที่42 ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าของซึ่งกันและกันไง
1/
บทที่42 ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าของซึ่งกันและกันไง
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่42 ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าของซึ่งกันและกันไง
บ๗ที่42 ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าของซึ่งกันและกันไง ในผ้าห่มยังมีกลิ่นน้ำหอมสดชื่นหลงเหลือ ซึ่งก็เป็นกลิ่นหอมเดียวกับเฉียวเมิ่งเยว่ เห้ออี้ลั่วเหลือบมองไปยังรอบๆของห้อง การตกแต่งของห้องไม่ได้ดีเป็นพิเศษมากเท่าไหร่ เป็นสไตล์รุ่นยอดนิยมของช่วงสิบปีก่อนแต่จะเห็นได้ชัดว่ามันได้รับการดูแลรักษามาอย่างดี บ้านของตระกูลเฉียวชวนให้รู้สึกได้ถึงการดูแลรักษาที่ไร้ที่ติกับทุกสิ่งอย่าง สิ่งของทุกอย่างในบ้านมีความเป็นการดำรงชีวิตของผู้คนในบ้าน และยังมีร่องรอยของการดูแลรักษาอย่างดี ห้องของเฉียวเมิ่งเยว่ไม่มีรสนิยมของเด็กผู้หญิงมากมายชั้นวางหนังสือ, สินค้าแฮนด์เมด, โต๊ะทำงาน, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง ฯลฯ ล้วนมีสไตล์ที่เรียบง่ายและสง่างามและไม่มีอะไรเป็นผู้หญิงมากนัก ส่วนห้องของเฉียวเมิ่งเยว่ ดูรวมๆแล้วไม่มีรสนิยมของเด็กผู้หญิงมากเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นชั้นว่างหนังสือ เครื่องประดับ โต๊ะเขียน ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่จะเป็นโต๊ะเครื่องแต่งหน้าก็ตาม ล้วนจะเป็นสไตล์ที่ดูเรียบง่ายและสง่างาม อาจเนื่องด้วยอาชีพของเธอ เลยทำให้กลายเป็นแบบนี้ เห้ออี้ลั่วครุ่นคิดไปพลาง แล้วก็หลับลงไปในที่สุด ** ในระหว่างที่เฉียวเมิ่งเยว่ลงไปล้างถ้วยนั้น ก็ถูกลั่วหมิงเม่ยลากไปคุยข้างๆ “แม่กับพ่อของลูกได้ซื้อของฝากเล็กๆน้อยให้กับเสี่ยวเป่าและญาติฝั่งนั้น ลูกช่วยดูให้หน่อยว่ามันจะเวิร์ครึเปล่า” “บ้านของเห้ออี้ลั่วไม่ค่อยขาดอะไรหรอก หนูว่าขอแค่เรามีใจให้ พวกเขาก็คงดีใจแล้วแหละ” “แม่ก็ความคิดเดียวกับลูกแหละ เลยเลือกของที่ไม่ได้แพงเว่อร์จนเกินไป และยังเอามาประยุกต์ใช้ได้ดีอีกด้วย” “แม่นี่ฉลาดไม่แพ้หนูเลยนะคะ” “มันก็ต้องแหงล่ะสิ”ลั่วหมิงเม่ยถลึงตาใส่ลูกของตน “แม่ซื้อเสื้อให้เสี่ยวเป่าไปสักสองสามตัว แต่ไม่ได้ซื้อของเล่นเลย เพราะเห็นว่าแกไม่ค่อยอยากเล่นเท่าไหร่นัก” “มันก็จริง ที่แกไม่ชอบอะไรที่เด็กทั่วไปเขาเล่นกันนัก”เฉียวเมิ่งเยว่โอบที่ไหล่ของลั่วหมิงเม่ย “แม่ อย่าคิดมากเลยหน่า เมื่อก่อนแม่ไม่เห็นกังวลอะไรเยอะแบบนี้เลยนี่?มันดูไม่เหมือนแม่เลยรู้มั้ย?” “ ไม่ใช่หรือว่าคุณแต่งงานด้วยดีฉันจะแต่งงานไม่ได้ไหมฉันแต่งงานไม่ดีฉันเป็นห่วงฉันแต่งงานด้วยดีฉันก็เป็นห่วงเช่นกัน “ก็เพราะว่าลูกได้ดีเกินที่แม่คาดไว้ไงล่ะ จะให้แม่ไม่กังวลได้ยังไงกัน?