บทที่ 61 สมควรแล้ว
1/
บทที่ 61 สมควรแล้ว
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 61 สมควรแล้ว
บ๗ที่ 61 สมควรแล้ว เห้ออี้ลั่วมองเธออย่างเย็นชา “ยังฟังไม่ชัดอีกหรือ? ถ้าอย่างนั้นผมจะพูดอีกรอบนะว่าผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคุณเลย! คิดว่าผมไม่รู้หรือว่าเมื่อก่อนคุณอ้างตัวเป็นภรรยาผมแล้วไปทำเรื่องอะไรมาบ้าง? ตระกูลของคุณหลอกใช้ผมเพื่อหาเงิน เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้แล้วถือว่าเห็นแก่พ่อแม่ของคุณเอง!” คนในชุดดำสองคนพลางเข้ามาอุ้มตัวเฉียวเยว่เมิ่งที่หมดสติอยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว พี่น้องตระกูลเวินทั้งสามคนต่างหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เห้ออี้ลั่วเองก็รับเฉียวเยว่เมิ่งมาจากมือของคนชุดดำคนหนึ่งพลันมองเห็นรอยถลอกบนร่างกายเธอสายตาเขาก็ยิ่งแสดงความเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้นไปอีก “พวกคุณรอดูหุ้นของคุณแล้วกันจะได้รู้ว่าทำไมบริษัทพวกคุณถึงพังพินาศ” พูดจบเขาก็อุ้มเฉียวเยว่เมิ่งจากไป จะเหลืออยู่ก็เพียงแค่สามพี่น้องตระกูลเวินที่แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้า ...... เฉียวเยว่เมิ่งพลันตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวดที่บาดแผลพลันเห็นเห้ออี้ลั่วกำลังที่จะทายาให้เธออยู่พอดี เธอปวดจนต้องร้องแผดเสียงออกมาพลางหายใจกระหืดกระหอบ “เจ็บๆๆๆ นี่คุณทำให้มันดีดีหน่อยสิ การทายาของคุณนี่ทำให้ฉันอยากที่จะลุกไปด่าคุณเสียจริง!” เห้ออี้ลั่วพลางราดไอโอดีนลงไปบนปากแผลแล้วพูดขึ้น “สมควรแล้วสิไม่ว่า คุณนี่ไม่รู้จักระมัดระวังสักหน่อยเลยหรือ?” “ขอโทษจริงๆนะ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกะน้อยในมือที่ดูไม่มีอะไรจะแอบลอบกัดแบบนี้ ครั้งหน้าฉันจะระวังนะ” ใจของเฉียวเยว่เมิ่งเต้นตุบตับเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเวินอันเหยียนจะเป็นคนแบบนี้ หลายคนพูดว่าคนเราตัดสินที่ภายนอกไม่ได้ แล้วทำไมเวินอันเหยียนต้องเป็นหนึ่งในนั้นด้วยนะ รูปลักษณ์ทั้งสวยงามและบริสุทธิ์ แต่ใจกลับโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่งจนรู้สึกอยากให้เธอตายไปเสีย! เธอพูดแบบนั้นไปได้อย่างไรกันนะ? ถ้ามองจากมุมมองของหมอที่เห็นการเกิดและการตายของคนมามากมายเธอจะละเลยต่อชีวิตคนแบบนี้ไม่ได้ เห้ออี้ลั่ววางมือไปที่แผลบนหน้าของเฉียวเยว่เมิ่ง “ถ้าครั้งหน้าเป็นแบบนี้อีกอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจละกันนะ” “ไม่แล้ว ฉันจะไม่โง่อีกแล้ว รู้แล้วว่าเวินอันเหยียนไม่สนใจใยดีฉันแถมยังหน้าด้านอีกต่างหาก” เฉียวเยว่เมิ่งถามขึ้นพลางกระพริบตาปริบๆ “นี่คุณเศรษฐี* คุณจะแบบว่า...โกรธจนเสียสติเลยไหมอย่างเช่น...ทำลายธุรกิจของตระกูลเวินจนสิ้นซากอะไรแบบนั้นน่ะ” เห้ออี้ลั่วตอบกลับว่า “นี่เธอดูละครน้ำเน่ามากไปหรือเปล่าเนี่ย?” “ทำไมตอบแบบนี้ล่ะเนี่ย โธ่ ช่างปวดร้าวใจจริงๆ” เฉียวเยว่เมิ่งแกล้งลูบอกพลางจะลุกออกจากเตียง “นี่เธอจะทำอะไรน่ะ? บาดแผลยังไม่หายดีอย่าลุกพรวดแบบนั้นสิ” “ฉันก็จะไปกินข้าวสิ จะให้พ่อกับแม่แล้วก็เสี่ยวเป่ารอฉันคนเดียวได้อย่างไรกัน” “นี่เธอไม่รู้หรือว่าตอนนี้กี่โมงเข้าไปแล้ว?” “หืม?” เห้ออี้ลั่วโยนโทรศัพท์ไปให้เธอ เฉียวเยว่เมิ่งพลิกโทรศัพท์ขึ้นดู ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว “นี่ฉันสลบไปนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?” “แล้วคิดว่านานแค่ไหนล่ะ?” “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปทำ CT สแกนหน่อยแล้วกัน จะได้รู้ว่ามีสมองส่วนไหนกระทบกระเทือนหรือเปล่า” เห้ออี้ลั่วพลางเก็บไอโอดีนเข้ากระเป๋ายา “เอาล่ะ เธอลองลุกขึ้นเดินดูสิ เผื่อจะมีส่วนไหนที่ยังบาดเจ็บอยู่” เฉียวเยว่เมิ่งลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง เธอลองเดินไปมาในห้องแล้วก็พบว่านอกจากจะรู้สึกเจ็บที่เข่าหน่อยๆ แล้วส่วนอื่นก็ไม่หนักหนาสาหัสอะไร ขณะที่เธอกำลังอธิบายให้เห้ออี้ลั่วฟังเธอก็พบว่าร่างกายเธอรู้สึกเบาขึ้นอย่างประหลาด ขณะนั้นเองเห้ออี้ลั่วก็อุ้มเธอลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว เฉียวเยว่เมิ่งตกใจมากที่อยู่ดีดีเห้ออี้ลั่วก็อุ้มเธอขึ้นจนเธอลืมที่จะขัดขืนไปเลย เห้ออี้ลั่วก้มหน้ามองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมอกของเขาตอนนี้ที่มีทั้งริมฝีปากที่เรียวเล็ก ร่างกายที่บอบบาง ใบหน้าที่สวยสดใสปนไปด้วยเลือดฝาดน้อยๆ สายตาที่จ้องมองอย่างตกตะลึงมาที่เขา พร้อมทั้งลักษณะท่าทางที่ดูไร้เดียงสาแบบนี้เทียบกับตอนที่เธอยิ้มแบบปกติแล้วดูน่าดึงดูดกว่ากันเยอะเลย *ชื่อที่เฉียวเยว่เมิ่งเรียกเห้ออี้ลั่ว เฉียวเยว่เมิ่งไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกในใจตอนนี้ออกมาอย่างไรเช่นกัน รูปร่างของเห้ออี้ลั่วที่สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร อีกทั้งท่าทางของเขาที่อุ้มเธออย่างไม่รู้สึกเหนื่อยนั้นทำให้เธอคิดว่าผู้ชายที่ทั้งหน้าตาดีและมีฐานะแบบนี้จะทำเรื่องอะไรก็น่าหลงใหลไปเสียหมดเลยเชียว หลังจากที่เขาวางเธอลงบนเก้าอี้ในห้องอาหารอย่างนุ่มนวลแล้วเธอก็ฟื้นคืนจากภวังค์ เห้ออี้ลั่วเปิดฝาที่ครอบอาหารไว้ออกพลันควันร้อนๆ ก็พุ่งกระจายออกมา “รีบๆ กินซะสิ เดี๋ยวถ้ามันหายร้อนแล้วจะไม่อร่อยเอา” จู่ๆ ในใจของเฉียวเยว่เมิ่งก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ขอบคุณนะคุณเศรษฐี” พูดจบเธอก็เริ่มจัดการกับอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เห้ออี้ลั่วเห็นเธอกินได้อย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกพอใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนกินอาหารที่เขาทำแบบนี้จนเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะมีมารยาทบนโต๊ะอาหารบ้างรึไงกันนะ? เมื่อเห็นเธอกินได้แบบนี้เขาก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของเขาไปตามปรกติ พลันหน้าจอโทรศัพท์ก็มีข้อความของข่งซิวชิงเด้งขึ้นมา ข่งซิวชิง : นี่...