บทที่ 45 โปรดอย่าตีหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ
1/
บทที่ 45 โปรดอย่าตีหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 45 โปรดอย่าตีหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ
บ๗ที่ 45 โปรดอย่าตีหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ เฉียวเมิ่งเยว่เลิกงานกลับบ้านหลังจากที่วุ่นวายไปทั้งวัน ระหว่างทางกลับบ้านเธอก็พบเจอร้านขายของแกะสลักที่เธอเคยไปซื้อประจำ เลยเอารถจอดหน้าร้านเพื่อเข้าไปดูของ เจ้าของร้านเป็นชายชราในอายุราวๆเจ็ดสิบ ชอบทำงานฝีมือ สิ่งที่เขาทำส่วนมากก็แลดูพิเศษ เธอเคยซื้อไปเยอะมาก "ยินดีต้อนรับ" เสียงที่แลดูเก่าแก่ดังจากด้านหลังเคาน์เตอร์ "สวัสดีค่ะคุณปู่โม่" "สวัสดี คุณเฉียว ไม่ได้เจอคุณมาซักพักนึงแล้ว"คุณปู่โม่ลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์แล้วมองเธอด้วยรอยยิ้ม "ช่วงนี้หนูไม่ค่อยเห็นคุณปู่เปิดร้านเลยค่ะ" "ช่วงนี้ยุ่งๆ จะไปต่างประเทศลูกสาวและลูกเขยของปู่ ขอให้ฉันและภรรยาไปใช้ชีวิตเกษียณที่อเมริกา เครื่องออกบินวันมะรืนนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะเปิดร้านนี้แล้วแหละ คุณหนูชอบอะไรก็บอกได้เลยเดี๋ยวไม่คิดเงิน คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากคุณปู่ละกัน" "ขอบคุณค่ะ หนูกำลังคิดว่าจะซื้อให้เป็นของขวัญสำหรับลูกชาย" “ งั้นตามสบายเลยนะคุณหนู” หลังคุณปู่โม่พูดเสร็จ ก็กลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์ทำธุระเหมือนเดิม เฉียวเมิ่งเยว่เดินไปรอบๆร้าน สุดท้ายซื้อกระท่อมไม้เล็กๆอันนึง และหุ่นมนุษย์อันหนึ่ง ผู้ที่ศึกษาด้านการแพทย์และนิติเวชศาสตร์มักจะใช้หุ่นแบบจำลองดังกล่าว แต่เธอก็ยังประหลาดใจที่มีหุ่นที่ประณีตดังกล่าวมาขายในร้านช่างฝีมือ เฉียวเมิ่งเยว่นำสินค้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อเช็คบิล พอคุณปู่โม่เห็นก็ยิ้มและพูดต่อว่า "คุณหนูเป็นคนที่วาสนาเสียจริง มีของตั้งหลายอย่าง กลับเลือกหุ่นมนุษย์ชิ้นนี้" "อ่า มีเรื่องราวอะไรเหรอ?" "เจ้าของแต่เดิมของหุ่นนี้เป็นแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ ในเวลานั้นเธอมอบให้กับน้องชายของตนที่ขาเป๋หลังจากที่เธอเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นาน เพื่อสื่อให้น้องชายของเธอหาสิ่งที่ตนเองชอบ และทิศทางในอนาคต จากนั้นน้องชายคนดังกล่าวก็โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วน้องชายตนนั้นก็ส่งมอบคืนให้ฉัน เพื่อขอบคุณฉัน ฉันเลยคิดว่าหุ่นมนุษย์นี้มีความหมายที่ดีมาก ดังนั้นฉันจึงเอามาวางที่ตู้โชว์อีกที พอดีเลยนี่ ที่คุณหนูเองก็เพิ่งแต่งงานเมื่อเร็วๆนี้ ฉันหวังว่าหุ่นมนุษย์นี้จะพาคุณพบเจอกับสิ่งที่ดีเช่นกัน " เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ทราบเลยว่า หุ่นชิ้นนี้จะมีเรื่องราวเช่นนี้ "ขอบคุณมากค่ะ แต่เงินก็ต้องจ่ายนะคะ ให้หนูฟรีๆแบบนี้ไม่ได้หรอก" เธอไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของขวัญจากคุณปู่โม่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากรับมาแบบนี้เช่นกัน หากคุณปู่โม่ยังคงอยู่ที่นี่เหมือนเดิมล่ะก็ เธอก็จะยังมีโอกาสที่จะคืนบุญคุณได้ ทว่าเธอรู้อยู่แก่ใจว่าหนี้บุญคุณมิอาจคืนได้ แต่ก็ยังขืนรับมันไป มันก็เท่ากับเธอเอาเปรียบล่ะสิ ส่วนคุณปู่โม่ก็ไม่ได้ยืนกรานต่อกรไปนาน เลยเสนอราคาให้กับเฉียวเมิ่งเยว่ไป