บทที่ 57 โลกกลม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 57 โลกกลม
บ๗ที่ 57 โลกกลม การผ่าตัดทั้งหมดก็ต่อเนื่องไปแล้วสี่ชั่วโมงกว่า เฉียวเมิ่งเยว่ก็ตั้งอกตั้งใจแลกเปลี่ยนประสบการณ์มาแล้วสี่ชั่วโมงกว่า หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น เธอและผู้ช่วยหมอของผู้อำนวยการก็รับผิดชอบเก็บทุกอย่างในห้องผ่าตัดให้สะอาดเรียบร้อย พอเธอกลับมาถึงห้องทำงานก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหนึ่งสาย เฉียวเมิ่งเยว่พึ่งจะนึกได้ว่าก่อนหน้านี้เธอรีบร้อนเกินไปเลยลืมโทรไปหาแม่และเห้ออี้ลั่ว เฉียวเมิ่งเยว่โทรไปหาแม่แล้วหลังจากนั้นก็โทรไปหาเห้ออี้ลั่วอีก “ลูกคุณหนู ตอนที่ฉันเลิกงานได้รับสายของหัวหน้าแผนกให้ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำการผ่าตัดชั่วคราว ตอนนี้พึ่งจะได้ออกมา” “ไม่ได้กินข้าวเย็น?” “อืม ทุกคนก็ไม่ได้กิน วันนี้ฉันจะกลับบ้านแม่ พรุ่งนี้ตอนเช้าจะเก็บของในบ้านต้อนรับคุณพ่อและก็ไม่กลับไปแล้ว” “ให้ฉันไปรับเธอไหม?” “ไม่ต้องหรอก ฉันจะขับรถกลับไปเอง” “ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกฉันด้วย” “อืม” เฉียวเมิ่งเยว่พูดไปด้วยกดกุญแจรถเปิดประตูไปด้วยและเข้าไปนั่งในรถ ตอนที่เธอสตาร์ทรถ รถที่อยู่ในมุมของลานจอดรถก็สตาร์ทรถอย่างเงียบๆและขับตามหลังรถของเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่กวาดตามองรถคันนั้นในกระจกหลังแต่กลับไม่ได้สนใจ อาจจะเป็นหมอที่เข้าร่วมทำการผ่าตัดเมื่อกี้ ** เฉียวเมิ่งเยว่กลับมาถึงบ้าน ลั่วหมิงเม่ยก็ยื่นอยู่ห้องรับแขกเอามือเท้าสะเอวอยู่ “รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเชื่อใจไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเชื่อใจไม่ได้ขนาดนี้! พูดว่าจะกลับมาทำความสะอาดด้วยกันกับฉัน สุดท้ายก็ยังให้ฉันทำความสะอาดคนเดียว!” “พระนาง แม่ค่อยๆด่า หนูหิวจะตายอยู่แล้ว มีอะไรกินไหม?” “ไม่มี!” “เป็นแม่แท้ๆจริงหรือเปล่า?!” ลั่วหมิงเม่ยทำเสียงชิเชอะออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถือซุปร้อนและกับข้าวออกมาและปากก็พูดด่าว่า “ พวกเธอควรจะคำนึกถึงร่างกายของตัวเองก่อนสักหน่อยได้หรือเปล่าแล้วค่อยไปช่วยชีวิตรักษาผู้ป่วย! หิวจนจะตายอยู่บนเตียงผ่าตัด เกิดอุบัติเหตุตอนรักษาจะทำยังไง?” “คนป่วยที่ไหนจะรอเธอกินเสร็จแล้วค่อยมารักษา สถานการณ์พิเศษหรอ” “หลังจากนี้ก็เอาขนมขบเคี้ยวเล็กๆยัดใส่กระเป๋าด้วย เข้าใจไหม?” “เข้าใจแล้วจะยัดใส่แน่นอน ใช่แล้ว แม่หนูมีเรื่องจะบอก แม่อย่าเอาไปเผยแพร่ข้างนอกนะ” “เรื่องอะไร?” “ไอดอลของแม่วันนี้ได้รับบาดเจ็บและเขาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล” “อ่า? ร้ายแรงไหม?” “ค่อนข้างร้ายแรง คาดว่าต้องใช้เวลาสักพักในการปลีกตัวออกจากสังคม ครั้งนี้คือบนใบหน้าได้รับบาดเจ็บ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าการผ่าตัดของผู้อำนวยการ อาจจะต้องเสียโฉม ช่วงนี้เขาถ่ายหนังอะไรหรอ ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้?” “ดูข่าวคือกำลังถ่ายหนังโบราณที่เป็นเซียนต่อสู้ ถ่ายหนังแบบนั้นไม่ใช่ต้องกระโดดลอยไปลอยมาบ่อยๆหรอ?”