บทที่ 46 เหตุผลที่เสี่ยวเป่าเกิดโรคออทิสติก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 46 เหตุผลที่เสี่ยวเป่าเกิดโรคออทิสติก
บ๗ที่ 46 เหตุผลที่เสี่ยวเป่าเกิดโรคออทิสติก หลังทานอาหารเย็น เห้ออี้ลั่ว และ เสี่ยวเป่า ก็ไปเดินเล่นกันที่ลานซักพัก จากนั้นก็พาเสี่ยวเป่าขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนเฉียวเมิ่งเยว่ก็เอาแท็บเล็ตไปศึกษากรณีของผู้ป่วยในห้องนั่งเล่น ผ่านไปนานมาก เห้ออี้ลั่วถึงได้ก็ลงมาที่ชั้นล่าง เฉียวเมิ่งเยว่ก็เก็บแท็บเล็ตลง“เสี่ยวเป่านอนแล้วเหรอ?” "อื้ม" "เวลาที่เขาอาการไม่ดี คุณจะอยู่กับเขาแบบนี้ตลอดทั้งวันเหรอ?" "เขาทนไม่ได้ที่คนอื่นจะมาจับตัวเขา ถ้าฉันไม่อยู่ด้วยกับเขา เขาจะกินหรือดื่มไม่ได้ทั้งวันเลย" เฉียวเมิ่งเยว่พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าเห้อเจียหมิงกับหลิ้นหรุ่ยไม่เคยบอกว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกของเเห้ออี้เจ๋อ ตามการดูแลใส่ใจของเห้ออี้ลั่วแล้ว และความคล้ายคลึงกันของทั้งคู่แล้ว ใครๆต่างก็ต้องรู้เห็นด้วยว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกแท้ๆของเขา สิ่งที่เห้ออี้ลั่ว ทำเพื่อเสี่ยวเป่านั้นเกินกว่าที่พ่อคนนึงจะทำได้เพื่อลูกคนนึงเสียอีก "คุณบอกฉันเรื่องเกี่ยวกับอาการของเขาได้หรือไม่? มิฉะนั้นฉันอาจทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเหมือนเมื่อคืนอีก" "คุณไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องเกี่ยวกับเมื่อคืน ที่ผ่านมาเมื่อพ่อแม่ของผมไปแตะต้องเขาเข้า อาการของเขาจะแย่ลงกว่านี้อีกมาก ถ้าเป็นเหมือนในอดีต เขาจะอยู่ในสภาพที่ที่เห็นนั้นนานมาก จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อรักษา ครั้งนี้มันสามารถปรับตัวคืนได้ภายในหนึ่งวัน ก็ถือว่าดีเกินคาดแล้ว นี่คงเป็นเพราะความดีของคุณ " เฉียวเมิ่งเยว่เบ้ที่มุมปากของเธอเบาๆ เธอพบว่ายิ่งเธอเข้าใกล้กับเห้ออี้ลั่วมากเท่าไหร่ ผู้ชายคนนี้ก็จะยิ่งแสดงความแตกต่างให้ดูรู้สึกไม่เหมือนที่เธอคิดมากขึ้น แต่ก่อนได้ยินเสี่ยวอันพูดถึงเรื่องซุบซิบของเขา เธอก็รู้สึกแค่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่เยือกเย็นและหยาบคาย เมื่อเขาเข้ามารบกวนในชีวิตเธอ และขอให้เธอแต่งงานกับเขา ก็ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้เหตุผล แต่พอเมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยของเสี่ยวเป่า เขาก็แสดงความอดทนอย่างน่าประหลาดใจ และที่เหลือเชื่อก็คือ เขาใส่ใจเสี่ยวเป่ามาก แต่เขาจะไม่พาลใส่หรือไปโกรธใส่ผู้อื่นเพราะเรื่องของเสี่ยวเป่า ผู้ชายแบบนี้ ไม่สามารถทำให้คนอื่นละสายตาไปได้เลย “ คุณเศรษฐีคะ คุณทำให้ฉันไปต่อไม่ถูกน่ะรู้มั้ย” เห้ออี้ลั่วหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูดต่อไปว่า "ผมจะเล่าให้คุณฟังสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา หลังจากที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่ได้อยู่ด้วยกับเขา ซึ่งตอนนั้นผมกำลังไปคุยสัญญาสำคัญในต่างประเทศ ในเวลานั้น เราไม่ได้คาดคิดเลยว่าอุบัติเหตุนั้น จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเด็กอายุสามขวบขนาดนั้น " "เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?" เฉียวเมิ่งเยว่ถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอเคยได้รับมอบหมายให้ฝึกงานด้านกุมารเวช