ทว่าลูกได้ไม่ดี แม่ก็จะเป็นห่วง พอลูกได้ดีจนเกินไป แม่ก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดีวันยังค่ำ เป็นแม่คนนี่มันช่างลำบากเสียจริง” และพูดว่า "ถ้างั้นคุณก็เศร้าฉันจะไป" เฉียวเมิ่งเยว่หอมแก้มลั่วหมิงเม่ยไปหนึ่งทีพร้อมพูดลอยๆไปว่า "ถ้างั้นแม่ก็เศร้าต่อไปละกัน หนูจะไปเที่ยวตะลอนเรื่อยเปื่อยละนะ" "เฉียวเมิ่งเยว่ ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าที่ดีของกันและกันไง! แกทำแบบนี้กับแม่ที่กล้ำกลืนความทุกข์ยากลำบากลงคอได้ยังไงกัน?!" เฉียวเมิ่งเยว่แสร้งทำหูทวนลม และเดินไปข้างบนอย่างสบายใจเฉิบ เธอรู้ว่าคุณลั่วหมิงเม่ย ก็แค่อุทานด้วยความซึ้งใจเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็จะกลับไปกลุ้มใจเองเหมือนเดิม ไม่ยุ่งด้วยดีกว่า ** หลังจากวันหยุดปีใหม่จบสิ้น เฉียวเมิ่งเยว่ก็กลับไปประจำงานที่โรงพยาบาล โดยนำลูกอมมงคลในวันแต่งงานไปฝากให้กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน เสี่ยวอันกินไปยิ้มไป "นี่คือลูกอมมงคลที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกิน" "คุณเสี่ยวอันเอ่ย สอพลอไปไหมจ๊ะ" “ ไม่ได้สอพลอนะ เมื่อก่อนตอนฉันใส่ซองไปงานแต่งคนอื่นน่ะ ได้แค่ของชำร่วยเล็กๆน้อยๆที่อร่อยไม่เทียบเท่าซื้อกินเองด้วยซ้ำ พูดให้ถูกคือ อะไรมันก็อร่อยไม่เท่าลูกอมสิริมงคลของคุณเฮ่อหรอก” เฉียวเมิ่งเยว่ขี้เกียจฟังเสียงอวยของเธอ เลยถามต่อไปว่า "อาจารย์หลินหายไปไหนแล้วล่ะ ฉันเพิ่งไปที่ห้องทำงานของเขามาเมื่อกี้ ประตูไม่ได้เปิด" "ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่าจะไปเปิดประชุมเรื่องเกี่ยวกับ โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง" "ไม่เคยได้ยินเลยนี่ ว่าช่วงนี้จะมีการประชุมวิชาเฉพาะทาง" “ฉันก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเหมือนกัน อาจเป็นประชุมที่เกี่ยวข้องด้วยมั้ง พวกเราไม่ได้อยู่ในแผนกหลอดเลือดหัวใจและสมองนี่ " เสี่ยวอันตอบ เฉียวเมิ่งเยว่พยักหน้าเห็นด้วย และเริ่มทำงานช่วงเช้า หลังจากที่เธอได้เป็นแพทย์ควบคุมเต็มตัว เนื้อหาการทำงานของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนไปมากนัก ซึ่งที่เปลี่ยนไปคือชั่วโมงการทำงานของเธอนั้น ได้มั่นคงกว่าการเป็นแพทย์ประจำไปกว่าเดิม เช่นเดียวกับการทำงานของพนักงานทั่วไป หากไม่มีสถานการณ์พิเศษ ที่ต้องทำงานล่วงเวลา ไม่งั้นก็ได้เลิกตามเวลางานปกติ ซึ่งก็คือ6โมงเย็นนั่นเอง ในฐานะที่เคยเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลมาก่อน ซึ่งเธอไม่เคยมีคำว่าวันหยุดในสมองเลย โดยทั่วไปแล้ว เธอมักต้องประจำตัวในโรงพยาบาลเกือบทุกวัน และยังต้องเข้าทำงานแม้ในเวลาหยุดงานก็ตาม มันก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย พอได้เวลางานที่มั่นคง