บทที่ 68 เธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มี
1/
บทที่ 68 เธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มี
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 68 เธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มี
บ๗ที่ 68 เธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มี เฉียวเยว่เมิ่งรู้สึกเกรงใจนิดๆ “พอดีทุกอย่างมันมั่วตั้วไปหมดเลยน่ะ ฉันก็เลยลืมบอกนายไป” “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอย่างนั้นให้ผมได้แนะนำเพื่อนของผมหน่อยนะครับ คุณจะได้รู้จักหน้าคร่าตาไว้” “อืม...ค่ะ” เห้ออี้ลั่วพาเฉียวเยว่เมิ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนของเขาทั้งสามคนมีข่งซิวชิง เวินกู้และก็สูโม่ย่า “คนนี้คือเฉียวเยว่เมิ่ง เป็นพี่สะใภ้ของพวกเธอ” “สวัสดีพี่สะใภ้” ทั้งสามคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน หลังจากนั้นก็ผลัดกันแนะนำตัวทีละคน เฉียวเยว่เมิ่งเองก็ทักทายพวกเขาแต่ละคนเป็นลำดับไป หลังจากที่เสี่ยวเป่ากับเชอหลุนวิ่งเล่นกันที่ลานบ้านจนพอใจแล้วก็พากันกลับเข้ามาในบ้าน เสี่ยวเป่ามานั่งบนตักของเฉียวเยว่เมิ่งทันทีพลางหาท่านั่งสบายๆ ไปด้วย ข่งซิวชิงเห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้ส่งสายตาไม่ดีไปหาเสี่ยวเป่าแต่อย่างใด หลังจากที่ทุกคนร่วมกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยเห้ออี้ลั่วก็พาพวกเขาขึ้นไปบนชั้นสาม ที่ชั้นสามมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องออกกำลังกาย แถมยังมีห้องรับแขกแบบโปร่งแสงอีกด้วย ซึ่งห้องนี้สามารถชมบรรยากาศตอนกลางคืนภาพนอกได้ หลังจากนันเห้ออี้ลั่วก็นำเหล้าเข้ามาให้พวกเขา ข่งซิวชิงเองก็พลันยกเหล้ารินให้ทุกคน “ระดับการปรับตัวของเสี่ยวเป่าดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ ทำไมเขาถึงสนิทกับเฉียวเยว่เมิ่งได้อย่างง่ายดายแบบนี้กันนะ?” สูโม่ย่าเองก็พูดขึ้น “ถ้าพูดตามหลักเหตุและผลแล้วตอนที่เสี่ยวเป่ารู้จักพวกเราก็รู้จักกันมานานกว่าเฉียวเยว่เม่งเสียอีก การจะยอมรับพวกเรามันง่ายกว่ามาก แต่นี่ดันกลับกันอย่างเห็นได้ชัดเลย” “อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะ” เห้ออี้ลั่วตอบกลับ เวินกู้ที่เงียบมาตลอดกลับพูดขึ้น “อาจจะเป็นเพราะเฉียวเยว่เมิ่งให้ความรู้สึกเหมือนคนในครอบครัวก็เป็นได้นะ ส่วนพวกเราก็ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้” คำพูดของเวินกู้ทำให้ทุกคนตกลงไปในห้วงความคิดทันที เห้ออี้ลั่วก็สังเกตได้ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ผิดซะทีเดียว “จริงๆ แล้วตัวเธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มีสินะ” “พี่สอง พอเห็นพี่กับเฉียวเยว่เมิ่งแบบนี้แล้ว ผมเองก็อยากจะแต่งงานบ้าง” เวินกู้พูด “อยากแต่งงานก็ไปจีบหลันเฟยกลับมาซะสิ” “เธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว ผมเองก็กำลังคบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เธอเองก็ไม่เลวเลย ผมกะว่าผ่านปีใหม่ไปนี้จะขอเธอแต่งงาน” ข่งซิวชิงพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่ว่านายถูกหลันเฟยทิ้งไปอย่างนั้นหรือ?” “ผมอยากให้เธอได้เห็น อยากรู้ว่าเธอจะคิดอย่างไรหากผมปล่อยแฟนที่ผมคบมาสิบกว่าปีไปง่ายดายขนาดนี้” สูโม่ย่าเองก็พูดขึ้น “นายทำไมขี้งอนแบบนี้กัน หลังจากแต่งงานไปแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมกันนายก็จะเลิกกันแบบนี้หรอ?” “ผมเองก็ไม่ใช่ผู้หญิง