บทที่ 62 โลกของคุณเศรษฐีช่างน่าอิจฉาเสียจริง
1/
บทที่ 62 โลกของคุณเศรษฐีช่างน่าอิจฉาเสียจริง
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 62 โลกของคุณเศรษฐีช่างน่าอิจฉาเสียจริง
บ๗ที่ 62 โลกของคุณเศรษฐีช่างน่าอิจฉาเสียจริง “เหมือนฉันถูกหลอกลวงตั้งแต่เด็กอย่างไรอย่างนั้นแหละ ตอนแรกฉันคิดว่าหมอเป็นอาชีพที่ดูสูงส่งมาก แต่พอได้เข้ามาจริงๆ แล้วเหมือนไม่ได้เอาคนมาทำงานเลย นอกจากการทำงานทุกวันแล้วยังต้องคอยสู้รบตบมือกับคนไข้และครอบครัวพวกเขาอีก ช่างมีความสนุกมาไม่หยุดหย่อนจริงๆ แถมยังไม่รู้อีกว่าอีกหนึ่งวินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะฉะนั้นไม่พูดถึงมันจะดีกว่า” เฉียวเยว่เมิ่งหยุดไปครู่หนึ่งก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าหากให้ฉันเลือกอาชีพอีกครั้งหนึ่งฉันก็คิดว่ายังคงเลือกที่จะเป็นหมออยู่ดี ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ใกล้ชิดกับความเจ็บปวดและความสูญเสียแบบนี้ และถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ก็จะไม่รู้ว่าชีวิตคนเรานั้นมีค่าแค่ไหน” เห้ออี้ลั่วจ้องมองเฉียวเยว่เมิ่งอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าที่จริงจัง แววตาที่ใสสะอาดและมีชีวิตชีวา แถมยังความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธออีกด้วย ริมฝีปากที่โค้งมนทั้งแดงระเรื่อค่อยๆ เผยอเล็กน้อยชวนให้น่าหลงใหลเสียจริง เห้ออี้ลั่วพยายามดึงสติกลับมาพลางถามขึ้น “หลังจากที่คุณได้เป็นหมอแล้วมีได้บังเอิญเจอเรื่องอะไรพิเศษๆ บ้างหรือเปล่า?” เฉียวเยว่เมิ่งสบตากับเห้ออี้ลั่วพลางผ่อนลมหายใจแล้วพูดขึ้น “เยอะเลยล่ะ แต่ว่าที่ประทับอยู่ในใจมากที่สุดคือเรื่องที่เจอตอนที่ยังไม่ได้เป็นหมอแบบเป็นทางการ ตอนนั้นมีคนไข้ที่ต้องรักษาฉุกเฉินเข้ามา เป็นอุบัติเหตุรถชนกัน ตัวรถสินค้าพลิกคว่ำทับรถมอเตอร์ไซต์ พอพวกเรารีบรุดไปที่เกิดเหตุก็พบว่าสัปเหร่อมาถึงที่แห่งนั้นแล้ว ที่เกิดเหตุพบว่าคนขับรถมอเตอร์ไซต์นั้นถูกทับแบนติดไปกับถนน ทั้งหัวแล้วแขนถูกชนปลิวไปแขวนอยู่บนเสาไฟข้างถนนจนยากที่จะเก็บกลับมา สัปเหร่อคนนั้นค่อยๆ ใช้พลั่วกับเกรียงของเขาเกลี่ยเก็บกลับมาเข้ากระเป๋าหนังงูของเขา หัวหน้าของฉันเองก็ให้ฉันไปช่วยสัปเหร่อคนนั้นปีนเสาไฟไปเก็บหัวกับแขนกลับมา พอเก็บกลับมาได้ก็นำชิ้นส่วนต่างๆ มารวมกัน หลังจากประกอบกันหมดแล้วก็พบว่าขาดแค่ส่วนตาที่ยังหาไม่ได้ พวกเราจึงเริ่มหาลูกตาคู่นั้นทุกซอกทุกมุม หลังจากหาอยู่ประมาณสองชั่วโมงก็ไปพบอยู่ในสวนหญ้าข้างๆ” เห้ออี้ลั่วจินตนาการตามไปด้วยก็พบว่ามีแต่อะไรที่น่าสยดสยองทั้งนั้น “สุดท้ายฉันก็ตามสัปเหร่อกลับไปที่ที่จัดพิธีฌาปนกิจศพ เขาจัดแจงนำชิ้นส่วนศพต่างๆ แต่งกลับมาใหม่ หลังจากที่เขาทำอยู่นานก็ให้คนในครอบครัวมากล่าวคำบอกลา สัปเหร่อจัดแต่งศพนั้นขึ้นมาใหม่จนดูเหมือนคนที่ธรรมดาขึ้นมาจริงๆ หากให้สัปเหร่อคนอื่นๆ มาทำเรื่องนี้แล้วล่ะก็คงไม่ต่างอะไรจากกองเนื้อแน่ๆ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีลูกตาสัปเหร่อคนนี้ก็ยังยืนหยัดตามหาจนเอากลับมาได้ เขาคิดว่านั่นคือศีลธรรมและส่วนสำคัญของอาชีพของเขา หลังจากที่ชีวิตคนคนหนึ่งมาถึงจุดสิ้นสุดเขาก็จะทำทุกๆ อย่างอย่างสุดกำลัง แต่เขาคนนั้นเป็นหนึ่งในสัปเหร่อท่ามกลางคนอีกหลายคนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ร่างกายถูกบดแล้วอย่างไรล่ะ...