บทที่53 แผนกสูตินรีเวช   1/    
已经是第一章了
บทที่53 แผนกสูตินรีเวช
บ๗ที่53 แผนกสูตินรีเวช เฉี่ยวเมิ่งเยว่ขมวดคิ้วสักพัก ไม่นานก็เข้าใจได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น น่าจะเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วท้องและผู้ปกครองอยากให้เด็กทำแท้ง แต่เด็กไม่ยินยอม “พวกเขาที่เป็นหัวหน้าแผนกสูตินรีเวชและหมอคนอื่นๆล่ะ?” “พวกเขายังไม่มา ด้านนั้นคุณหมอหยางก็รับมืออยู่ คุณหมอหยางไม่มีวิธีอื่นแล้วฉันเห็นสถานการณ์แบบนั้นก็เลยมาหาพี่” เฉียวเมิ่งเยว่รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานและวางกระเป๋าแล้วรีบสวมชุดกราว์ดสีขาวอย่างไว “ไปถอะ รายละเอียดสถานการณ์ค่อยพูดตอนเดิน” “ค่ะ” ** ทั้งสองคนก็ลงตึกมาทางบันไดหนีไฟ ยังไม่ถึงห้องแผนกสูตินรีเวชก็ได้ยินเสียงด่าโต้เถียงกันอย่างดุเดือด เสี่ยวอันกลืนน้ำลายลงคอและมองไปที่เฉียวเมิ่งเยว่อย่างหวาดกลัวเล็กน้อย เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆและก็เดินออกมาจากทางประตูหนีไฟเดินตรงไปทางกลุ่มคนที่ส่งเสียงโวยวายด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “นี่คือทำอะไรกัน? อยากจะทะเลาะกันก็รบกวนไปทะเลาะกันที่อื่นอย่ารบกวนผู้ป่วยแถวนี้” เมื่อหยางเสว่หลินมองเห็นเฉียวเมิ่งเยว่ก็ผ่อนเสียงลงและพูดกับผู้ป่วยอย่างนิ่มนวลว่า “ทุกคนใจเย็นๆก่อน ขอให้กลับไปพักผ่อนที่เตียงของตัวเอง” ผู้ป่วยที่รวมตัวกันอยู่ตรงทางเดินสองสามคนก็ถูกพยาบาลพยุงกลับห้องของตัวเองแล้ว เฉียวเมิ่งเยว่เดินมาตรงหน้าสองสามีภรรยาวัยกลางคนที่โต้เถียงกันจนหน้าดำหน้าแดง “เชิญทั้งสองท่านเข้ามาพูดในห้องทำงานเถอะ อย่ายืนทะเลาะกันอยู่ตรงทางเดินรบกวนคนอื่นเลย” “สิ่งที่หมอพวกนี้ทำได้นอกจากจะพูดดีแล้วยังสามารถทำอะไรได้อีก?”ผู้หญิงคนหนึ่งตวาดเสียงลั่นอย่างไม่พอใจ “ยังสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ว่าสถานะพวกคุณในตอนนี้คือเป็นญาติผู้ป่วย พวกเราเป็นหมอก็อย่าพูดถึงเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้เลย พวกเราแก้ไขปัญหาเรื่องปัจจุบันนี้ก่อนเถอะ” สองสามีภรรยาก็มองไปยังใบหน้าที่เยือกเย็นที่ไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆของเฉียวเมิ่งเยว่และพยักหน้าอย่างช้าๆแล้วเดินตามเธอเข้าไปในห้องทำงานของหยางเสว่หลิน หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่นั่งเก้าอี้ทำงานของหยางเสว่หลินอย่างเป็นปกติก็พูดขึ้นมาว่า “สถานการณ์โดยภาพรวมฉันพึ่งจะได้ยินมาจากผู้ช่วยหมอแล้ว ตอนนี้ฉันอยากฟังคำร้องขอของพวกคุณหลังจากที่ฟังเสร็จ โรงพยาบาลของพวกเราจะมีวิธีการพิจารณาจัดการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ผู้ชายคนหนึ่งก็ถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วพูดว่า “ถุย! ฉันไม่เชื่อใจพวกคุณ!” “ไม่เชื่อใจก็ไม่เป็นไร ถ้าหากว่าไม่เชื่อใจจริงๆก็สามารถทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้ ไปหาโรงพยาบาลอื่นที่ทำให้พวกคุณเชื่อใจได้ วิธีนี้ก็สามารถใช้ได้ พวกคุณทะเลาะกันเสียงดังขนาดนี้ก็ไม่เหมาะสมแล้ว