บทที่ 60 การยั่วยุของเวินอันเหยน (สอง)   1/    
已经是第一章了
บทที่ 60 การยั่วยุของเวินอันเหยน (สอง)
บ๗ที่ 60 การยั่วยุของเวินอันเหยน (สอง) เวินอันเหยนก็มองหลินหรุ่ยอย่างตกใจและสักพักน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา “แม้แต่น้ายังพูดขนาดนี้? งั้นที่หนูกลายเป็นแบบนี้มันเป็นความผิดของใคร? ในหนึ่งเดือนมีครึ่งเดือนที่หนูต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลมันเป็นความผิดของใคร?! พวกคุณมีสิทธิ์อะไรแค่ชั่วพริบตาก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน?!” หลินหรุ่ยถูกคำพูดของเวินอันเหยนพูดทะลุเข้ามาในใจจนรู้สึกไม่สบายใจและเริ่มขมวดคิ้วลง ปรากฏความน่าเกรงขามของภรรยาผู้เป็นเจ้าของบ้านของตระกูลเห้อ “เธอคือคนรุ่นหลัง ไม่มีน้ำหนักในการพูดฉันเข้าใจได้แต่คำพูดพวกนี้ฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว ขอบคุณเธอที่วันนี้เอาของพวกนี้มาให้และกลับไปบอกพ่อกับแม่ของเธอว่าหลังจากนี้ไม่ต้องรบกวนแล้ว” หลินหรุ่ยพูดจบก็เดินกลับไปในห้องโถงใหญ่และไม่หันกลับมามองเวินอันเหยนอีก แต่ไหนแต่ไรมาเวินอันเหยนไม่ได้รู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกขนาดนี้ คำพูดของหลินหรุ่ยคือพูดตบหน้าเธอโดยไม่ต้องสงสัย ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้ามากที่สุด แม้ว่าตอนนั้นตอนที่เห้ออี้ลั่วยากลำบากที่สุดแล้วเธอก็เลิกกับเขา คนตระกูลเห้อก็ไม่ได้พูดแรงกับเธอขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเพราะว่าเฉียวเมิ่งเยว่ ท่าทีของหลินหรุ่ยถึงได้เปลี่ยนไป ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะว่าเฉียวเมิ่งเยว่ ดวงตาของเวินอันเหยนเปล่งความรู้สึกที่เกลียดชังออกมา ** เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ได้คุ้นชินบริเวณรอบๆบ้านของตระกูลเห้อเลยปล่อยให้เสี่ยวเป่านำทางให้เธอ เธอได้เดินออกมาจากสวนดอกเหมยของบ้านตระกูลเห้อโดยไม่รู้ตัวและก็เดินขึ้นเนินเขา ภูเขาที่นี้สร้างได้ดีมาก ข้างถนนห่างไม่กี่ร้อยเมตรก็มีศาลาและเก้าอี้ยาว ให้คนเดินทางมาพักผ่อนได้ เฉียวเมิ่งเยว่เห็นสปิริตของเสี่ยวเป่าที่ค่อนข้างสูงก็เดินขึ้นเขากับเขาต่ออย่างช้าๆ เธอก็ควักโทรศัพท์ออกมาแล้วถ่ายรูปเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องก็หันกลับมามองด้วยความสงสัย เฉียวเมิ่งเยว่หันไปทางเสี่ยวเป่าและยกโทรศัพท์ขึ้น เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางน่ารัก ใช้เท้าและมือปีนขึ้นไปบนขาของเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่ใช้มือข้างหนึ่งรองก้นเล็กๆของเขาอยู่และมืออีกข้างปรับมุมของโทรศัพท์ ดวงตาแพรวพราวสดใสของเสี่ยวเป่าจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์และปรากฏใบหน้าสองคนยังคงไม่มีรอนยิ้มเหมือนเดิม เฉียวเมิ่งเยว่กดถ่ายสองสามรูป เสี่ยวเป่าก็ล้วนใช้ท่าทีอารมณ์แบบนั้น ก็คือเป็นบางครั้งที่เขาจะเปลี่ยนท่าทาง แต่เธอกลับยิ้มอย่างไรเดียงสา ซื่อบื้อไปหน่อย เฉียวเมิ่งเยว่ก็ใช้มือถูใบหน้าเล็กๆของเขา “ลูกรัก ทำไมลูกถึงไม่พูดและก็ไม่ยิ้มล่ะ? ลูกโตมาน่ารักขนาดนี้ ยิ้มขึ้นมาต้องน่ารักแน่นอน แม่อยากขอร้องให้ลูกยิ้มเป็นบางครั้งได้หรือเปล่า? ลูกเป็นแบบนี้ แม่กดดันมากอ่า” เสี่ยวเปาเอาหน้าของตัวเองไปถูกับลำคอของเธอ เขาไม่อยากสนทนาเรื่องนี้ต่อแล้ว เสี่ยวเป่าเห็นเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่อยากเดินต่อแล้วก็อุ้มเขาอยู่และเดินไปอย่างช้าๆ “จริงๆแล้ว ลูกเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดี ลูกเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน แดดดี้กับหม่ามี๊ก็จะไม่ทอดทิ้งลูกแน่นอน” เสี่ยวเป่าเขียนลงไปในแท็บแล็ตว่า “แดดดี้ทอดทิ้งผม!” เฉียวเมิ่งเยว่หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “นั้นเขาหยอกลูกเล่น บนโลกใบนี้คนที่จะไม่ทอดทิ้งลูกที่สุดก็คือเชา ให้เขาทำอะไรเพื่อลูกเขาก็ยอม” แม้แต่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่สนิทก็ยังทำเหมือนเคยไม่มีพลาด มีพ่อกี่คนที่จะสามารถทำเพื่อลูกได้ขนาดนี้ เสี่ยวเป่าพยักหน้า “ตอนนี้ลูกไม่อยากพูดไม่เป็นไร บางทีลูกอาจจะไม่ได้รู้ตัวว่าการไม่พูดจะมีผลกระทบกับการดำรงชีวิตของลูก แต่แดดดี้ทำไมถึงพยายามให้ลูกพูด เพราะว่าถ้าหากว่าช่วงระยะยาวลูกไม่พูด ลูกจะค่อยๆสูญเสียความสามารถในการพูด พอถึงตอนนั้น ลูกอยากจะพูดแต่ลูกจะพูดไม่ได้เพราะความสามารถของภาษาอ่อน” เฉียวเมิ่งเยว่ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าจะสามารถฟังเข้าใจไหมก็เลยพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ช้าลงว่า “ถ้าหากว่าผู้ใหญ่อย่างพวกเรายังไม่สามารถรับผิดชอบการกระทำของตัวเองกับลูกได้ ไม่สามารถทำให้อนาคตของลูกเป็นอย่างที่หวังได้ ล้วนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่บกพร่องของพวกเรา ทรัพย์สินของแดดดี้ลูกสามารถทำให้ลูกไม่ต้องใช้ชีวิตพูดประจบเอาใจในสายตาของคนอื่นชั่วชีวิต แต่พวกเรายังไม่สามารถทำให้ลูกบินไปได้ด้วยตัวเอง” เสี่ยวเป่าออกแรงแขนเล็กๆกอดคอของเฉียวเมิ่งเยว่ไว้และใช้ใบหน้าเล็กๆของเขามุดเข้าไปในคอเฉียวเมิ่งเยว่ ดวงตาที่แวววาวสดใสรู้สึกสับสนงงงวย เฉียวเมิ่งเยว่กำลังจะพูดขึ้นอีกครั้งก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่ข้างถนน เฉียวเมิ่งเยว่หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียง ก็พบว่ามีคนกำลังร้องขอความช่วยเหลือจริงๆ เฉียวเมิ่งเยว่ที่อุ้มเสี่ยวเป่าอยู่ก็วางเสี่ยวเป่าลง “หม่ามี๊จะลองลงไปดู ลูกอยู่ข้างบนห้ามเดินสะเปะสะปะไปไหน” เสี่ยวเป่ากอดขาของเฉียวเมิ่งเยว่เอาไว้ไม่ให้เธอไป เฉียวเมิ่งเยว่ตบมือเล็กๆของเขาเบาๆและหยิบโทรศัพท์วางลงไว้ในมือของเขา “คนนั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บ ฉันเป็นหมอต้องลงไปดู” เฉียวเมิ่งเยว่พูดอยู่ก็หันร่างกายเดินลงไปซื้อ เสี่ยวเป่าเห็นเงาของเฉียวเมิ่งเยว่หายไปในป่าก็ใช้โทรศัพท์ของเธอที่ให้มาโทรหาเห้ออี้ลั่ว ** หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่เดินเข้ามาในป่า ก็พึ่งจะค้นพบว่าป่านั้นใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้อีก ช่วงฤดูหนาวท้องฟ้ามืดไวมาก แค่เดินเข้ามาในป่าก็รู้สึกว่ามืดแล้ว เฉียวเมิ่งเยว่ฝืนใจมองไปทางถนน “ฮัลโหล คนที่ร้องขอความช่วยเหลือได้ยินไหม? ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรือเปล่า? ได้ยินแล้วตอบกลับฉันด้วย!”เฉียวเมิ่งเยว่ก็พูดต่ออีกสองครั้งก็หยุดพูดและได้ยินการเคลื่อนไหวในบริเวณรอบๆ ได้ยินเสียงครู่หนึ่งถึงจะได้ยินเสียงมีคนเคลื่อนตัว เฉียวเมิ่งเยว่ก็เดินตามเสียงนั่นสักพักและเขี่ยพุ่มไม้ที่อยู่ลึกในป่าให้เปิดออก ก็มองเห็นร่างที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟโผล่ออกมาทำให้เธอรู้สึกตกใจ เวินอันเหยนนั่งบนก้อนหินอย่างปลอดภัย สายตาจ้องมองไปยังเฉียวเมิ่งเยว่แน่น ในดวงตาประทุเจตนาร้ายที่น่าหวาดหวั่นทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว ด้านข้างของเธอยังมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ เฉียวเมิ่งเยว่แอบตะโกนในใจว่าฉิบหายแล้วและรีบหันหลังกลับไปยังทางที่มาและวิ่งออกไป เวินเจียวหาวเห็นก็รีบวิ่งไปตามเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่วิ่งด้วยพูดแขวะด้วย เย็ดแม่! น้องสาวที่โตมาราวกับดอกบัวขาวบริสุทธิ์ แต่กลับทำเรื่องที่ตรงกันข้ามซะงั้น เวินอันเหยนทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ฝีมือการแสดงของเธอห่วยเสียจริงถึงได้แสดงละครเด็กขนาดนี้ เฉียวเมิ่งเยว่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังที่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ก็รีบเอียงตัวหลบการจู่โจมของคนข้างหลังทันที พึ่งจะหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้ เฉียวเมิ่งเยว่ยังไม่ทันได้ดีใจพื้นรองเท้าก็ลื่นทำให้คนเอียงตัวตกลงไป “อ๊าก!” เฉียวเมิ่งเยว่กรีดร้องออกมา เธอรีบขดร่างกายและใช้มือบังหน้า ป้องกันไม่ให้ลื่นไปแล้วถูกกิ่งไม้ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ เวินเจียหาวเห็นร่างของเฉียวเมิ่งเยว่หายไปในข้างล่างก็ส่งเสียงเหอะออกมาและหันไปพูดกับเวินอีนเหยียนและเวินเจียเฟิงที่เดินมาทางนี้ว่า “ตอนนี้จะทำยังไง?” “ฉันอยากให้มันตาย!” เสียงของเวินอันเหยนยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงราวกับออกมาจากขุมนรกที่ดังขึ้นมาไม่ใกล้ไม่ไกล “คุณอยากจะให้ใครตาย?!” เวินอันเหยน เวินเจียหาว เวินเจียเฟิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและมองไปยังทิศทางของแหล่งที่มาเสียงอย่างไม่กล้าเชื่อ เห้ออี้ลั่วเดินออกมาจากพุ่มไม้ร่างกายเต็มไปด้วยความรู้สึกเยือกเย็น สายตาเหมือนมีดที่ตัดร่างกายของสามพี่น้องตระกูลเวิน เวินเจียเฟิงดึงสติกลับมาได้ก่อนก็ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “อี้ลั่ว คุณมาได้ยังไง? พวกเรากำลังมองไก่ป่าตัวหนึ่ง มันตกลงไปแล้ว” “ใช่หรอ?”เห้ออี้ลั่วหันไปพูดกับชายชุดดำข้างหลังว่า “ลงไปเอานายหญิงขึ้นมา” “ได้ครับ” ชายชุดดำทั้งสองขานรับและและเดินอ้อมเนินลาดลงไป เห้ออี้ลั่วเหมือนเหยี่ยวที่กำลังมองเวินอันเหยนอยู่“หลังจากนี้ไม่ต้องมาแสดงละครต่อหน้าฉันแล้ว แม้ว่าจะไม่มีเรื่องก่อนหน้านี้ ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเธอ!” “เห้ออี้ลั่ว คุณพูดอะไร?!”เวินอันเหยนมองไปยังเห้ออี้ลั่วด้วยแววตายากที่จะเชื่อ 
已经是最新一章了
加载中