บทที่ 65 เลิกเอาเปรียบสามีฉันได้แล้ว
1/
บทที่ 65 เลิกเอาเปรียบสามีฉันได้แล้ว
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 65 เลิกเอาเปรียบสามีฉันได้แล้ว
บ๗ที่ 65 เลิกเอาเปรียบสามีฉันได้แล้ว เห้ออี้ลั่วขับรถเข้าไปในลานด้านในที่ออกจะดูโบราณคร่ำครึหน่อยๆ หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูรถให้ทุกคนบนรถเดินออกมา แล้วเขาก็จูงมือเฉียวเยว่เมิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อนำทาง พวกเขาเดินคู่กันไปอย่างดูเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งทำให้คนที่เดิมตามหลังอย่างลั่วหย่าเอ่อกับเสี่ยวอันรู้สึกอิจฉาขึ้นมาหน่อยๆ เสี่ยวอันเองก็แอบหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปที่ทั้งสองคนกำลังจูงมือกันอยู่ ถึงแม้ว่าคุณเฉียวจะยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ถูกทำตัวเหนือกว่าแต่อย่างใด ยิ่งทำให้เธอรู้สึกนับถือขึ้นไปอีก เห้ออี้ลั่วมุ่งตรงไปยังห้องที่มีเสื่อผืนหนึ่งปูอยู่ ด้านบนเสื่อนั้นก็มีโต๊ะชาเล็กๆ วางอยู่อย่างพิถีพิถัน บนโต๊ะชาเล็กๆ ตัวนั้นก็มีชุดชาที่ดูหรูหราโอ่อ่าพร้อมทั้งขนมปังหลากหลายอย่างที่ทำขึ้นอย่างละเอียดลออและประณีตเป็นอย่างมาก เห้ออี้ลั่วพลางอธิบายขึ้น “อาหารอาจจะใช้เวลาเตรียมสักนิดหน่อย ถ้าอย่างนั้นผมจะต้มชาให้ก่อนนะครับ” สายตาของเสี่ยวอันตอนนี้ตกไปอยู่กับเห้ออี้ลั่วอย่างละสายตาไม่ได้แล้ว ขณะที่เห้ออี้ลั่วปล่อยมือจากเฉียวเยว่เมิ่งเสี่ยวอันก็พุ่งเข้ามากอดจนเธอร้องอุทานออกมา “นี่คุณเฉียว ให้ฉันได้กอดสักหน่อยนะไม่อย่างนั้นฉันคงอดไม่ได้ที่จะพุ่งไปกอดคุณเห้อแน่ๆ” เธอบุ้ยปากไปทางเห้ออี้ลั่วพลางพูด “อยากไปก็ไปสิ ฉันไม่ห้ามเธอหรอกนะ” “ฉันไม่กล้าน่ะ” เสี่ยวอันพลางจ้องเห้ออี้ลั่วที่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นอย่ามาโอดครวญทีหลังนะ” เห้ออี้ลั่วฟังทั้งสองคนพูดกันอย่างสนุกสนาน ผลก็คือได้อภิสิทธ์เหนือกว่าอย่างไรก็ยังเป็นรองอยู่อย่างนั้น เขารินชาใส่แก้วพลางยกวางไปตรงหน้าของทั้งสามคน “ลองชิมดูสิครับ” เสี่ยวอันยกขึ้นจิบอย่างรวดเร็วทำให้เธอเม้มปากหายใจเข้าออกแรงๆ เพราะความร้อนของชาลวกปาก เธอรู้สึกอายอยู่หน่อยๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเธอจึงพูดกับเห้ออี้ลั่วขึ้นว่า “คุณเห้อ ฉันนับถือคุณมากๆ เลยนะคะ แล้วก็นับถือคุณเฉียวเป็นพิเศษด้วย ฉันเห็นคุณเฉียวอยู่ทุกวันแต่กับคุณเห้อแล้วมีโอกาสน้อยมากที่ฉันจะได้เจอ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปช่วยถ่ายรูปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ? ช่วยทำให้ความฝันเล็กๆ ของผู้หญิงตัวน้อยๆ คนนี้เป็นจริงด้วยนะคะ” “ได้สิครับ” ได้ยินเสี่ยวอันก็รีบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไปอยู่ข้างๆ ของเห้ออี้ลั่วทันที พลางชูสองนิ้วขึ้นเป็นรูปตัววีอยู่ด้านหลังของเขา เฉียวเยว่เมิ่งเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปให้พวกเขาอยู่หลายภาพพลางพูด “พวกเธอเปลี่ยนท่ากันหน่อย เสี่ยวอัน ท่าของเธอนี่มันเหมือนกับเด็กปัญญาอ่อนจริงๆ เลยนะ รีบเปลี่ยนให้ไวเลย” ได้ยินดังนั้นเสี่ยวอันก็รีบคล้องแขนของเห้ออี้ลั่วไว้ทันทีอย่างไม่อายพร้อมทั้งยิ้มหน้าระรื่น เฉียวเยว่เมิ่งถ่ายรูปไปให้อีกหลายต่อหลายรูป ผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้นว่า “พอแล้ว รีบปล่อยมือได้แล้ว อย่ามาฉวยโอกาสสามีฉันนะ” “คุณเฉียว นี่คุณจะเปลี่ยนสีหน้าเร็วไปแล้วนะ” เสี่ยวอันตะโกนอย่างไม่พอใจนิดๆ “สามีฉันใครเห็นใครก็รักใครก็หลง แม้แต่เดินผ่านดอกไม้ดอกไม้ยังบานรับเลย ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้ดีดี” เสี่ยวอันไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยแต่เธอกลับรีบออกห่างจากเห้ออี้ลั่วอย่างรวดเร็วจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูภาพที่ถ่ายไว้ เธอดูภาพในโทรศัพท์อย่างไม่รีบร้อนพลางดึงลั่วหย่าเอ่อมาดูด้วยกันพร้อมพูดไปด้วยดูไปด้วย “คุณเห้อของฉันดูดีไปทุกสามร้อยหกสิบองศาแบบนี้ หน้าตาธรรมดาๆ อย่างฉันเองก็ถูกทำให้หน้าตาดีไปด้วยเลยนะเนี่ย” สายตาของลั่วหย่าเอ่อตอนนี้จับต้องไปที่ใบหน้าของเห้ออี้ลั่วอย่างไม่ละสายตา เธอมองหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาอีกทั้งแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั่นอีก ใจของเธอเต้นระรัวขึ้นมาทันที เห้ออี้ลั่วถือโอกาสที่เสี่ยวอันกำลังดูภาพถ่ายเหล่านั้นอยู่แอบมาหยิกเฉียวเยว่เมิ่งก่อนพูดขึ้นเสียงเบา “พอใจรึยังล่ะ?” “ขอบคุณคุณเศรษฐีนะคะที่ให้ความร่วมมือ” เฉียวเยว่เมิ่งส่งเสียงออกมาอย่างเข้ากันได้ ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟเรียบร้อย อาหารแต่ละอย่างส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกมาเป็นอย่างมาก อีกทั้งการตกแต่งจานเองก็ช่างวิจิตรงดงาม ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกปลาบปลื้มใจขึ้นเป็นกอง บนโต๊ะอาหารบางครั้งเห้ออี้ลั่วทำหน้าที่ตักอาหารให้ทั้งสามคน บางครั้งก็แนะนำอาหารไปด้วย พยายามไม่ทำให้พวกเธอรู้สึกโดดเดี่ยวหรือมีส่วนร่วมมากเกินไป เขาดูแลทุกคนเท่าเทียมกันหมด อาหารมื้อนี้เองก็ทำให้เสี่ยวอันตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาพลางกินอาหารตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว ... หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็พากันกลับมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงเฉียวเยว่เมิ่งก็โดนหัวหน้าเรียกตัวไปที่ห้องทำงานทันที “หัวหน้าคะ เกิดเรื่องอะไรหรือคะ?” “โม่มู่เฉินอยากพบเธอน่ะ” “พบฉันไปเพื่ออะไรกันคะ? ฝีมือฉันก็ยังไม่ได้ อารมณ์ก็ไม่ดี ฉันอาจจะทำให้เขาหายได้หรืออารมณ์ดีได้อย่างนั้นหรือคะ?” “เธอถามฉันแล้วฉันจะถามใครล่ะ?” หัวหน้าส่งเสียงหึพลางยื่นกระดาษส่งให้เฉียวเยว่เมิ่ง “บนกระดาษเป็นเลขห้องของโม่มู่เฉิน เธอไปเองเถอะ” เฉียวเยว่เมิ่งรับกระดาษแผ่นนั้นมาพลางกวาดตามองรอบหนึ่ง “อารมณ์ของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ?” “เธอไปเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ” “ชิ...คงไม่พ้นโดนสายตาดูหมิ่นมองมาอีกแน่ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว” พูดจบเธอก็เดินออกไป ระหว่างนั้นหัวหน้าก็พูดเสริมไล่หลังออกมา “พยายามมีไหวพริบหน่อยนะรู้ไหม? อย่าไปให้ใครด่าได้ฟรีๆ ล่ะ” “รู้แล้วค่า ลองเขากล้าด่าฉันดูสิ ฉันจะจับถลกหนังออกให้หมดเลยจริงๆ เชียว” หัวหน้าเองก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ... เฉียวเยว่เมิ่งเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกผู้ป่วยอย่างช้าๆ ชั้นบนสุดนี้เป็นห้องวีไอพีทั้งหมด ครึ่งหนึ่งเป็นห้องผู้ป่วย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสวนดอกไม้ การมีบรรยากาศดีดีแบบนี้ก็ช่วยให้ผู้ป่วยต่างๆ หายเบื่อได้ หลังจากที่เฉียวเยว่เมิ่งเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยก็เคาะประตูขึ้น “คุณม่อคะ สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นหมอของโรงพยาบาลนี้ชื่อว่าเฉียวเยว่เมิ่ง ดิฉันเข้าไปได้ไหมคะ?” เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ ตอบรับกลับมา เฉียวเยว่เมิ่งลองเคาะใหม่ดูอีกรอบหนึ่งจู่ๆ ก็มีเสียงที่ดูแข็งกร้าวดังออกมาจากในห้อง “เข้ามา!” เฉียวเยว่เมิ่งผลักประตูเข้ามาด้านใน สิ่งที่เธอเห็นทันทีคือห้องผู้ป่วยที่ดูกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบไปหมด ทั้งผ้าปูที่นอน กาต้มน้ำและอาหารต่างๆ ก็กระจัดกระจายอยู่ในห้องเต็มไปหมด แม้แต่โม่มู่เฉินเองก็ตกไปอยู่ข้างๆ เตียง ไม้ค้ำเองก็กระเด็นห่างจากตัวเขาไปประมาณสามเมตรเห็นจะได้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของโม่มู่เฉินถูกผ้าพันแผลพันไว้อยู่ จึงมีแค่ใบหน้าครึ่งเดียวเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น สายตาที่เขาจ้องมาที่เฉียวเยว่เมิ่งคล้ายกับเหยี่ยวที่กำลังล่าเหยื่อทิ่มแทงเข้ามาที่เธออย่างเกลียดชัง เฉียวเยว่เมิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสายตาที่กำลังจับจ้องเธออยู่ตอนนี้ เธอเดินไปหาโม่มู่เฉินอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจขาเธอที่กำลังเจ็บอยู่แต่อย่างใด “คุณม่อคะ ดิฉันจะช่วยพยุงคุณขึ้นมาเองนะคะ” “เธอกะจะมาเยาะเย้ยฉันใช่ไหม?” “พอดีดิฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้นนะคะ” เฉียวเยว่เมิ่งก้มตัวลงไปพยุงโม่มู่เฉินขึ้นมา “บนพื้นมันเย็นนะคะ อย่านั่งลงไปบนพื้นจะดีกว่านะคะ” ม่อมู่เฉิงสะบัดมือของเธอออก “ไปให้พ้น!” “คุณอยากให้ดิฉันมาก็มา อยากให้ไปก็ไปแบบนี้หรือคะ? ในสายตาคุณเห็นหมอเป็นอะไรกันแน่คะเนี่ย?” เฉียวเยว่เมิ่งหัวเราะ พูดจบเธอก็โอบด้านหลังเขาพลางพยุงลุกขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรแค่ไหน พลางวางตัวเขาลงไปบนเตียงอย่างนุ่มนวล เธออุ้มไปพลางหายใจกระหืดกระหอบไปด้วยแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่นะคะ หน้าที่ของฉันอันดับแรกคือทำให้คุณหายดี กรุณาเก็บอารมณ์โกรธ ไม่สงบ เกลียดพวกนี้ไปก่อนนะคะ อีกอย่างคุณเองก็เป็นถึงดารา มีคนตั้งหลายคนอยากจะมาดูแลคุณและภาวนารอให้คุณหายดีเพื่อจะได้กลับไปโลดแล่นในเวทีได้อีกครั้ง หากคุณไม่ให้ความร่วมมือกับหมอและพยาบาลจะให้รักษาให้หายดีมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งไม่สนใจว่าโม่มู่เฉินจะฟังหรือไม่ฟัง เธอยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “คุณเองอาจจะรู้สึกไม่โอเคกับเรื่องเหล่านี้แต่ก็ยังมีจุดที่โชคดีอยู่บ้าง หลังจากที่คุณได้รับบาดเจ็บประมาณสองชั่วโมงก็มีคนประสานงานไปให้ผู้อำนวยการได้รับรู้ ฝีมือของผู้อำนวยการเองคุณก็น่าจะเชื่อใจได้อยู่แล้วเขาไม่มีทางทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของคุณแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้คุณกลับไปเหมือนเมื่อก่อนได้เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน หากคุณไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็แม้ฝีมือของผู้อำนวยการจะเก่งกาจแค่ไหนก็คงจะช่วยคุณไม่ได้แน่นอนค่ะ คนส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีแบบคุณเลยนะคะ” “ใครใช้ให้เธอพูดเรื่องพวกนี้กัน?” แววตาของโม่มู่เฉินยิ่งมืดมัวลงไปอีก เขาจ้องหน้าของเฉียวเยว่เมิ่งด้วยแววตาที่คล้ายกับเหยี่ยวที่ตายแล้วไร้ชีวิตชีวา “ไม่ได้มีใครใช้ให้พูดหรอกค่ะดิฉันพูดของฉันเอง ตอนที่คุณเข้ารับการผ่าตัดดิฉันเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย ผู้อำนวยการกับหัวหน้าต่างก็จัดการกับบาดแผลต่างๆ ของคุณอย่างแม่นยำ เพียงแค่คุณให้ความร่วมมือก็คงไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน ดิฉันเชื่อว่าคุณเองก็น่าจะเข้าใจในจุดนี้นะคะ แต่ทำไมตอนนี้คุณต้องทำให้ขั้นตอนต่างๆ มันยุ่งยากขึ้นไปด้วย? คุณคิดว่าการทำแบบนี้ทำให้คุณรู้สึกว่ามีตัวตนหรือคิดว่าจะทำให้เกิดร่องรอยแผลไว้เป็นความทรงจำอย่างนั้นหรือคะ?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 65 เลิกเอาเปรียบสามีฉันได้แล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A