เป็นเวลาสามเดือนก่อนรับใบรับรองแพทย์ เท่าที่เธอรู้ ความทรงจำของเด็กอายุสามขวบไม่น่าจะนานเกินไป เนื่องจากหลายสิ่งพวกเขาอาจยังไม่เข้าใจ สมองของพวกเขาไม่สามารถเข้าใจข้อมูลที่พวกเขาเห็นและได้ยิน พวกเขาเลยไม่สามารถสร้างความทรงจำระยะยาวได้ ยิ่งไปกว่านั้น สมองของพวกเขายังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำข้อมูลพวกนี้ได้ "ในวันที่เกิดเหตุ แม่ของผม และเวินอันเหยนกำลังพาเสี่ยวเป่าไปที่โรงพยาบาลเด็กพอดี เพื่อไปตรวจสุขภาพร่างกาย ในระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รถถูกปิดกั้นที่สะพาน สมาชิกของอุบัติเหตุทั้งสองฝั่งเริ่มมีการชกต่อย จนกลายเป็นการชกตีของพวกคนมุงดู ซึ่งหลังจากนั้นมีใครบางคนเริ่มทุบรถ ในระหว่างนั้นแม่ของผมกับเวินอันเหยนก็ได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องเสี่ยวเป่า ซึ่งสภาพบาดเจ็บของเวินอันเหยนนั้นรุนแรงหนักมาก " เฉียวเมิ่งเยว่รู้สึกประหลาดใจ เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้ยินเป็นเรื่องแบบนี้ ในบางสถานการณ์ที่พิเศษ ผู้คนไม่มีความสามารถในแนวความคิด พวกเขาจะมีอารมณ์ตามด้วยความโกรธของผู้คนที่อยู่รอบตัวพวกเขา และพวกเขาจะเริ่มทำสิ่งต่างๆที่ปกติไม่สามารถทำได้ โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งอารมณ์ของผู้คน ถูกชักจูงได้ง่ายจากคนรอบข้าง เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เริ่มทำสิ่งที่บ้าคลั่ง ผู้คนอื่นๆที่มีสติก็จะทำเช่นกัน มิฉะนั้นพวกเขาก็จะถูกโจมตีโดยผู้อื่นที่สูญเสียความคิด "แล้วตำรวจทำยังไงล่ะเหรอ?" "ใครที่เคยแตะต้องรถ ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตทุกคน" เห้ออี้ลั่วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เสียงที่ฟังดูมีเสน่ห์ในทุกวันนั้น ราวกับมีน้ำแข็งมาปกคลุม เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าเขาตัดสินให้คนพวกนั้นประหารชีวิตได้ เห้ออี้ลั่วจะผลักดันเรื่องนี้ให้ถึงโทษประหารชีวิตกับทุกคนอย่างแน่นอน “ สมมติว่าแม่และเวินอันเหยนได้เป็นคนปกป้องเสี่ยวเป่าในเวลานั้น เสี่ยวเป่า ไม่มีวันที่จะกลัวพวกเขาได้ในทางกลับกัน เขาจะพึ่งพาพวกเขามากกว่าสิ หลังเหตุการณ์นี้” “ ผมเองก็เคยมีความคิดแบบเดียวกับคุณ แต่ปรากฏว่าเสี่ยวเป่า ไม่ใช่เพียงแต่ไม่ได้เข้าใกล้พวกเขา แต่เขาไม่สามารถเข้าใกล้ใครได้อีกเลย” เฉียวเมิ่งเยว่รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เลยถามต่อว่า "แล้วคุณหมอหลิวได้ให้การทดสอบทางจิตวิทยาในช่วงสองปีที่ผ่านมาให้เสี่ยวเป่ารึเปล่า?" “ เคยสิ เริ่มต้นตอนแรก ถูกระบุว่า มาจากการบาดเจ็บทางจิตใจ และระยะเวลาในการรักษาคือครึ่งปี แต่หลังจากครึ่งปี อาการของเสี่ยวเป่าก็ไม่ดีขึ้น เลยถูกระบุอีกทีว่าเป็นออทิสติกผิดปกติ” เห้ออี้ลั่วนวดไปที่ปลายคิ้วของเขาอย่างเหนื่อยล้า "ในตอนแรก เขาไม่เต็มใจที่จะสื่อสารใดๆกับใคร และตอนนั้นก็ไม่เหมือนกับตอนนี้ ตอนนี้เขายังคงพิมพ์บนแท็บเล็ตได้ ในช่วงเวลานั้น เขาไม่รู้ตัวหนังสือแม้แต่คำเดียว ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดีก็จะกรีดร้องหรือทุบตีสิ่งของต่างๆ เราเองก็ไม่สามารถหาอารมณ์ของเขาได้เลย" เฉียวเมิ่งเยว่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเห้ออี้ลั่วในตอนนั้น จะต้องยากลำบากเพียงใด ในขณะที่เขาต้องดูแลเสี่ยวเป่า