สีหน้าของลั่วหมิงเม่ยแสดงถึงความเจ็บปวดใจ “เฉียวเมิ่งเยว่ วันนี้ฉันจะให้ภารกิจที่สำคัญกับเธอหนึ่งภารกิจ” ตอนที่ลั่วหมิงเม่ยยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด เฉียวเมิ่งเยว่ก็พูดตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่เอาลายเซ็น ไม่เอาภาพถ่ายรวม” “เป็นลูกแท้ๆของฉันไหม?” “ไม่ใช่ ห้องพักผู้ป่วยของเขาตอนนี้คือห้องพักผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หมอและพยาบาลอย่างพวกเราที่เข้าร่วมการผ่าตัดก็ล้วนเซ็นข้อตกลงปิดเป็นความลับ เรื่องที่บอกแม่นี้ไม่นับว่าเป็นเนื้อหาที่ต้องปิดเป็นความลับ แต่ช่วยแม่ในช่วงเวลาที่เขาออกจากโรงพยาบาลต้องเซ็นชื่อและถ่ายรูปรวมก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อปิดเป็นความลับแล้ว” “สมองเธอทิฐิเหมือนพ่อเธอจริงๆ” ลั่วหมิงเม่ยพูดอย่างไม่พอใจ เฉียวเมิ่งเยว่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินและก็ก้มหน้ากินข้าวหลังจากนั้นก็เก็บจานอาหารแล้วเดินขึ้นข้างบนไปอาบน้ำพักผ่อน ** วันต่อมา เฉียวเมิ่งเยว่พึ่งจะตื่นก็ได้ยินเสียงของเฉียวไห่ซิงดังมาจากข้างล่าง เธอก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียง ขยี้หน้าตัวเองและก็เดินลงมาข้างล่าง เฉียวไห่ซิงนั่งอยู่บนโซฟา ดูเหมือนว่าเขาจะผอมแห้งลงไปมาก “พ่อ พ่อกลับมาแล้ว” เฉียวเมิ่งเยว่และลั่วหมิงเม่ยก็แยกกันนั่งด้านข้างเขา เฉียวไห่ซิงก็ยื่นมือไปโอบกอดเฉียวเมิ่งเยว่และลั่วหมิงเม่ย “ทำให้พวกเธอเป็นห่วงแย่เลย” “แม่เป็นห่วงพ่อมาก วันวันกินไม่ได้นอนไม่หลับ” “เฉียวเมิ่งเยว่ เธอพูดถึงใคร?!”ลั่วหมิงเม่ยเหอะอย่างไม่พอใจ “พูดถึงใครก็คนนั่นแหละ” “เหอะ!” เฉียวไห่ซิงหัวเราะและตบไปที่หลังมือของพวกเธอเบาๆ “พอแล้ว วันนี้พวกเธอสองคนอยู่บ้านเป็นราชินี ฉันจะเข้าครัว พวกเธออยากกินอะไร?” “คุณผู้หญิงลั่ว คุณสั่งมาสิ” “ปลาเก๋าน้ำแดง ปลานิลตุ๋น เต้าหู้ทรงเครื่อง ผัดเนื้อใส่คื่นฉ่าย เมนูสมุนไพรแปดชนิด ไก่หน่อไม้.....” เฉียวเมิ่งเยว่ก็เดินหนีไปอย่างเงียบๆ ตามวิธีคิดของแม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่กลับห้องมาอาบน้ำเสร็จ หลังจากนั้นก็ลงไปข้างล่างอีกครั้งแต่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่บ้านแล้ว คาดว่าน่าจะออกไปซื้อผักข้างนอกกัน เฉียวเมิ่งเยว่ก็ลองโทรหาหยางเสว่หลินเพื่อนัดเธอออกมาช็อปปิ้ง ** ในซุปเปอร์มาร์เก็ต เฉียวไห่ซิงใช้มือดันรถเข็นและเดินตามหลังลั่วหมิงเม่ย ลั่งหมิงเม่ยหยิบผักใส่ลงไปในรถเข็นและพูดไปด้วยว่า “นี้คือผักบำรุงหน้า คุณดูสีหน้าของคุณสิ ดำเหมือนกับก้นหม้อ โทรมจนฉันทนไม่ไหว” เฉียวไห่ซิงก็ไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้เธอบ่นต่อไป ลั่วหมิงเม่ยเดินไปสักพักก็หันกลับมาเพ่งเล็งเฉียวไห่ซิง “มีอะไรจะพูดก็รีบพูด ระวังคุณจะอึดอัดจนตาย!” เฉียวไห่ซิงก็ไม่ได้ปิดบังเธอเหมือนกัน “เรื่องนั่นของฉันอย่าพูดอย่างละเอียดให้เสี่ยวเมิ่งฟัง โดยเฉพาะคนที่ใส่ร้ายฉันว่าเป็นใคร” “เอ๋? ไม่ใช่บริษัทนั้นที่คุณร่วมมือด้วยหรอ?” “ไม่ใช่ เบื้องหลังยังมีคน แถมยังเป็นคนที่คิดจะจ้องเล่นงานเสี่ยวเมิ่งอยู่” “ชิบหาย ใครกันที่ไม่มีตาขนาดนี้กล้ารังแกลูกสาวที่รักของฉัน?!”