นี้ไม่ต้องให้ฉันมาอธิบายต่ออีกแล้ว ใช่ไหม?” ผู้ชายคนนั้นถูกเฉียวเมิ่งเยว่พูดขัดขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าเฉียวเมิ่งเยว่ไม่ได้อ่อนแอเหมือนหยางเสว่หลิน ก็มีน้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่ได้ตั้งใจและมองไปยังชื่อที่ติดอยู่บนหน้าอกเฉียวเมิ่งเยว่ “คุณหมอเฉียว พวกเราไม่ได้หมายความว่าจะย้ายโรงพยาบาล โรงพยาบาลหย่าเต๋อพวกเรายังเชื่อใจมาก เพราะว่าลูกฉันและสามีของฉันถึงได้กระวนกระวายใจ ลูกของพวกเราพึ่งจะอายุสิบสี่การเรื่องในช่วงมัธยมต้นก็เป็นสิ่งสำคัญแต่อยู่ๆกลับท้องขึ้นมาแล้ว นี่ส่งผลกระทบกับพวกเราและลูกอย่างมาก โรงพยาบาลก็วางแผนแก้ไขออกมาอย่างล่าช้า ในใจพวกเราก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้พวกคุณรู้สึกลำบากใจแน่นอน” “ฉันเข้าใจอารมณ์พวกคุณ โรงพยาบาลก็มีกฎเกณฑ์ที่ใช้ร่วมกัน ไม่ใช่ถ่วงเวลาอย่างสุดความสามารถเด็ดขาดฉันไม่ใช่คนทีทำงานในแผนกสูตินรีเวช แต่ฉันสามารถอธิบายขั้นตอนการดำเนินงานของโรงพยาบาลให้พวกคุณได้ โดยทั่วไปเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาทำแท้ง พวกเราจะละเอียดรอบคอบมาก ส่วนสำคัญในการวิเคราะห์จะมีสามวิธี หนึ่งคือเป็นห่วงท้องนอกมดลูก สองคือจะดูว่าเลือดจะออกมาเยอะไหม สามคือสถานการณ์ความแข็งแรงที่ปกติของร่างกายผู้ป่วย” เฉียวเมิ่งเยว่เห็นสองสามีภรรยาตั้งใจฟังที่เธอพูด ก็พูดต่อว่า “พวกคุณคิดว่าพวกเราจะเลื่อนเวลาทำแท้งออกไปอย่างสุดความสามารถและ อยากให้พวกคุณพักที่โรงพยาบาลสักสองสามวัน ความคิดแบบนี้คือไม่ถูกต้อง วันนี้ตอนบ่ายการตรวจสอบที่ดำเนินการทั้งหมดเป็นการตรวจสอบตามปกติและจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลดโอกาสของการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการทำแท้ง ถ้าหากพวกคุณสามารถเสนอให้ลูกสาวของพวกคุณรายงานการตรวจสอบปกติได้ วิธีที่สามพวกเราก็สามารถลดการไตร่ตรองไปได้ พรุ่งนี้ตอนเช้าพยายามให้เธอมาทำแท้ง ฉันอธิบายขนาดนี้พวกคุณเข้าใจหรือยัง?” “เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะคุณหมอ” “ต่อไปก็ให้คุณหมองหยางมาจัดการเรื่องราวก่อนทำแท้งกับพวกคุณ” “ได้ค่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่มองไปยังหยางเสว่หลิน หยางเสว่หลินก็พยักหน้า เฉียวเมิ่งเยว่ก็พาเสี่ยวอันเดินออกมา เสี่ยวอันกระพริบตาสองสามที “พี่เฉียว พี่ไม่กลัวสองสามีภรรยาพวกนั้นชกพี่หรอ?” “พวกเขาชกฉัน ฉันก็ชกกลับได้ กลัวอะไร?” “พูดมาก็ถูก” เฉี่ยวเมิ่งเยว่ชงักฝีเท้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “นอกจากนี้เรายังต้องใช้ความคิดริเริ่มในความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับผู้ป่วยเรา การทำงานของพวกเราจำเป็นต้องทำล่วงหน้าโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ นี้จะต้องใช้ทักษะอาชีพที่ยอดเยี่ยมและความชำนาญทางเทคนิคเธอต้องจำไว้” “ฉันจำไว้แล้ว” “ปกติยังระมัดระวังตัวหน่อย นักข่าวในตอนนี้ชอบฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด