บทที่ 67 คิดถึงรึเปล่า   1/    
已经是第一章了
บทที่ 67 คิดถึงรึเปล่า
บ๗ที่ 67 คิดถึงรึเปล่า “จริงเหรอ? ขอบคุณนะคุณเศรษฐี จริงๆ แล้วนายไม่ต้องมาแบบนี้ก็ได้ ที่ผ่านมาฉันก็เข้ามาแบบนี้ปกติอยู่แล้ว สบายมาก ฉันเองก็กินข้าวมาบ้างแล้วด้วย” เฉียวเยว่เมิ่งยิ้มกว้าง “นายมาดึกขนาดนี้ แล้วเสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไหม?” “เขาหลับไปแล้วน่ะ” “อ้อ..อืม” เฉียวเยว่เมิ่งเปิดกล่องอาหารขึ้นพลางพบว่าเป็นอาหารที่เธอกินที่ภัตตาคารเมื่อตอนเที่ยงนี้เอง ด้านในกล่องเป็นพวกซุป เค้กและผลไม้ ทุกๆ อย่างล้วนประดับประดาได้อย่างสวยงาม เฉียวเยว่เมิ่งมองส่วนต่างๆ พลางขมวดคิ้วขึ้น “นี่คือส่วนที่เก็บไว้แบ่งคนอื่นหรือส่วนที่เก็บไว้กินเองกันแน่คะเนี่ย? นายมาส่งให้ฉันแบบพิเศษอย่างนี้ ฉันไม่คิดอยากจะแบ่งให้ใครเลยจริงๆ นะ” เห้ออี้ลั่วถูกการแสดงออกที่ดูเขินๆ เล็กน้อยนั่นเล่นงานเข้าให้แล้ว “ด้านหลังคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็มีอีกกล่องที่เอาไว้แบ่งให้คนอื่นด้วยเหมือนกันน่ะ” พลันแววตาของเฉียวเยว่เมิ่งก็เป็นประกายขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันเอาไปแบ่งให้คนอื่นๆ ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องทนไม่ได้แน่ๆ เลย” “อืม” พบจบเธอก็ผละไป ไม่กี่นาทีต่อมาก็กลับมาอย่างรวดเร็วพลางแสดงสีหน้าอารมณ์เบิกบานอย่างเห็นได้ชัด เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเรื่องดีดีแบบนี้ตั้งแต่ได้เข้าเวรกะดึกมาเลย เฉียวเยว่เมิ่งถือกล่องอาหารนั้นเดินไปโซฟากับโต๊ะเล็กๆ หนึ่งตัวที่วางอยู่ในห้องทำงานของเธอ ชุดโซฟากับโต๊ะนี้เป็นของที่เธอยอมควักเงินจ่ายเอง ส่วนใหญ่แล้วของในห้องทำงานปกติที่มีก็จะเป็นโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เตียงผู้ป่วย ตู้เอกสารและก็สิ่งของอื่นๆ ที่สามารถนำมาตกแต่งเองได้ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตกแต่งอะไรเพิ่มเท่าไหร่นัก เดิมทีแล้วเธอก็เป็นคนที่ไม่ชอบนั่งเก้าอี้ที่ไม้แข็งๆ นานๆ ดังนั้นเธอจึงซื้อชุดโซฟามาเองเลย จะเป็นผู้ป่วยหรือเวลาที่เพื่อนร่วมงานพักผ่อนกันก็สามารถมาพักผ่อนกันได้ มันจึงสะดวกมาก ชุดคลุมโซฟาเองก็สามารถนำกลับไปซักเองได้ทำให้มันยังคงความสะอาดไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เฉียวเยว่เมิ่งแบ่งอาหารในกล่องเป็นสองชุดพลางยื่นส่งไปให้เห้ออี้ลั่ว ส่วนเธอเองก็ถือกล่องอาหารขึ้นแล้วหยิบช้อนตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เห้ออี้ลั่วเห็นเธอกินได้แบบนั้นเขาเองก็เริ่มกินบ้าง เฉียวเยว่เมิ่งกินไปด้วยพูดไปด้วยขึ้น “คุณเศรษฐี มีเรื่องที่อยากจะถามสักหน่อยน่ะ นายอย่าโกรธนะ” “เรื่องอะไรหรือ?” “เรื่องที่ราคาตลาดหุ้นของบริษัทซินหรงตกลงวันนี้น่ะ...