หมกมุ่นกับงานไปทั้งวัน เฉียวเมิ่งเยว่ ก็ได้กำชับรายละเอียดกับเสี่ยวอันนิดหน่อยก่อนเลิกงาน เห้ออี้ลั่วได้เชิญชวนให้หมอประจำของเสี่ยวเป่าไปทานอาหารในวันนี้ ทว่าตนไปสายก็คงจะดูไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น เธอจึงขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ ด้วยความรวดเร็วสุดขีด หลังจากกลับเข้าไปในคฤหาสน์ เธอก็เห็นชายคนหนึ่งที่แลดูสุภาพเรียบร้อย สวมแว่นขอบสีทอง ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ชายคนนั้นลุกยืน และยื่นมือมาทางเธอแล้วยิ้ม "สวัสดีครับคุณหญิงเห้อ ผมชื่อหลิวจื่อชวน เป็นหมอประจำบ้านของคุณหนูเสี่ยวเป่าเองครับ" "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"เฉียวเมิ่งเยว่ ยื่นมือตอบรับ "คุณเห้อเคยบอกว่าคุณเป็นหมอของโรงพยาบาลหย่าเต๋อ ซึ่งโรงพยาบาลหย่าเต๋อก็เป็นโรงบาลที่ขึ้นชื่อทีเดียว" “ขอบคุณค่ะ แม้เราจะอาชีพเดียวกันก็จริง แต่ความสามารถของดิฉันก็ยังคงไกลเกินเอื้อม ดิฉันขอฝากตัวกับคุณหมอหลิวด้วยนะคะ” เฉียวเมิ่งเยว่กล่าวด้วยความจริงใจ “ คุณผู้หญิงถ่อมตัวเกินไปแล้วครับ แม้ว่าโรงพยาบาลหย่าเต๋อ จะยังไม่ใช่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองเยว่เฉิงตอนนี้ก็จริง แต่คุณภาพและคุณหมอในนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะใช่ย่อย ด็อกเตอร์หลายท่านที่ขึ้นชื่อต่างก็มาจากหย่าเต๋อเช่นกัน คุณอาจเป็นหนึ่งในนั้นอีกไม่ช้าเลยก็ว่าได้ครับ " "ดิฉันควรต้องอ่อนน้อมถ่อมตนดี หรือจะบอกคุณพูดถูกดีคะ?" หลิวจื่อชวน ยิ้มหัวเราะกับการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาของเธอ ในขณะเดียวกันนั้น เห้ออี้ลั่วกับเสี่ยวเป่าเพิ่งกลับมาจากการออกกำลังกายพอดี เสี่ยวเป่าวิ่งไปหอมแก้มที่หน้าเฉียวเมิ่งเยว่ทีนึง จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน หลิวจื่อชวน ใส่ใจทุกท่าทางของเสี่ยวเป่าเสมอ จนกระทั่งเสี่ยวเป่าวิ่งขึ้นไปชั้นบน เขาถึงได้หันไปหาเห้ออี้ลั่วและ เฉียวเมิ่งเยว่"สภาพจิตใจของเสี่ยวเป่า ดีกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก" เห้ออี้ลั่วนั่งไปยังข้างๆของเฉียวเมิ่งเยว่ "ความแตกต่างระหว่างปัจจุบันกับอดีตก็คือ เขายอมรับคนเพิ่มขึ่นมาอีกคน แต่การแสดงท่าทางของเขาในด้านอื่น ๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก" “ทุกกระบวนการเราควรต้องให้เวลากับมัน สำหรับเราแล้วเสี่ยวเป่าแค่ยอมรับเพิ่มมาเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือการยอมรับ ยอมรับคนๆหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิตของเขาเลย ซึ่งการยอมรับนี้ยังแข็งแกร่งดีพอ ไม่มีการตอบสนองในทางที่ไม่ดี เชิงปฏิเสธ นี่เป็นสิ่งที่หายากมากในหมู่ของผู้ป่วยออทิสติก