เพราะว่าอาการป่วยผู้ป่วยและผู้ปกครองผู้ป่วยเลยขาดสติในการไตร่ตรองและดับสูญการตัดสินง่ายๆไปว่าจะทำอะไรออกมาก็ล้วนดูจะเป็นการกระทำที่รุนแรงไปหมด เมื่อถึงเวลา ก็ถือว่าเป็นเพราะจากพฤติกรรมอันก้าวร้าวรุนแรงของพวกเขาอาจทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิต ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเราโชคร้ายกันเอง นิสัยที่ดูสติเลอะเลือนนี้ควรจะต้องแก้ไข” เสี่ยวอันพยักหน้า น้อยมากที่เฉียวเมิ่งเยว่จะพูดแบบจริงๆจังแต่เมื่อเอาจริงเอาจัง ตั้งใจพูดก็คือกำลังพูดตักเตือนเธอจริงๆ เธอไม่ได้มีความสามารถและความอ่อนโยนของเฉียวเมิ่งเยว่ ถ้าหากว่าเจอผู้ป่วยหรือผู้ปกครองของผู้ป่วยที่คิดจะทำร้ายเธอ เธอไม่สามารถจัดการได้ดีแน่นอน ** งานช่วงเช้าที่แสนวุ่นวายก็ผ่านไป เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่กำลังจะเลิกงานหยางเสว่หลินก็โทรเข้ามานัดเธอให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาลด้วยกัน ตอนที่พวกเขามาถึงโรงอาหาร เสี่ยวอันก็ได้ช่วยสั่งอาหารให้พวกเขาแล้ว รอบดวงตาหยางเสว่หลินแดงก่ำคล้ายกับพึ่งจะผ่านการร้องไห้มา เขารับถาดรองข้าวมา จะกินยังไงก็กินไม่ลงแล้ว เสี่ยวอันรู้สถานการณ์แล้วก็หยิบถาดรองของตัวเองไปนั่งโต๊ะกับพวกพยาบาลคนอื่น เฉียวเมิ่งเยว่กินข้าวไปสองคำก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “แกอ่า บนใบหน้าของแกเหมือนมีตัวอักษรเขียนว่า ‘ฉันจิตใจดีมาก รีบมารังแกฉันสิ’ หรือว่าวันนี้ถูกรังแก” หยางเสว่หลินได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็พูดขึ้นมาว่า “จริงหรือโกหก?” “ทีเล่นทีจริงเถอะ ฉันไม่รู้ว่าแกจะเข้าใจตำแหน่งหน้าที่หมอแผนกนี้ยังไง แต่ความเข้าใจของฉันคือมีของเขตหน้าที่การทำงานที่ตัวเองรับผิดชอบ จำเป็นต้องทำมันให้ดี ให้คนอื่นหาจุดบกพร่องและความผิดพลาดต่างๆไม่เจอ นอกจากด้านฝีมือใครกล้ารังแกฉัน ฉันก็จะหันกลับไปตอกกลับเลย! โดยเฉพาะเวลาที่เผชิญหน้ากับผู้ป่วยและผู้ปกครองของผู้ป่วยจำเป็นต้องมีท่าทีเข้มแข็ง” หยางเยว่หลินพยักหน้าแต่ก็ยังไม่มีกะจิตกะใจเหมือนเดิม “เมิ่งเมิ่ง ฉันทำเหมือนเธอไม่ได้ เธอมีความเข้มแข็ง แม้ว่าจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล พ่อแม่เธอก็สามารถเลี้ยงดูแลเธอได้ เห้ออี้ลั่วก็ไม่มีทางที่จะไม่สนใจเธอแน่นอน ฉันไม่เหมือนกับเธอ ครอบครัวของฉันไม่ได้อยู่เมืองเยว่เฉิง ฉันใช้ชีวิตอยู่เมืองเยว่เฉิงก็ยากมากแล้ว ฉันไม่มีงาน ครอบครัวฉันก็จะด่าฉันแน่นอน” เฉียวเมิ่งเยว่ที่จะพูดประโยคนั้นว่า “แม้ว่าแกจะถูกไล่ออก ฉันก็สามารถช่วยแกได้”ก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงไป โน้มน้าวใจคนมักจะค่อนข้างง่าย นิสัยของเธอและหยางเสว่หลิน ฐานะทางบ้านไม่ค่อยเหมือนกันมุมมองความคิดก็ไม่เหมือนกัน แต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าการรับมือกับผู้ปกครองผู้ป่วยจะยากมากขนาดนั้นแต่หยางเสว่หลินระมัดระวังตัวจนเกินไป คนและเรื่องแปลกๆก็เกิดที่นี่ ยิ่งหยางเสว่หลินระมัดระวังไม่อยากให้เกิดเรื่องบางอย่าง เรื่องนั้นก็ยิ่งอาจจะเกิดขึ้น
已经是最新一章了
加载中