บทที่ 63 คุณหมอเฉียวไม่ได้มีเรื่องกับครอบครัวใช่ไหม
1/
บทที่ 63 คุณหมอเฉียวไม่ได้มีเรื่องกับครอบครัวใช่ไหม
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 63 คุณหมอเฉียวไม่ได้มีเรื่องกับครอบครัวใช่ไหม
บ๗ที่ 63 คุณหมอเฉียวไม่ได้มีเรื่องกับครอบครัวใช่ไหม หลังจากอาหารเช้าเฉียวเยว่เมิ่งก็พูดกับเห้อเจียหมิงและหลินหรุ่ยว่า “แม่คะพ่อคะ ขอโทษนะคะที่ทำให้กังวลใจ” “อย่าพูดอะไรโง่ๆ หน่อยเลยน่า รีบไปตรวจอะไรให้เรียบร้อย พ่อกับแม่จะอยู่ที่บ้านเตรียมของอร่อยๆ ให้นะ” “ขอบคุณค่ะ” เห้ออี้ลั่วขับรถไปถึงที่โรงพยาบาลหย่าเต๋อพลางอุ้มเฉียวเยว่เมิ่งลงจากรถแล้วก็พาขึ้นตึกไปที่แผนกศัลยกรรมสมอง เสี่ยวเป่าเองก็เดินตามอยู่ด้านหลังจนเหมือนคนรับใช้ตัวน้อยๆ เลย การที่ทั้งสามคนปรากฏตัวมาทำให้ดึงดูดสายตาของทั้งหมอและคนไข้เป็นจำนวนมาก หลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงที่แผนกศัลยกรรมสมองแล้ว ผู้ช่วยหมอเห็นเฉียวเยว่เมิ่งก็ตกใจพลางพูด “คุณเฉียว คุณเป็นอะไรไปน่ะ?” “ฉันไม่ระวังเองเลยล้มเอานะ เหมือนสมองจะกระทบกระเทือนนิดหน่อยเลยมาตรวจเช็คดูหน่อยเผื่อว่าจะมีอะไรผิดปรกติ” “อ้อๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบไปให้หมอหลี่เตรียมทำ CT สแกนนะครับ แล้วตอนนี้ยังมีอะไรที่ผิดปรกติอีกบ้างหรือเปล่าครับ?” “ไม่มีนะ เมื่อวานที่ลื่นล้มก็รู้สึกมึนๆ ชั่วคราวแค่นั้นเอง” “เป็นที่ด้านหลังหรือด้านข้างครับ?” “ด้านหลังน่ะ” ผู้ช่วยก็พลางถามแล้วก็จดบันทึกอย่างเป็นลำดับ หลังจากผ่านไปสักพักคุณหมอหลี่ก็มาถึง หลังจากที่ดูสิ่งที่ผู้ช่วยบันทึกไว้ก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นไปถ่ายสแกนก่อนดีกว่าครับ จะได้ดูสภาพแผลด้านในด้วย” เฉียวเยว่เมิ่งพยักหน้าพลางสะกิดเห้ออี้ลั่วให้วางเธอลง แต่เห้ออี้ลั่วกลับไม่ทำตามที่เธอต้องการ เขาอุ้มเธอตามหลังผู้ช่วยคนนั้นไป เสี่ยวเป่าเองก็เดินตามมาติดๆ การสแกนสมองใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที จากนั้นผู้ช่วยก็พยุงเฉียวเยว่เมิ่งออกมา คุณหมอหลี่หยิบภาพที่สแกนมาดูก่อนจะพูดหยอกล้อขึ้นว่า “คุณหมอเฉียว อยากจะให้ผมอธิบายอย่างละเอียดเลยไหมครับ?” เฉียวเยว่เมิ่งกระแอมขึ้น “เอ่อ...คุณหลี่คะ รบกวนจริงจังหน่อยนะคะ” คุณหมอหลี่เองก็หัวเราะ “ในภาพสแกนไม่พบปัญหาอะไรครับ สมองส่วนหลังเองก็ไม่มีการช้ำเลือดอะไร สมองเองก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” “แค่นั้นฉันก็สบายใจแล้วล่ะ” คุณหมอหลี่ขยับมากระซิบที่ข้างหูว่า “คุณไม่ได้ทะเลาะอะไรกันในครอบครับใช่ไหม?” เหมือนเส้นเลือดบนหน้าของเฉียวเยว่เมิ่งกระตุกนิดหนึ่งก่อนพูดขึ้น “คิดว่าฉันบุคลิกรุนแรงแบบนี้เลยจะเกิดเรื่องทะเลาะกันในครอบครัวอย่างนั้นหรอฮะ?” “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ แต่มองอย่างไรแล้วก็เหมือนคุณจะเป็นคนเริ่มก่อนอยู่ดี” “นายนี่จริงใจจริงๆ” คุณหมอหลี่หัวเราะพลางสั่งยาบำรุงเลือดให้แล้วก็ผละจากไป ... หลังจากที่ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลเฉียวเยว่เมิ่งก็มองออกไปด้านนอกหน้าต่างพลางพูด “นี่ไม่ใช่ทางกลับไปบ้านใหญ่นี่” “กลับบ้านพวกเราไง” “แล้วจะอธิบายกับพ่อแม่อย่างไรกันล่ะ?” เธอยังจำที่หลินหลุ่ยบอกเธอไว้ว่าจะเตรียมอาหารไว้ให้หลังจากที่เธอกลับมา “ผมพูดกับพวกท่านหมดแล้ว” เฉียวเยว่เมิ่งพยักหน้าก่อนจะนั่งนึกเสียดายที่ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ของเธอกำลังจะหมดลง หลังจากรถมาหยุดอยู่ที่บ้านของพวกเขาแล้ว เห้ออี้ลั่วก็อุ้มเธอเข้าบ้านอย่างเคย เขาอุ้มเธอขึ้นชั้นบนพลางวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล เฉียวเยว่เมิ่งเห็นเขาดึงดันที่จะทำแบบนั้นต่อไปจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร เสี่ยวเป่ากับเชอหลุนก็วิ่งเล่นกันที่ชั้นล่างอย่างสนุกสนาน เฉียวเยว่เมิ่งเอาตัวพิงหัวเตียงไว้พลางมองไปที่เห้ออี้ลั่วแล้วพูดขึ้น “ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันสะเพร่าเอง นายไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ” “หากเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความผิดผม คุณก็ยิ่งไม่ผิดเข้าไปใหญ่” เห้ออี้ลั่วยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปจัดการธุระข้างนอกหน่อย” “ค่ะ” หลังจากที่เห้ออี้ลั่วเดินออกไปเธอก็หยิบโน๊ตบุ๊คจากหัวเตียงมาเปิดดูฝีมือการรักษาคนไข้ที่ชื่อว่าโม่มู่เฉินของหัวหน้า คนไข้ที่ชื่อว่าโม่มู่เฉินคนนี้รู้สึกว่าจะเป็นคนไข้ที่ค่อนข้างพิเศษ อย่างแรกที่พิเศษคือตัวตนของเขา อย่างที่สองคือเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการรักษาของเขาแล้วเหมือนกับเอาคนทั้งแผนกมารักษาเขาเลยอย่างไรอย่างนั้น ส่วนอย่างที่สามคือวิธีการหาผู้ปฏิบัติการรักษาของเขาในครั้งนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกรณีที่ดูธรรมดา เฉียวเยว่เมิ่งเปิดไปดูบันทึกการเขียนประวัติผู้ป่วยของหัวหน้าอย่างละเอียดจนสุดท้ายก็อดที่จะเหนื่อยไม่ได้ พูดถึงทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติแล้วนั้น การระบุประวัติผู้ป่วยอย่างถูกต้องแม่นยำนั้นต้องทำให้คนที่มาเยี่ยมผู้ป่วยเข้าใจด้วย ดังนั้นเมื่อดูจากกรณีนี้แล้วจึงเป็นการอธิบายอย่างกระชับได้ใจความเป็นอย่างยิ่ง