ชีวิตคนเราตายได้ครั้งเดียวเขาจะทำลวกๆ ไม่ได้ ฉันก็เลยคิดว่าไม่ว่าต่อจากนี้ไปฉันจะต้องไปทำงานอะไรสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีจรรยาบรรณต่ออาชีพนั้น รองลงมาคือการเพิ่มระดับฝีมือของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ใช้จิตวิญญาณความสามารถแบบนี้เพื่อให้มีอิทธิพลต่อคนอีกมากมาย” เห้ออี้ลั่วจ้องมองไปที่ใบหน้าน้อยๆ ที่เปล่งประกายของเธอ เขาอยากจะยื่นมือไปหยิกแก้มของเธอเสียจริง “ตามที่ผมรู้มาการที่หมอจะเลื่อนตำแหน่งมีโอกาสยากมาก แค่จะเลื่อนจากหมอธรรมดาไปเป็นระดับรองผู้อำนวยการก็ใช้เวลาหลายปีแล้ว” “อืม นอกจากจะต้องมีความเชี่ยวชาญหรือบันทึกการทำงานต่างๆ หรือผ่านการทดสอบแล้ว ยังต้องทำบทความเรื่องการบาดเจ็บของไขสันหลังหรือ SCI อีก ขั้นตอนนี้ยากมากดังนั้นหมอส่วนใหญ่ที่มีทักษะหรือคุณสมบัติการรักษาเองได้ก็ออกไปเปิดคลินิกเองกันทั้งนั้น ไหนจะหารายได้ได้เยอะ แถมยังอิสระอีกต่างหาก” “แล้วคุณคิดอย่างไรล่ะ? ถ้าคุณคิดจะออกมาผมก็พร้อมจะช่วยนะ” “ตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดวางแผนอะไรไว้เลย อย่างน้อยก่อนที่หัวหน้าจะเกษียณฉันก็คงอยู่ที่โรงพยาบาลนี้แหละนะ หัวหน้ามีทักษะทุกอย่างที่ฉันขาดไปทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นฉันก็คงจะเรียนทักษะพวกนี้จากเขาก่อน และถ้าหากเขาไม่ยอมที่จะสอนฉันจริงๆ แล้วล่ะก็ฉันก็คงต้องตัดสินใจที่จะเดินบนเส้นทางอื่นๆ ต่อไป” เฉียวเยว่เมิ่งส่งรอยยิ้มที่เปล่งกระกายไปให้เห้ออี้ลั่ว “คุณเศรษฐี ขอบคุณนะ มีนายอยู่ด้วยแบบนี้ช่วยเปิดหนทางฉันได้ดีกว่าทำอยู่คนเดียวมากจริงๆ” เห้ออี้ลั่วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มน้อยๆ ของเธอ “แบบนี้พอใจแล้วใช่ไหม?” “แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ฝีมือของฉันยังมีไม่มากพอ ถึงคนอื่นจะไฟเขียวให้ฉันก็ตามแต่ แต่ฉันก็ยังไม่มีความมั่นใจอยู่ดี” พูดจบเฉียวเยว่เมิ่งก็ลุกขึ้นยืนพลางเก็บจานทั้งหมดเข้าไปครัวไป เห้ออี้ลั่วมองดูเธอเดินโซซัดโซเซหายเข้าไปในครัวพลางพบว่าผู้หญิงคนนี้ช่างดึงดูดสายตาของเขาได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน นิสัยที่ทั้งเหมือนเด็กบ้างทั้งจริงจังบ้างมันมารวมกันอยู่ในผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไรกันนะ? มันยากที่จะละสายตาจากเธอไปได้จริงๆ ... วันต่อมา ขณะที่เฉียวเยว่เมิ่งกำลังสะลึมสะลือก็รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังกอดใครคนนึงไว้อยู่ เธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีหัวน้อยๆ ของใครบางคนมานอนหนุนแขนเธออยู่อย่างไม่รู้สึกตัว เฉียวเยว่เมิ่งไม่ได้ขยับตัวไปไหน เธอค่อยๆ มองรูปร่างของเสี่ยวเป่าอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่ได้ว่าลักษณะพันธุ์กรรมของบ้านนี้ช่างสุดยอดจริง ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเห้ออี้ลั่ว แต่ลักษณะหน้าตากับเหมือนกับเห้ออี้ลั่วอย่างกับแกะเลยทีเดียว เดิมทีพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้วก็ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ เฉียวเยว่เมิ่งใช้มือลูบไปที่ใบหน้าที่บอบบางของเขาพลางพูด “นี่เสี่ยวเป่า...