บทที่ 64 ไม่เข้ากับคุณเศรษฐีเอาเสียเลย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 64 ไม่เข้ากับคุณเศรษฐีเอาเสียเลย
บ๗ที่ 64 ไม่เข้ากับคุณเศรษฐีเอาเสียเลย เห้ออี้ลั่วรับสัญญาฉบับนั้นมาพลางดูไปด้วยถามไปด้วย “ได้ตรวจสอบถึงสาเหตุของอุบัติเหตุหรือยัง? “เป็นเพราะการทำงานของช่างไฟกับแรงงานไม่เหมาะสมครับ” เห้ออี้ลั่วพูดเสียงขรึมพลางขมวดคิ้ว “จะบอกว่าคนพวกนี้เป็นพนักงานชั่วคราวใช่หรือเปล่า?” “เอ่อคือ...” “ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงในการตรวจสอบ หลังจากนั้นผมจะรอฟังข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนะครับ” “ครับผม” หลังจากสิ้นคำเห้ออี้ลั่วยังเห็นเขายังไม่ขยับไปไหนจึงถามขึ้น “ยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า?” “เมื่อสักครู่ผมได้รับโทรศัพท์จากส่วนหน้ามาครับ เขาบอกว่ามีคนที่ชื่อลั่วหย่าเอ่อต้องการจะพบคุณ เธอบอกว่าเธอเป็นน้องสาวของคุณหญิงครับ” ใบหน้าของเห้ออี้ลั่วไม่ได้ตอบสนองใดๆ “ให้เธอเข้ามาได้” “ครับผม” ผู้ช่วยพลางรีบรินชาให้เห้ออี้ลั่วอย่างที่เคยฝึกมาอย่างดีก่อนจะออกไปจัดการเรื่องที่ได้รับมา หลังจากที่เห้ออี้ลั่วนำสัญญาค่าชดเชยฉบับนั้นมาอ่านจนจบเขาก็ใช้ปากกาวงแบ่งแต่ละข้อความไว้ หานจื่อยิงเป็นผู้หญิงมากความสามารถจำนวนน้อยๆ ที่พบเห็น เพราะฉะนั้นสัญญาฉบับนี้ที่ถูกส่งมาควรจะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ครั้งนี้เกิดความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะเธอตั้งใจหรือว่าเรื่องนี้มันเกินกว่าที่เธอจะควบคุมได้กันนะ? ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เข้ามาได้” ผู้ช่วยพลางพาลั่วหย่าเอ่อเข้ามาในห้องทำงาน เห้ออี้ลั่วปิดเอกสารลงพลางพูดขึ้น “อีกหนึ่งชั่วโมงให้คุณหานโทรหาผมด้วยนะครับ ส่วนคุณก็เอาเอกสารนี้กลับไป” “ครับผม” ผู้ช่วยรินชาให้ลั่วหย่าเอ่อพลางหยิบเอกสารเดินออกไป สายตาของเห้ออี้ลั่วตอนนี้จับจ้องอยู่ที่ลั่วหย่าเอ่อ ลั่วหย่าเอ่อเองก็ส่งรอยยิ้มที่ดูเขินอายกลับมาพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “สวัสดีค่ะ ที่ฉันมากะทันหันแบบนี้ไม่ได้รบกวนการทำงานของคุณใช่ไหมคะ?” “ไม่หรอกครับ แล้วคุณเองว่างพอดีหรือครับถึงมาได้? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเมิ่งเมิ่งพูดถึงเลย” “ตัวพี่สาวเองอาจจะลืมก่อนได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็เตือนเธอมาหลายรอบแล้ว เธอไม่ได้บอกคุณสักครั้งเลยหรือคะ?” ลั่วหย่าเอ่อพูดอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว “ตัวพี่สาวเองก็มีงานเยอะ อาจจะลืมก็ได้ค่ะ” คำพูดพวกนี้เธอต้องพูดเองเออเองเอาแน่นอน อย่างแรกคือเพื่อให้ตัวเองได้มาอยู่ตรงหน้าของเห้ออี้ลั่ว อย่างที่สองเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเฉียวเยว่เมิ่งต่อหน้าของเขา ขณะเดียวกันเธอก็สามารถเพิ่มความรู้สึกดึงดูดที่มีต่อเธอได้ด้วย เห้ออี้ลั่วเองก็ไม่ได้พูดอะไรพลางถามขึ้นต่อ “วันนี้ที่คุณมามีธุระอะไรหรือ?” ลั่วหย่าเอ่อส่งรอยยิ้มที่ดูเขินอายออกมา “พอดีที่เรียนปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจะมีฝึกงานปลายปีน่ะคะ ก็เลยจะมาขอฝึกงานที่นี่ในนามของพี่สาวน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่คะ?” “แล้วคุณเอาข้อมูลส่วนตัวมาด้วยรึเปล่า?” “เอามาค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเอกสารประวัติพวกนั้นให้ผู้ช่วยของผมนะ เขาจะเป็นคนบันทึกประวัติลงไปในฐานข้อมูลของบริษัทให้ จากนั้นในระบบก็จะคัดเลือกเอาตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณ แบบนี้ได้รึเปล่า?” ตัวลั่วหย่าเอ่อเองนำประวัติของเธอไปวางอยู่บนโต๊ะของเห้ออี้ลั่วแล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้เธอก็รู้สึกเก้งก้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้แล้วก็หยิบกลับมา “ได้สิคะ คงต้องรบกวนพี่เขยแล้วล่ะ” “บริษัทของผมเองก็อยากได้คนที่มีความสามารถแต่ล่ะประเภทเข้ามาทำงาน การทำแบบนี้จะดีต่อทั้งสองฝ่ายนะครับ” เห้ออี้ลั่วพลางมองดูเวลาที่ตัวเองจดไว้ “พอดีอีกสิบนาทีผมต้องไปประชุมแล้ว เชิญคุณคุยกับผู้ช่วยของผมก่อนได้นะครับ เขาจะเป็นคนแนะนำบริษัทเห้อซื่อให้ฟังโดยคร่าวๆ เอง เสร็จแล้วตอนเที่ยงผมมีนัดกินข้าวกับเมิ่งเมิ่ง หากคุณว่างคุณก็มาด้วยกันได้นะครับ” “ดีค่ะดี พอดีฉันไม่ได้เจอพี่นานแล้ว คิดถึงเธอมากๆ เลย” ลั่วหย่าเอ่อพูดอย่างดีใจ เธอไม่กล้าที่จะรบเร้าเห้ออี้ลั่วอีกจึงหยิบเอกสารแล้วก็เดินออกไป หลังจากที่ปิดประตูห้องทำงานเรียบร้อยแล้วลั่วหย่าเอ่อก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเห้ออี้ลั่วอีกรอบ แต่สายตาของเห้ออี้ลั่วไปตกอยู่ที่โน๊ตบุ๊คในมือของเขาตั้งนานแล้ว ด้วยนิสัยที่สุขุมและวางตัวเป็น...รูปร่างหน้าตาที่ดูโดดเด่น...เสื้อผ้าแบบตะวันตกที่สั่งทำขึ้นพิเศษ...แม้แต่เส้นผมแต่ล่ะเส้นยังดูสวยงามและอ่อนช้อยเลย ผู้ชายแบบนี้แถมยังอยู่ใกล้เธอแบบนี้ ใกล้ถึงขนาดยื่นมาไปคว้าได้ เธออยากจะไปยืนอยู่ข้างกายผู้ชายคนนั้น เธออยากมีค่าอยู่ในสายตาของเขา! เห้ออี้ลั่วที่กำลังดูกราฟตลาดหุ้นในมือของเขาอยู่พลางยิ้มอย่างเยือกเย็น หุ้นส่วนของตระกูลเวินตั้งแต่เปิดราคาในตลาดจนถึงตอนนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงราคาตลาดก็หายไปหลายพันล้านแล้ว อาจไม่ต้องรอถึงตอนบ่ายหรอก ตอนสายๆ นี้ก็สามารถเรียกประชุมเร่งด่วนเพื่อหาวิธีรับมือได้ทันที และเขาจะไม่ให้โอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง! ขณะที่ตกอยู่ในความคิด เห้ออี้ลั่วก็ส่งสายตาสงบนิ่งเยือกเย็นออกมาไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว ... ในตอนเช้านอกจากที่เฉียวเยว่เมิ่งไปตรวจตามห้องต่างๆ แล้วก็ได้เข้าร่วมการประชุมการติดตามผลรักษาของคุณโม่มู่เฉิน การประชุมระดับนี้เธอเป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น หลังจากที่ได้ฟังหัวหน้ากับผู้อำนวยการวิเคราะห์กันถึงเรื่องอาการบาดเจ็บบนร่างกายของคุณโม่มู่เฉินก็ได้พูดถึงวิธีการรักษาในแต่ละแบบและคาดคะเนอัตราการฟื้นฟูของเขา และยังต้องทำการรักษาอย่างละเอียดเพื่อพร้อมที่จะรับมือได้ทุกสถานการณ์ ขณะที่เธอกำลังฟังอยู่ก็รู้สึกว่าข้อมูลแต่ละอย่างตีกันในสมองมั่วไปหมด เธอไม่กล้าที่จะขาดสมาธิไปแม้แต่วินาทีเดียว