ก็ต้องจัดกันปัญหาต่างๆของบริษัทเห้อซื่ออีกด้วย ไม่ต้องนึกก็รู้ว่ามันจะมันจะรู้สึกยากเกินจริงเพียงใด กับการที่เขาต้องเผชิญปัญหาสองอย่างพร้อมกันตลอดเวลา “ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ หลังจากที่เขารู้จักตัวหนังสือมากขึ้น เขาถึงได้เริ่มที่จะสื่อสารด้วยตัวหนังสือ และยิ่งหลังจากที่ได้รู้จักคุณ เขาก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ผมคิดว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี” “ เขาจะต้องหายดีแน่ๆ” เเฉียวเมิ่งเยว่มองดูนาฬิกาในห้องนั่งเล่นแล้วพูดต่อว่า“ ดึกแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ นี่คุณไม่ได้พักผ่อนเลยนะ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้” "อื้ม" ** หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่ยุ่งอยู่กับงานจนเสร็จ เธอก็เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กออทิสติกและสุขภาพจิตของเด็ก เพื่อที่จะเรียนรู้มากขึ้น พวกผู้ป่วยที่มาห้องผ่าตัดเพราะเธอเป็นภรรยาของเห้ออี้ลั่วนั้น ก็เริ่มเพลาลง ทำให้งานเธอไม่ยุ่งเหมือนช่วงแรก เฉียวเมิ่งเยว่ก็โล่งอกได้ในเวลาสั้นๆ และสามารถที่จะใช้พลังงานมากขึ้นกับการงานของเธอ "พี่เฉียว อาจารย์หลินให้มาตามพี่ไปหาเขาที่ห้องทำงาน" "อาจารย์หลินกลับมาแล้วเหรอ?" “ ใช่แล้วค่ะ เพิ่งประชุมกับผู้อำนวยการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลฉันเสร็จ ก็มาเรียกพี่ไปหาเขาที่ห้องทำงานแล้ว พี่เฉียวคะ บอกฉันหน่อยได้ไหม เกี่ยวกับความลับที่พี่ทำให้ใครๆก็ชอบพี่.....“ "เพ้อเจ้ออีกละ เธอรีบสรุปรายงานสิ้นปีให้เสร็จนะ และวางไว้บนโต๊ะของฉันก่อนที่จะเริ่มงานช่วงบ่าย อย่าทำลวก ๆล่ะ ฉันไม่ปล่อยให้หล่อนทำชุ่ยๆหรอก ฉันจะได้ให้การประเมินของเธอปีนี้ตามรายงานของเธอ" เสี่ยวอันเก็บตัวให้เล็กลงทันที "รับทราบค่ะ" เฉียวเมิ่งเยว่เก็บเอกสารไปไม่กี่ฉบับ และแล้วก็เดินไปที่ห้องทำงานของหลินจื้อทันที "สวัสดีค่ะ อาจารย์หลิน" “ ไม่ได้เจอคุณมาตั้งนานแล้ว คุณนายเห้อ” หลินจื้อหยอกแล้วหัวเราะ "อาจารย์หลิน คุณอย่าทักทายแบบนี้ฉันได้ไหม?" เฉียวเมิ่งเยว่ส่ายหัวแล้วหัวเราะ และเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างหน้าของหลินจื้อ "ผมกำลังชมคุณอยู่ต่างหากเล่า" "ฉันดูไม่ออกเลยนั่นน่ะ" หลินจื้ออ่านไปที่เอกสารฉบับในมือของเฉียวเมิ่งเยว่ โพล่งขึ้นมาว่า "นี่คุณทำขึ้นมาแล้วจริงๆหรือ" "อย่าบอกนะว่าที่ให้ไปทำมาเนี่ย ใช่ว่าจะใส่ใจนะ" "ไม่ใช่แน่นอน" หลินจื้อรับเอกสารแล้วชื่นชม: "คุณเป็นมืออาชีพมากกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก" “ ฉันก็ทำไปแบบลองดู ฉันว่าฉันยังรู้เรื่องโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองน้อยเกินไป” "คุณอย่าอ่อนน้อมถ่อมตนมากไปหน่อยเลย ฉันเคยอ่านบทความของคุณเมื่อตอนฉันไปที่มหาวิทยาลัยหนานฟง เพื่อหารับสมัครผู้ช่วย พื้นฐานคุณก็ไม่เลว ซึ่งตอนนั้นฉันยังบอกกับครูที่ปรึกษาของคุณ ว่าอยากให้คุณจะเป็นผู้ช่วยของฉันหลังจากสำเร็จการศึกษา แต่กลับถูกหัวหน้าหวงแย่งไปเสียก่อน " "จริงเหรอคะ? เพิ่งรู้นะเนี่ย" “ นั่นน่ะสิ แต่คุณไปเป็นศัลยแพทย์ก็ถือว่าดีเหมือนกัน ทักษะการทำงานและจรรยาบรรณทางการแพทย์ของหัวหน้าหวงก็ดี อยู่ด้วยกับแพทย์อย่างเขา คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและดีกว่า”
已经是最新一章了
加载中