ส่วนอาการของผู้ป่วยคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีการระบุไว้แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าส่วนนี้จะไม่ได้กระทบกับการระบุวิธีการรักษาแต่ก็ยังกระทบต่อการวิจัยการคาดคะเนผู้ป่วยอย่างแน่นอน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือทัศนคติของหมอชาวตะวันตกเมื่อพบเห็นว่าไม่ดีตรงไหนก็รักษาแค่ตรงนั้น ค่อยๆ ไขโครงสร้างปัญหาแต่ละส่วนของร่างกายแล้วแบ่งการรักษาออกเป็นส่วนๆ แต่สำหรับการรักษาแบบจีนแล้วเรามองภาพเป็นทั้งร่างกายที่ต้องวิจัยมันอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงจะเริ่มการดูแลรักษาและกำจัดโรคจากต้นเหตุ แต่วิธีการแบบนี้จะใช้เวลานานกว่าของตะวันตกเป็นอย่างมาก คนสมัยใหม่นั้นพยายามหาสิ่งที่รวดเร็วและได้ประสิทธิภาพสูง ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปรับการรักษาแบบตะวันตกเพราะอย่างน้อยผลลัพธ์ก็ยังแน่นอนกว่า หัวหน้าเป็นคนที่เคารพนับถือการแพทย์แผนจีนเป็นอย่างมาก การจดบันทึกการรักษาของเขาก็เต็มไปด้วยวิธีการรักษาแบบจีนทั้งนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับหมอหรือนักเรียนหมอด้วยก็ตาม แต่ก็ยังสามารถรู้ถึงรายละเอียดและอาการต่างๆ ของคนไข้ได้เป็นอย่างดี ... เฉียวเยว่เมิ่งปัดดูภาพผู้ป่วยกับคำอธิบายอยู่ซ้ำไปซ้ำมาจนตาเริ่มปวดหน่อยๆ จึงวางโน๊ตบุ๊คลงแล้วก็เอนพิงที่หัวเตียง เสียงร้องเล่นตะโกนของเชอหลุนที่ลานบ้านดังเข้ามาเป็นบางครั้งบางคราว หากว่าเสี่ยวเป่าช่างพูดหัวเราะได้เหมือนเด็กปกติทั่วไปก็คงจะดีนะ คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เธอก็ดันนึกไปถึงเวินอันเหยียนทันที หากว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าเวินอันเหยียนเป็นอย่างที่เธอเห็นเมื่อวานแล้วล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นปีที่ผ่านๆ มาเธอก็คงไม่จริงใจกับเสี่ยวเป่าเหมือนกัน อารมณ์ของเด็กมักจะไวต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก ใครที่ทำท่าทางไม่เป็นมิตรพวกเขาก็จะรู้สึกได้โดยง่าย หากอ้างตามที่สรุปไว้เช่นนี้แล้วล่ะก็ทำไมเสี่ยวเป่าถึงไม่สนิทกับเห้อเจียหมิงกับหลินหลุ่ยสักทีนะ หรือว่าพวกเขาก็จะคิดไม่ดีกับเสี่ยวเป่าด้วยหรือ? พวกเขาเอาความสูญเสียของเห้ออี้เจ๋อกับเย่เหว่ยมาไว้บนตัวเด็กคนนี้น่ะเหรอเลยรับเด็กคนนี้ไม่ได้? พอคิดถึงตรงนี้เฉียวเย่วเมิ่งก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะมีความคิดที่มืดมนไปหน่อยล่ะนะ ... เนื่องจากเฉียวเยว่เมิ่งยังเจ็บที่ขาอยู่หน่อยๆ จึงทำให้การขับรถของเธอไม่สะดวกนัก เห้ออี้ลั่วจึงอาสารับหน้าที่ไปส่งเธอที่ทำงานแทน เนื่องจากผ่านมาหลายวัน เมื่อเธอเดินเข้ามาคนในโรงพยาบาลจึงทำหน้าตกตะลึงแต่สักพักก็เปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม หลังจากที่เห้ออี้ลั่วกลับไปแล้วเสี่ยวอันก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าเฉียวเย่วเมิ่งพลางจ้องหน้าเธออย่างสงสัย พอเฉียวเยว่เมิ่งถูกจ้องแบบนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว “มีอะไรก็พูดมาสิ” “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะให้ฉันได้ไปกินข้าวด้วยกันกับหัวหน้าเห้อนี่นา เมื่อไหร่จะรักษาคำพูดล่ะ?” เฉียวเยว่เมิ่งตบไปที่หัวของตัวเองเบาๆ “ขอโทษทีนะ พอดีฉันลืมสนิทเลยน่ะ เดี๋ยวฉันจะลองนัดดูให้นะ หากตอนเที่ยงเขาว่างล่ะก็จะได้นัดให้เลยดีไหม?” “ถ้าอย่างนั้นเธอโทรไปหาเขาหน่อยสิ” เฉียวเยว่เมิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้พลางส่งข้อความเสียงไปหาเห้ออี้ลั่ว “คุณเศรษฐี ตอนเที่ยงนายว่างรึเปล่า? เพื่อนของฉันอยากจะไปกินข้าวด้วยกันกับนายน่ะ แถมอยากจะไปชื่นชมความหล่อของนายแบบระยะใกล้ด้วย” เสี่ยวอันเห็นข้อความถูกส่งออกไปแล้วเธอก็กลับไปทำงานด้วยสีหน้าพออกพอใจ ... ทันทีที่เห้ออี้ลั่วมาถึงที่ทำงานเข้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูพลางกดเปิดข้อความเสียงที่ถูกส่งมา พอฟังจบเขาก็หัวเราะขึ้นอย่างช่วยไม่ได้พลางตอบกลับไป “ว่างสิ ถ้าอย่างนั้นตอนเที่ยงผมจะไปรับนะ” พลันผู้ช่วยนำเอกสารมาส่งพอดี พอเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเห้ออี้ลั่วก็แอบตกใจอยู่เล็กน้อย เขาทำงานเป็นผู้ช่วยของเห้ออี้ลั่วมาได้ห้าปีแล้วแต่ยังไม่เคยเห็นเห้ออี้ลั่วยิ้มเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาจะทำหน้านิ่งๆ เหมือนหุ่นจำลองมาตลอดจนเขาคิดว่าเส้นประสาทบนใบหน้าของเห้ออี้ลั่วคงจะตายด้านไปแล้วด้วยซ้ำ พอตอนนี้ได้มาเห็นแบบนี้เข้าก็รู้ได้ทันทีว่าหน้าเขาไม่ได้เป็นอัมพาตแต่อย่างใด เพียงแค่ขี้เกียจที่จะแสดงอารมณ์ออกมาก็เท่านั้นเอง หลังจากที่รับมารอยยิ้มของเขาก็เริ่มอ่อนลงแล้วถามขึ้น “หนังสือสัญญาของติ่งเซิ่งหรือ?” บริษัทมีเดียติ่งเซิ่งอยู่ภายใต้นามบริษัทเห้อซื่อ ทั้งเชี่ยวชาญการทำรายการทีวีและโฆษณา “ใช่ครับ ทางบริษัทติ่งเซิ่งเพิ่งจะส่งเอกสารตัวนี้มา เป็นการเซ็นสัญญาการทำงานกับโม่มู่เฉินก่อนหน้านี้ครับ เมื่ออาทิตย์ก่อนขณะที่โม่มู่เฉินกำลังถ่ายหนังเกิดอุบัติเหตุขึ้นพอดี ตอนนี้กำลังทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลครับ วันนี้พวกเราคงจะได้คุยกับคุณหานเรื่องการจัดเตรียมค่าชดเชย ให้คุณหานร่างสัญญาค่าชดเชยขึ้นมาหนึ่งฉบับ ผมจะเป็นจัดการเองครับ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 63 คุณหมอเฉียวไม่ได้มีเรื่องกับครอบครัวใช่ไหม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A