เป็นเพราะว่าพวกเขาหมายตาฉันเลยทำให้ตลาดหุ้นพวกเขาลำบากหรือเป็นเพราะนายใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะสั่งสอนพวกเขาอยู่แล้วกัน?” “แล้วคุณอยากฟังเหตุผลแบบไหนล่ะ?” “เอ่อ...” เฉียวเยว่เมิ่งถูกถามกลับ หากคิดตามใจอันไม่เฉลียวของเธอแล้วเธอชอบเหตุผลอันแรกมากกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนหัวหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกน้องเลย แต่หากเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็เธอคงต้องรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมากแน่นอน จริงๆ แล้วเป้าหมายของพวกเวินอันเหยียนนั้นไม่ค่อยใสสะอาดเท่าไหร่ จะถูกลงโทษก็สมควรแล้ว เธอเองก็รู้สึกว่ามันดีต่อทุกคนด้วย แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้ตระกูลเวินล้มละลาย เหมือนกับทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนได้ เห้ออี้ลั่วสังเกตเห็นท่าทางเก้งก้างของเธอพลางคิดอะไนตลกๆ ได้จึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบาบ้าง “พูดมาสิ” เฉียวเยว่เมิ่งดื่มซุปไปอึกนึงก่อนพูดขึ้น “จริงๆ แล้วฉันคิดว่าเหตผลอันแรกนะ แต่หากคิดในสถานกาณ์จริงๆ แล้วคงเป็นอันที่สองมากกว่า” “คุณเดาได้ถูกต้องเลย” “นายจะหลอกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ได้ลงคอเชียวหรือ? อย่างน้อยก็ช่วยเติมเต็มความฝันของฉันสักหน่อยสิ” เห้ออี้ลั่วยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “หากผมพูดไปคุณก็อาจจะไม่เชื่อก็ได้ ตอนที่คุณได้รับบาดเจ็บผมประเมินสถานกาณ์ไว้สองแบบ หนึ่งคือเหมารวมคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายกับคุณในอินเตอร์เน็ตครั้งก่อนเข้าไปด้วยทำให้เขาได้เห็นพลังจริงๆ ของสะใภ้ตระกูลเห้อ ส่วนอย่างที่สองคือตระกูลเวินหลายปีมานี้ทำเรื่องไม่ดีกับทั้งตระกูลเห้อและบริษัทเห้อซื่อมามาก ถึงอย่างนั้นเวินอันเหยียนก็เคยช่วยเสี่ยวเป่ามาก่อน อย่างน้อยก็มีบางเรื่องที่ยอมอ่อนข้อให้กันได้แต่ก็ไม่ตลอดไปหรอก ครั้งนี้ผมจะเป็นคนสอนบทเรียนให้กับพวกเขาเอง” “เรื่องพวกนี้จะไม่บานปลายใช่ไหม?” “จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีรับมือของพวกเขานั่นแหละ แต่ผมเอนเอียงไปทางที่ทำให้พวกเขาล้มละลายเสียมากกว่า” เฉียวเยว่เมิ่งได้ยินแบบนั้นก็มองเห้ออี้ลั่วอย่างประหลาดใจ เห้ออี้ลั่วเองก็ต้องเฉียวเยว่เมิ่งกลับด้วยใบหน้าที่เฉยๆ เช่นกัน เฉียวเยว่เมิ่งเห็นแบบนั้นแล้วทั้งน้ำเสียงที่พูดอย่างสบายๆ เหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จะมีใครคนไหนที่ทำให้บริษัทล้มละลายด้วยท่าทางสบายๆ แบบนี้ได้บ้างนะ? มันยากที่จะจินตนาการเหลือเกิน ... หลังจากกินอาหารรอบดึกกันเสร็จสรรพเห้ออี้ลั่วก็หยิบกล่องอาหารกลับไป หลังจากที่เฉียวเยว่เมิ่งไปส่งที่รถเสร็จเธอก็กลับมานั่งทีโซฟาตัวเดิมในใจพลางคิดเรื่องเมื่อสักครู่ไปมายากที่จะสงบลงได้ สิ่งที่เห้ออี้ลั่วแสดงให้เธอเห็นเป็นนิสัยที่ไม่มีทางเอาไปเปิดเผยให้ใครที่ไหนได้เห็นแน่นอน และนี่เกี่ยวกับเรื่องของเล่ห์เหลี่ยมของเห้ออี้ลั่วในธุรกิจอีกด้วยซึ่งเธอก็ลืมๆ มันไปบ้างเป็นปรกติอยู่แล้ว ถ้าหากวันหนึ่งเห้ออี้ลั่วทำแบบนั้นกับเธอขึ้นมาเธอคงไม่สาบสูญหายไปจากโลกนี้เลยหรือ? คิดถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เธอรู้สึกว่าต่อจากนี้เธอต้องทำอะไรระวังๆ หน่อยแล้วหากคอยดูแลเห้ออี้ลั่วกับเสี่ยวเป่าดีดีก็สามารถหลีกเลี่ยงอารมณ์แบบนี้ของเขาไปได้ เฮ้อ...ไม่กี่วันมานี้ช่างผ่านไปอย่างท้าทายเสียจริง ... ผ่านมาทั้งคืนเธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมเลย จมูกก็รู้สึกไม่ค่อยดีแต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสมาก เธอล้างหน้าเสร็จพลางไปหาอะไรง่ายๆ กินที่โรงอาหารของโรงพยาบาล เธอบิดตัวหาวทีหนึ่งก่อนจะกลับไปเริ่มงานต่อ เสี่ยวอันเองก็มาถึงพอดีพร้อมทั้งเอานมกับของกินเล่นนิดๆ หน่อยๆ มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเฉียวเยว่เมิ่ง “คุณเฉียว เธออย่าลืมกินของพวกนี้ด้วยนะ มันช่วยย่อยได้ง่าย” “ขอบคุณนะจ้ะ ฉันเองก็เพิ่งไปกินข้าวมาพอดี” “ถ้าอย่างนั้นก็รอหิวอีกรอบแล้วค่อยกินก็ได้นะ” “ขอบคุณจ้ะที่รัก” เสี่ยวอันหัวเราะหึพลางกลับไปทำธุระของตัวเองต่อ หลังจากที่เฉียวเยว่เมิ่งกินอเมริกาโน่ไปสองแก้วเธอก็เข้าห้องน้ำไปแต่งเพิ่มสีสันให้ใบหน้าของเธอหน่อย จะได้ดูสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น ยังดีที่ว่าตลอดคืนที่ผ่านมาไม่ได้มีเรื่องที่ต้องลงแรงอะไรมากมาย แค่ตรวจห้องผู้ป่วยเสร็จก็ไปฟังการจัดตารางงานช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ห้องทำงานหัวหน้าแค่นั้นเอง เธอต้องเข้ามาปฏิบัติงานตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ยี่สิบเก้า หลังจากนั้นมาเข้างานอีกทีก็วันที่สี่ถึงวันที่เจ็ดของปีใหม่ ส่วนเวลาอื่นจะมีหมอท่านอื่นๆ มารับหน้าที่แทน หมอแต่ละคนในแผนกของเธอนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเมืองเยว่โดยกำเนิด การปฏิบัติงานช่วงปีใหม่นี้จึงเป็นหน้าที่ของเธอกับหมออีกท่านหนึ่งไปโดยปริยาย ส่วนหมอคนอื่นๆ ก็ทำตามตารางงานของตัวเองตามปกติไป การทำแบบนี้เหมือนจะขัดต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ไปสักหน่อย ไม่มีใครยอมที่จะทำงานไปทั้งปีโดยไม่หยุดพักหรอกนะ พอถึงช่วงเวลาปีใหม่ของทุกปีในใจก็จะเริ่มลุกลี้ลุกลนกันทุกคน หลังจากเฉียวเยว่เมิ่งเอาตารางการทำงานของพนักงานทุกคนส่งเข้าไปในกลุ่มของแผนกตัวเองเสร็จเธอก็รีบเลิกงานกลับบ้านทันที พอกลับมาถึงบ้านพักของเธอเสี่ยวเป่ากับเชอหลุนก็รีบผลุนผลันออกมาต้อนรับ เชอหลุนเหมือนจะได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจากตัวของเธอจึงทำให้เขาหน้าบูดบู้บี้เหมือนสุนัขได้กลิ่นแสลงเลย แต่เสี่ยวเป่าไม่ได้ทำแบบนั้น เขายังคงวิ่งเข้ามากอดเฉียวเยว่เมิ่งไว้แน่น เฉียวเยว่เมิ่งใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่สะโพกแล้วอุ้มขึ้นมาพลางเดินเข้าไปในบ้านพักด้วยกัน “คิดถึงพี่รึเปล่า?” เสี่ยวเป่าผงกหัว “ถ้าอย่างนั้นเธอเล่นกับเชอหลุนไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปอาบน้ำแปปเดียว แล้วตอนเย็นพวกเรามาเล่นเตะบอลกันนะ?” จากนั้นเฉียวเยว่เมิ่งกลับมาอาบน้ำที่ห้องพลางแปะแผ่นมาส์กหน้าไว้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมามากเลย หลังจากทำอะไรเสร็จสรรพเธอก็เดินลงมาชั้นล่างพลางพบว่านอกจากเห้ออี้ลั่วแล้วก็ยังมีผู้ชายแปลกหน้าอีกสามคนนั่งอยู่ด้วย พวกเขาต้องอยู่ระดับเดียวกับเห้ออี้ลั่วแน่ๆ ดูจากลักษณะแล้วก็เสื้อผ้าที่สวมใส่ พอเห้ออี้ลั่วเห็นเธอเดินลงมาเขาก็ลุกขึ้นพลางวิ่งมาดึงมือเธอไปพูดด้วยอย่างแผ่วเบา “เมื่อสักครู่ผมเพิ่งไปโรงพยาบาลมาเพื่อจะไปรับคุณ แต่คุณดันกลับมาที่บ้านก่อนแล้วนี่สิ”
已经是最新一章了
加载中