ผมกับนักจิตวิทยาเด็กคนอื่น ๆ คิดว่า โรคของเสี่ยวเป่าเป็นออทิสติกที่ผิดปกติ เขามีอาการส่วนหนึ่งของโรคออทิสติกที่ควรจะมี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอาการครบถ้วน ซึ่งลักษณะของเสี่ยวเป่าก่อนหน้านี้คือไม่เต็มใจที่จะสื่อสารกับใคร แม้กระทั่งการสื่อสารของเขากับคุณเห้อก็ไม่ใช่ว่าจะไปได้สวย มีแต่ยามจำเป็นเท่านั้นถึงจะยอมคุยด้วย ทั้งตัวของเขาอยู่ในสภาวะตึงเครียด แต่เมื่อกี้นี้ เขาไม่มีท่าทีของอาการเบื้องต้น การเคลื่อนไหวของแขนขาและการแสดงออกของเขานั้นผ่อนคลายทุกอย่าง นี่เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดในปีที่ผ่านมา " เห้ออี้ลั่วพูดต่อว่า: "การเปลี่ยนแปลงของเขาถือว่าก้าวกระโดดก็จริง แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมพูด ถ้าเขายังคงไม่ยอมพูดเป็นเวลานาน ฟังก์ชั่นภาษาของเขาจะค่อยๆเสื่อมลง การเรียนรู้ในการพูดของเขาก็เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ซึ่งฟังก์ชั่นการออกเสียงยังคงเจริญได้ไม่พร้อมเท่าไหร่นัก ก็ได้เข้าสู่สถานะออทิสติกพอดี " หลิวจื่อชวนพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "นี่คือสิ่งที่เราควรต้องทำต่อไป และขั้นตอนต่อไปที่จะถึงนี้ เราต้องตรวจเช็คสภาพร่างกายและจิตใจอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผมต้องขอความร่วมมือของพวกคุณทั้งคู่ จะได้นำผลตรวจไปพัฒนาวิธีการรักษาต่อไป" ฟังมาสักพัก เฉียวเมิ่งเยว่ก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจกับโรคที่เสี่ยวเป่ากำลังเผชิญอยู่นั่นร้ายแรงแค่ไหน แต่การที่คาดว่าฟังก์ชั่นการพูดของเสี่ยวเป่าอาจมีปัญหาได้นั้น ก็ทำให้เธอตระหนักถึงถึงความเลวร้ายของเรื่องนี้ไปด้วย แม้จะเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้เอ่ยปากพูดเป็นเดือนสองเดือน ก็อาจทำให้การพูดมีปัญหาได้แล้วเช่นกัน แล้วถ้าเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งพูดเป็นล่ะ เงียบไปเป็นเวลานานถึงสองปี ผลที่ตามมาก็คงยากที่จะพูดถึง เฉียวเมิ่งเยว่ถามว่า: "สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการให้เสี่ยว Taobao พูด" "ใช่ แต่คุณไม่ควรทำเร็วเกินไปคุณควรไปทีละขั้นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เขาไม่เชื่อฟัง" เฉียวเมิ่งเยว่มองดูเขาอี้หลูผู้ซึ่งมองเธอด้วย เฉียวเมิ่งเยว่กล่าวว่า: "เราเริ่มต้นด้วยการเสริมสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับเซียว Taobao คุณคิดอย่างไร?" เขา Yiluo พยักหน้า liu Ye มาจากร้านอาหาร "ท่านอาจารย์คุณยายอาหารเย็นพร้อมแล้ว"
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่42 ไหนที่เคยสัญญากันว่าจะเป็นนางฟ้าของซึ่งกันและกันไง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A