ตื่นได้แล้วนะ” เสี่ยวเป่าลืมตาขึ้นอย่างซึมๆ พลางมองเฉียวเยว่เมิ่งอย่างมึนงง หลังจากตื่นเต็มที่แล้วเสี่ยวเป่าก็เอาแขนเล็กๆ มากอดเธอไว้ “ตัวพี่ยังมีกลิ่นยาอยู่เลย ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้กันล่ะ?” เสี่ยวเป่าไม่ได้ตอบอะไร เฉียวเยว่เมิ่งก็ไม่ได้ถามต่อพลางยกตัวให้เขานั่งขึ้น จากนั้นเสี่ยวเป่าก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำด้วยตัวเอง เฉียวเยว่เมิ่งเองก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อก็พบว่ามีชุดที่ยังไม่ได้แกะห่ออยู่อีกมากเลย เธอลองหยิบมาดูหลายๆ ชุดก็พบอีกว่าขนาดพอดีกับตัวของเธอเลย ชีวิตเธอเองก็ผ่านมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในใจของเธอจึงรู้สึกอิจฉาชีวิตของคนที่มีเงินมากมายเหลือเกิน ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากด้านหลัง “อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดีเท่าไหร่ หาเสื้อผ้าที่สบายๆ ใส่ไปก่อนเถอะ” เห้ออี้ลั่วพูด “เสื้อผ้าพวกนี้นายซื้อมาหรือ?” “ผมให้คนมาส่งให้เมื่อคืนนี้น่ะ” “โลกของนายนี่ช่างน่าอิจฉาจริงๆ เลยนะ” “เศรษฐีนีอย่างคุณอย่าถ่อมตัวไปเลย” เฉียวเยว่เมิ่งระเบิดหัวเราะออกมา “พูดอีกก็ถูกอีก...เอาล่ะ รีบออกไปได้แล้ว ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาดูนะ” “ถ้าผมไม่คอยเฝ้าแล้วเกิดคุณล้มจนพิกลพิการขึ้นมาผมจะทำอย่างไรล่ะ?” “อย่ามาขู่เลยนะ รบกวนเดินออกไปแล้วเลี้ยวขวาเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ” เห้ออี้ลั่วหัวเราะพลางเดินออกไป เฉียวเยว่เมิ่งต้องออกแรงในการเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างมาก ทำให้เธอต้องคอยค้ำกำแพงเดินออกไปด้านนอกเพราะเจ็บขา เสี่ยวเป่าเองก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เห้ออี้ลั่วก็มาช่วยเขาใส่เสื้อแขนยาวให้เขา เด็กๆ ยังใส่เสื้อแบบนี้ไม่ค่อยถนัดนัก พอสวมลงไปแล้วแต่ก็เอาหัวโผล่ออกมาไม่ได้อยู่ดี จะดีอย่างเดียวก็แค่ไม่เห็นหน้าเท่านั้น เห้ออี้ลั่วพูดโดยที่ไม่ได้หันหัวกลับไปมองว่า “รีบไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักผมจะพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาลเอง” “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว” “ระมัดระวังเอาไว้ก่อนดีกว่านะ” น้ำเสียงของเห้ออี้ลั่วดูไม่พอใจนิดๆ เฉียวเยว่เมิ่งก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แล้วเธอก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้าห้องน้ำไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 62 โลกของคุณเศรษฐีช่างน่าอิจฉาเสียจริง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A