ลั่วหมิงเม่ยส่งเสียงตวาดลั่น “เย่ชิง” “เย่ชิงมันเป็นใคร?!” “แฟนปัจจุบันของโจวจื่อหยาง” ลั่วหมิงเม่ยชงักไปสักพัก ในสมองประมวลข้อมูลทุกอย่างให้สอดคล้องกันอย่างรวดเร็วและสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ที่คุณพูดเรื่องนี้คือเย่ชิงวางแผนไว้สองสามปีก่อนแล้ว? ตั้งแต่ที่คุณรับโครงการนั่นก็เริ่มแผนแล้ว?” “อืม พวกเขาร้ายกาจขนาดไหนพวกเราไม่รู้ และก็ยุแหย่ก่อให้เกิดสิ่งไม่ดี ตอนนี้ฉันจะบอกคุณก็คือให้คุณเข้าใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วผ่านไป พวกเขาวางแผนมาตั้งสองสามปีก่อน แน่นอนว่าจะต้องมีคนรับช่วงต่อหาทางออก ถ้าหากว่าครั้งนี้ไม่ใช่เห้ออี้ลั่วยื่นมือเข้ามาช่วย ฉันอาจจะต้องติดคุกไปแล้ว” “ในเมื่อมีลูกเขยอยู่ พวกเรายังต้องกลัวพวกเขาทำไมอีกล่ะ? คนแบบนี้มาจัดการคนโหดเหี้ยมพวกนั้นถึงจะหยุด ไม่เช่นนั้นวันวันคนพวกนั้นก็จะคิดหาหนทางที่น่าสะอิดสะเอียดมารังแกลูกรักฉันอีก” “เรื่องนี้ได้รบกวนเขามามากแล้ว ที่เหลือพวกเราจัดการแก้ไขด้วยตัวเองเถอะ” “สามี คุณไม่ค่อยชอบเห้ออี้ลั่วหรอ” “ไม่ใช่ ช่วงแรกที่แต่งงานเรื่องของครอบครัวพวกเราก็ควรจะพยายามลดลงไม่ให้รบกวนพวกเขา รอพวกเขารู้สึกดีต่อกันแล้ว กลายเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆค่อยพูด ตอนนี้เป็นแบบนี้เสี่ยวเมิ่งจะรู้สึกอึดอัดแถมยังด้านตระกูลเห้อนั้นก็จะดูถูกลูกสาวพวกเราด้วย” “เข้าใจแล้ว ** เฉียวเมิ่งเยว่และหยางเสว่หลินนัดเจอกันที่สแควว่านต๋า ราคาของที่อยู่ในนี้ค่อนข้างสูง สภาพแวดล้อมในการช็อปปิ้งก็ไม่เลว อารมณ์ของหยางเสว่หลินดูเหมือนว่าจะดีขึ้นไม่น้อย ไม่ได้มีอาการซึมเหมือนสองวันก่อน เฉียวเมิ่งเยว่ยกคางขึ้นหันไปทางห้างสรรพสินค้า “อยากซื้ออะไรก็บอก พี่จะซื้อให้เธอเอง” หยางเสว่หลินก็ให้ความร่วมมือเขยิบเข้ามาอยู่ข้างๆเฉียวเมิ่งเยว่ “ตอนเย็นฉันเลี้ยงเนื้อคืน” ทั้งสองคนก็เดินช็อปปิ้งด้วยกันอย่างมีความสุข หยางเสว่หลินมองเห็นเสื้อกันหนาวขนแกะตัวหนึ่งก็เดินเข้าไปลองในร้าน เฉียวเมิ่งเยว่ก็นั่งอ่านนิตยสารบนโซฟาเล็กๆอยู่ในร้าน ทันใดนั้น นิตยสารที่อยู่บนมือก็ถูกเงาหนึ่งบัง เฉียวเมิ่งเยว่ก็เงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าของเย่ชิงและไม่กี่ก้าวออกไปยังมีโจวจื่อหยางยืนอยู่ เย่ชิงก็สังเกตมองการตกแต่งของร้านค้าอย่างเหยียดหยามและก็พูดจาเสียดสีออกมาว่า “ดูเหมือนว่าอยู่ตระกูลเห้อจะใช้ชีวิตไม่ค่อยดีนะ ถึงมาใช้จ่ายเงินได้แค่สถานที่แบบนี้” “คุณหนูเย่ก็มาใช้จ่ายเงินได้แค่สถานที่แบบนี้เหมือนกันหรอ?”เฉียวเมิ่งเยว่พูดขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา เธอปิดนิตยสารและลุกขึ้นยืน เย่ชิงสูงเพียงแค่ร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตร เฉียวเมิ่งเยว่ก็นับว่าใส่รองเท้าส้นต่ำและค่อนข้างสูงกว่าเย้ชิงสองสามเซนติเมตรเหมือนกัน เฉียวเมิ่งเยว่แค่ลุกขึ้นยืนก็ใช้ส่วนสูงของร่างกายเธอกดขี่เย่ชิงได้ 
已经是最新一章了
加载中