ตระกูลเวินไปทำอะไรนายเข้าน่ะ เมื่อเดี๋ยวนี้เวินอันเหยียนเพิ่งโทรมาร้องไห้กับฉันใหญ่เลย บอกให้ฉันมาเกลี้ยกล่อมนายไม่ให้ทำพวกเขาล้มละลาย เห้ออี้ลั่ว : เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ต้องรู้หรอก ข่งซิวชิง : ดูเหมือนว่าจะร้ายแรงสินะ เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่? เห้ออี้ลั่วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟังทั้งหมด ข่งซิวชิงเงียบไปอยู่นานจนตอบกลับมาว่า “ให้ตายสิ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเวินอันเหยียนจะทำเรื่องไม่ดีแบบนี้” เห้ออี้ลั่ว : เรื่องพวกนี้คุณอย่าเอาไปบอกกับพวกเวินกู้เขานะ ข่งซิวชิง : เข้าใจแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเวินกู้กับเวินอันเหยียนต่างก็หมดกันไปนานแล้ว ตระกูลเวินนั้นเป็นเพียงเครื่องหมายการค้าเท่านั้นไม่ใช่คนจริงๆ เมื่อปีกลายที่พี่ใหญ่เกิดอุบัติเหตุพวกเขาแต่ละคนต่างขอแยกตัวออกจากพวกนาย ช่วงเวลานั้นเองนายก็พัฒนาบริษัทไปได้ถึงสองเท่า แต่พวกเขาก็ยังหน้าด้านที่จะกลับมาเลียแข้งเลียขานายต่อ ช่างน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเวินอันเหยียนจะเป็นดอกบัวในโคลนที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเหมือนกับคนสกุลเวินคนอื่นๆ เห้ออี้ลั่ว : รู้สึกเหมือนว่าคุณจะคิดไปมากกว่าผมเยอะเลยนะ ที่คุณพูดมันหมายถึงอะไรบ้างหรือ? ข่งซิวชิง : ให้ตายสิ ฉันอุตส่าห์ช่วยนายแบบนี้นายยังไม่พอใจอีกหรือ? เห้ออี้ลั่ว : ทำไมจะไม่ล่ะ? รบกวนคุณให้วิ่งไปทั่วซะขนาดนี้ ข่งซิวชิง : ได้จ้ะ รู้แล้วว่านายมีคุณธรรมซะขนาดนี้...จะว่าไปอาทิตย์หน้าม่อย่าจะไปแล้ว นายอยากจะมาดื่มเหล้าด้วยกันหน่อยไหม? เห้ออี้ลั่ว : ก็ดีนะ ข่งซิวชิง : รีบตอบรับแบบนี้ แล้วเสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ? เห้ออี้ลั่ว : ช่วงนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว เอาแบบนี้ละกันพวกคุณก็มากันที่บ้านพักของผมสิ ถือโอกาสได้มาเจอพี่สะใภ้อย่างเป็นทางการด้วย ข่งซิวชิง : ถ้าแบบนั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะนัดพวกเขาให้ละกัน เห้ออี้ลั่ว : อืม เรื่องของพ่อตาเองก็ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ติดหนี้คุณแล้วจริงๆ ข่งซิวชิง : เดี๋ยวฉันจะเอาของขวัญแต่งงานไปให้ด้วยนะ เห้ออี้ลั่วเก็บโทรศัพท์ไปพลางเงยหน้าขึ้นมาพบว่าอาหารบนโต๊ะนั้นถูกเฉียวเยว่เมิ่งกินไปจนเกือบหมดแล้ว เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องเธออยู่ เธอจึงกระแอมเสียงดังพลางรู้สึกประหม่าหน่อยๆ “ทำไมล่ะ...อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะ” “ถ้าผมบอกว่ายังคุณจะเอาข้าวที่กินไปพวกนั้นกลับมาได้รึ?” “ถ้าหากนายรับได้ฉันก็จะลองดูแล้วกัน” เห้ออี้ลั่วก้มหน้ามองเวลาในโทรศัพท์ “คุณทำได้อย่างไรเนี่ย? ใช้เวลาแค่สามนาทีกินอาหารซะหมดเลย” “แสดงว่านายไม่เคยมีเพื่อนเป็นหมอล่ะสิ โดยเฉพาะหมอที่ประจำห้องฉุกเฉินด้วยแล้วการกินข้าวเหมือนกับการไปสู้รบเลยแหละ หลังจากนั้นก็ต้องรีบเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด พอเข้าไปแล้วก็ตั้งสองชั่วโมงกว่าจะได้ออกมา ถ้าไม่รีบกินล่ะก็คงต้องหิวตายแน่ๆ” เห้ออี้ลั่วเห็นใบหน้าที่ดูสบายๆ ของเธอก็ไม่บ่นขึ้นอีก “เคยได้ยินมาว่างานของคุณหนักมากๆ ทำไมถึงยังเป็นหมออยู่อีกล่ะ? ไปเป็นสถาปนิกเหมือนพ่อของคุณก็ได้นี่”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 61 สมควรแล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A