เฉียวเมิ่งเยว่จ่ายเงินให้กับเขา ก่อนออกไปข้างนอกก็ยิ้มและพูดว่า "ลาก่อนนะคะ คุณปู่โม่ หนูขอให้คุณปู่เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ" "ขอบคุณจ๊ะ ลาก่อนนะคุณหนู" หลังจากเฉียวเมิ่งเยว่ออกมาจากร้านช่างฝีมือ ก็ขึ้นรถแล้วกลับบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้าน เห้ออี้ลั่วและเสี่ยวเป่าก็รออยู่ที่บ้านแล้ว สีหน้าของเสี่ยวเป่าดีกว่าตอนเช้าไปมาก ดวงตาของแกมองไปยังเธอ และยังโบกมือเล็กๆใส่เธออีกด้วย เฉียวเมิ่งเยว่เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าสำหรับบ้าน แล้วก็ไปนั่งข้างเสี่ยวเป่า จากนั้นก็วางถุงของขวัญไว้ที่ข้างๆเสี่ยวเป่า "นี่คือของขวัญที่แม่ซื้อให้ ลูกดูสิว่าชอบไหม" ตาของเสี่ยวเป่าสว่างทันที มือทั้งสองที่อวบๆนั่นก็ยื่นเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบกระท่อมไม้เล็กๆ และหุ่นมนุษย์ของมา เขาจ้องเขม็งไปที่โครงกระดูกของหุ่นมนุษย์ ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนองุ่นคริสตัล “ หุ่นโครงกระดูกมนุษย์นี้สามารถแยกออกได้อย่างอิสระ เจ้าของเดิมของเขาเป็นแพทย์นิติเวช เธอมีน้องชายที่มีโรคโปลิโอพิการแต่กำเนิด และเขามักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนรังแก เธอรู้ว่าตนเองไม่สามารถที่จะปกป้องเขาตลอดเวลา ก็เลยมอบหุ่นโครงกระดูกมนุษย์นี้ที่เธอเคยใช้ ให้กับน้องชายของเธอ เพื่อให้น้องชายของเธอสามารถปกป้องตัวเองได้แม้ในตอนที่ตนเองไม่ได้อยู่ด้วย ตอนนี้น้องชายคนนั้นก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาได้มอบหุ่นโครงกระดูกมนุษย์นี้ให้กับร้านช่างฝีมือที่ฉันไปบ่อยๆ ตอนนี้แม่จะมอบสิ่งนี้ให้กับลูก ลูกจะตอบตกลงหรือไม่? "เฉียวเมิ่งเยว่กล่าวคำพูดเบื้องต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอปฏิบัติต่อเขา เหมือนกับเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอไม่ได้เห็นว่าเสี่ยวเป่าเป็นแค่เด็กเล็กๆคนหนึ่ง เธอเชื่อว่าเห้ออี้ลั่ว ก็ปฏิบัติกับเจ้าตัวเล็กแบบเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเสี่ยวเป่าจึงได้พัฒนาตัวเป็นเด็กที่มีนิสัยพึ่งพาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเป่าพอใจกับคำอธิบายโดยละเอียดของเธอมาก และพิมพ์คำในแท็บเล็ต "ขอบคุณครับแม่" "ลูกชอบ แม่ก็ดีใจ" มือเล็กๆของเสี่ยวเป่า ลูบแตะเบาๆไปที่หุ่นโครงกระดูกมนุษย์ขนาดเล็กนั้น และส่ายหัวให้กับเห้ออี้ลั่วที่ กำลังเดินบันไดที่ลงมาจากชั้นบนนั้น เห้ออี้ลั่วถามไปว่า "แม่ให้ของขวัญเรา เรากล่าวขอบคุณแม่หรือยัง?" เสี่ยวเป่าพยักหน้า เฉียวเมิ่งเยว่หัวเราะและพูดว่า "เดี๋ยวฉันไปดูที่ห้องครัว ว่าอาหารพร้อมหรือยัง" "วันนี้ป้าหลิวกลับไปที่คฤหาสน์แล้ว" เห้ออี้ลั่วกล่าว “หืม?งั้นพวกเราสามคนลองทำอาหารด้วยกันไหม?ที่รัก ทำเค้กกับแม่ด้วยกันไหม?แม่ทำเค้กเป็ดจิ๋วสีเหลืองเป็นด้วยนะ" เสี่ยวเป่ามองไปที่เฉียวเมิ่งเยว่ด้วยแววตาแลดูเปล่งประกาย เมื่อเห้ออี้ลั่วเห็นว่าทั้งสองคน กระตือรือร้นที่จะลอง เขาก็ยิ้มที่มุมปากแล้วพูดว่า "งั้นเริ่มทำกันเถอะ" เฉียวเมิ่งเยว่อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้ววิ่งไปที่ห้องครัว เห้ออี้ลั่วตามหลัง แล้วเอาผ้ากันเปื้อนที่ยังไม่เปิดออกมาสองตัวในตู้เก็บของ เฉียวเมิ่งเยว่เอาเสี่ยวเป่าวางไว้บนที่ล้างจานขนาดใหญ่ แล้วรับและผูกผ้ากันเปื้อนที่ส่งมอบโดยเห้ออี้ลั่วไว้บนตัว จากนั้น ก็เริ่มมองหาส่วนผสมในการทำเค้ก เธอค้นไปด้วยและพูดไปด้วยว่า "ถ้าฉันทำที่บ้านของฉันเองล่ะก็แม่ของฉันจะเตะฉันออกจากห้องครัวทันที แม่รู้สึกว่าฉันทำอะไรก็ไม่ตั้งใจทำ แต่แม่ก็ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของแม่ฉลาดขนาดไหน ดูแม่ทำเค้กมาตั้ง 20กว่าปี ถ้าขืนยังทำไม่เป็นก็แปลกซะละ แต่เอาเข้าจริงๆ ช่วงที่ฉันทำครั้งแรกมันก็ไม่อร่อยจริงๆอย่างที่แม่ฉันคาดไว้แหละ " เห้ออี้ลั่วทำอาหารอยู่ข้างๆเธอ และฟังคำพูดเรื่อยเปื่อยของเธอ แต่ก็ไม่รู้สึกน่ารำคาญเลยแม้แต่น้อย เฉียวเมิ่งเยว่วางแป้งไว้ต่อหน้าเสี่ยวเป่า “ที่รัก เอาใจช่วยแม่หน่อย อยากใส่เท่าไหร่ก็ตามใจลูกเลยจ๊ะ” ซึ่งเสี่ยวเป่าก็โบกแขนและลงมือทำทันที เฉียวเมิ่งเยว่มองดูเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วก็เอียงหัวมองไปที่เห้ออี้ลั่ว ดูเห้ออี้ลั่วมีความเชี่ยวชาญในการทำอาหารเช่นกัน "คุณเศรษฐีเอ่ย นี่คุณนอกจากคลอดลูกแทนฉันไม่ได้ ยังมีอะไรรึเปล่าที่คุณไม่สามารถทำได้?” "ถ้าฉันทำอาหารไม่เป็นถึงจะปกติในสายตาเธอหรอกเหรอ?" เห้ออี้ลั่วรู้สึกขำ และมองไปยังหญิงสาวตัวน้อยที่ซึ่งกำลังทำดวงตาสดใส ชักสีหน้านมัสการให้กับเขา "คุณนี่มันไม่ใช่แค่ทำอาหารเป็นเท่านั้นแล้ว แต่คุณทำเก่งกว่าคนจนอย่างฉันเสียอีก" เฉียวเมิ่งเยว่ผิดหวังอย่างอดใจไม่ได้ "ก่อนที่ฉันจะรู้จักคุณ ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเก่งมากแล้ว แต่หลังจากที่ฉันพบคุณ ก็เริ่มคิดว่าตนเองไร้ประโยชน์เสียจริง อะไรก็เทียบกับคุณไม่ได้ คุณนี่มันเก่งเหลือเชื่อจริงๆ” "คุณเพิ่งมารู้แล้วตอนนี้ มันก็สายไปเสียแล้ว" โปรดอย่าแทงใจดำกับหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ เดี๋ยวมันแตก ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก เฉียวเมิ่งเยว่ ก็จะจัดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เฉียวเมิ่งเยว่ได้ช่วยทำเป็นครั้งคราว ส่วนเจ้าตัวเล็กนั้นก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งแม้แต่เสื้อกันหนาวเล็ก ๆบนตัว ของเขานั่นก็ถูกคลุมด้วยแป้งเต็มไปหมด ใบหน้าเล็กๆและผมของดังกล่าวก็เช่นกัน แต่ละคนปฏิบัติหน้าที่ของตน ซึ่งบรรยากาศก็กลมกลืนกันมาก อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารมื้อใหญ่ที่แลดูสวยงามดีก็ถูกเสิร์ฟแล้วเช่นกัน เฉียวเมิ่งเยว่ก็เติมครีมและช็อคโกแลตให้กับเค้กด้วย จากนั้นก็ให้เสี่ยวเป่าวาดรูปลงไป เค้กเล็กๆ ซึ่งไม่ใหญ่มากนี้ ก็ดูดีไม่แพ้ใคร เริ่มมีรอยยิ้มบนปรากฏบนใบหน้าของเสี่ยวเป่ามากขึ้น เจ้าตัวเล็กก็ทำตัวเหมือนลูกสุนัขวิ่งตามหลังของเฉียวเมิ่งเยว่อย่างติดๆไปยังห้องทานข้าว เฉียวเมิ่งเยว่ วางเค้กเล็กๆนั่น ที่หน้าเขา "ที่รัก ขอพรและตัดเค้กได้แล้ว" เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างรุนแรง พนมมือและหลับตา ผ่านไปไม่นานนัก เขาถึงได้ลืมตา "ขอพรอะไรเหรอจ๊ะ?" เสี่ยวเป่า โบกมือเบาๆ แสดงท่าทีว่าจะไม่พูด เฉียวเมิ่งเยว่กับเห้ออี้ลั่วเหลียวมองกันและกัน จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ: "ตัดเค้กกันเถอะ" ด้วยความช่วยเหลือจากเห้ออี้ลั่ว ทำให้เสี่ยวเป่าตัดเค้กได้เป็นสามชิ้น แลดูมีความสุขกับการทาน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 45 โปรดอย่าตีหัวใจดั่งแก้วของฉันเลยนะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A