เวลาผ่านไป นี่มันรู้สึกเหนื่อยกว่าการปฏิบัติงานจริงๆ เสียอีกนะเนี่ย หลังจากที่เธอกลับไปที่ห้องทำงานเสี่ยวอันกับเสี่ยวเป่าเองก็กำลังเล่นกันอยู่ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เฉียวเยว่เมิ่งรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางเดินออกมารอที่หน้าประตูหลักของโรงพยาบาล หลังจากที่พวกเธอยืนรอกันได้ไม่นานก็เห็นรถของเห้ออี้ลั่วกำลังขับมาทางนี้ พลางโบกมือให้เขาไปมา เห้ออี้ลั่วขับมาถึงเขาก็รีบลงจากรถไปเปิดประตูให้พวกเธอ เสี่ยวอันก้มตัวนั่งไปในรถอย่างอัตโนมัติ พอเธอเห็นลั่วหย่าเอ่อนั่งอยู่ด้านในเธอก็เกิดความสงสัยขึ้นมา คิดว่าคงเป็นผู้ช่วยของเห้ออี้ลั่วจึงส่งเสียงทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินก็พลางมองตามไปด้วยพอเห็นก็อุทานออกมา “หยาเอ่อเหรอ?” ลั่วหย่าเอ่อโผล่หัวออกมาพลางยิ้ม “พี่ วันนี้หนูไปสัมภาษณ์ที่บริษัทของพี่เขยมา ก็เลยถือวิสาสะติดรถไปกินข้าวด้วยนะคะ” “จริงหรอ? แล้วสัมภาษณ์ผ่านรึเปล่า?” ลั่วหย่าเอ่อได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจนิดๆ อะไรคือการถามว่าสัมภาษณ์ผ่านรึเปล่ากัน? อย่างไรก็ตามลั่วหย่าเอ่อเองก็เป็นนักศึกษาระดับปริญญาโท กับแค่การสัมภาษณ์เล็กน้อยแค่นี้จะไปยากอะไร? นี่เฉียวเยว่เมิ่งดูถูกเธอขนาดนี้เชียวหรือ? ถึงแม้ในใจเธอจะคิดแบบที่ว่ามานี้แต่เธอก็ยังยิ้มตอบกลับไป “ก็ต้องรอดูพี่เขยน่ะค่ะว่าเขาจะว่าอย่างไรแต่เขาไม่ยอมพูดอะไรเลยนี่สิหนูก็เลยไม่กล้าที่จะพูดจาอะไรเหลวไหลน่ะค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งเองก็เข้าไปนั่งด้านในรถตามที่เห้ออี้ลั่วเปิดประตูให้เธอ “เธอเองก็เก่งแบบนี้ตัวพี่เขยไม่มีทางที่จะปล่อยเธอหลุดมือไปแน่นอนหรอก” หลังจากที่เห้ออี้ลั่วกลับมานั่งในรถเขาก็ถามเฉียวเยว่เมิ่งขึ้น “คิดได้รึยังว่าจะไปกินอะไรกัน?” เฉียวเยว่เมิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางพูด “อืม...แพง...แล้วก็อร่อย” “นี่คุณพอจะมีคำขอแบบอื่นบ้างรึเปล่าเนี่ย?” เห้ออี้ลั่วได้ยินก็หยุดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ง่ายเลยนะที่นายจะมีโอกาสได้ออกมาเลี้ยงข้าวแบบนี้ ถ้าไม่หาของแพงสักหน่อยก็ไม่สมฐานะของนายสิ” “เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาพวกคุณไปกินภัตตาคารส่วนตัวละกัน ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมาก กินเสร็จก็ยังมีเวลาพักกลางวันอีกตั้งเยอะ” “อืมอืม ขอบคุณนะคะคุณเศรษฐี” ในใจของลั่วหย่าเอ่อพลันเกิดความเกลียดชังขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินประโยคที่ทั้งสองคนคุยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินเฉียวเยว่เมิ่งสูงไปหน่อย ส่วนเสี่ยวอันเองก็รู้สึกได้ว่าประโยคที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นช่างน่ารักเสียเหลือเกิน คล้ายบรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยสีชมพูอย่างไรอย่างนั้นแหละ ... หลังจากขับรถมาได้ไม่กี่สิบนาทีก็ถึงภัตตาคารที่ว่าแล้ว ภัตตาคารที่ว่าสร้างเป็นอุโมงค์เล็กๆ อยู่ติดกับแม่น้ำ อีกทั้งปลูกต้นไทรย้อยรอบๆ อยู่มากมาย
已经是最新一章了
加载中