หากจะหย่ากันผู้หญิงก็ต้องมาง้อผมสิจริงไหม?” ทั้งสามคนเห็นเขาพูดแบบนี้ก็หมดคำพูดไปโดยปริยาย ตระกูลเวินแต่ละคนเองก็เป็นคนหัวแข็งเข้าใจยากกันทั้งนั้น ยิ่งแนะนำไปก็เท่านั้น สูโม่ย่าพลันหาประเด็นอื่นพูดขึ้น “พี่สอง เรื่องของบริษัทซินหรงพี่จะทำอย่างไรต่อล่ะครับ? ไม่กี่วันมานี้บริษัทพวกเขาหยุดชะงัก เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นเพราะตระกูลของเวินกู้เขา?” เวินกู้แย่งพูดขึ้นทันควัน “ไม่มีทาง ทั้งเวินเจียเหาและเวินเจียเฟิ่งต่างก็ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลพวกเราตั้งนานแล้ว คุณปู่ของเราก่อนหน้านี้ก็คิดจะให้บทเรียนกับพวกนั้นเหมือนกันแต่คิดไปคิดมาด้วยความที่แซ่เดียวกันจึงปล่อยให้พี่สองเป็นคนจัดการเอง คงคิดว่าน่าจะเงียบหายไปสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ” เห้ออี้ลั่วเองก็พูดขึ้นอย่างไรความรู้สึก “เดิมทีหากตัวของบริษัทซินหรงไม่มีปัญหาล่ะก็ฉันก็คงไม่ลงมือเองหรอก ตลาดหุ้นเองก็เป็นแบบนี้แหละใครทำไม่ดีก็โดนไล่ให้คนอื่นทำต่อแค่นั้น” ... หลังจากที่เฉียวเยว่เมิ่งอาบน้ำให้เสี่ยวเป่าเรียบร้อยแล้วเธอยังเห็นไฟบนชั้นสามยังคงสว่างอยู่จึงยกกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ พร้อมทั้งเค้กที่ป้าหลิวทำก่อนหน้านี้ยกขึ้นไปเสร็จก็กลับไปพักผ่อนห้องตัวเอง หลังจากที่เธอหลับไปครึ่งค่อนคืนก็รู้สึกได้ถึงเสียงดังมาจากข้างเตียง เฉียวเย่วเมิ่งส่งเสียงบ่นพึมพำอย่างสะลึมสะลือออกมา “เพิ่งคุยกันเสร็จหรือ?” “เสียงดังจนทำให้คุณตื่นรึเปล่า?” “ได้อยู่ค่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก” พูดจบเธอก็หลับต่อ เห้ออี้ลั่วพลางฟังเสียงหายใจที่แผ่วเบาและนุ่มนวลอยู่ข้างๆ เขาก็อดขำไม่ได้ ผ่านไปสักพักเขาจึงปิดตาแล้วหลับไป ... ที่บ้านตระกูลเวิน เวินเจียเฟิ่งมองไปทางเวินอันเหยียนอย่างเยือกเย็น “ดูสิ่งที่เธอทำไปสิ เธอทำให้ตระกูลเวินกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?!” “ก่อนที่ฉันจะทำเรื่องนี้พี่กับพี่ใหญ่เองก็เห็นด้วยนี่นา พอตอนนี้เกิดเรื่องแล้วจะเอาเรื่องทุกอย่างมาโทษฉันอย่างนั้นหรอ?” เวินอันเหยียนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา เวินเจียเฟิ่งมองเวินอันเหยียนอย่างไม่ได้เห็นอกเห็นใจใดๆ “เธอพูดว่าเธอเข้าใจเห้ออี้ลั่วดีอีกทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางสนใจใยดีผู้หญิงที่ต่ำต้อยคนนั้น แต่ตอนนี้เธอสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้แล้วจะมาบอกว่าไม่ให้ฉันโทษเธออย่างนั้นหรอ ถ้าไม่โทษเธอแล้วจะให้ฉันโทษใคร? หากตระกูลพวกเราถูกทำลายเพราะเธอล่ะก็ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!” เวินอันเหยียนจ้องไปที่เขาอย่างตกตะลึงเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมาจนร่างกายเธอก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัวราวกับว่าจะเป็นลมตอนไหนก็ได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับท่าทางของเห้ออี้ลั่วแบบนี้แล้วก็มาเจอคนในตระกูลที่ทั้งไม่เข้าใจเธอและยังมาตำหนิเธออีก เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับอนาคตที่จะมาถึงนี้อย่างไร ทำไมเธอถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้กันนะ ทำไมคนอื่นถึงไม่ยอมเข้าใจเธอบ้าง? เธอน่ะรักเห้ออี้ลั่วมากจริงๆ นะ ตอนที่เธอยังไม่ได้เข้ามาในบริษัทเห้อซื่อตัวของเธอไม่ได้มีเงินมากขนาดนี้เธอก็ยังรักเขา หลังจากที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแล้วเธอก็ยิ่งรักเขามากขึ้น เพราะว่าเพื่อเด็กๆ ที่มีอยู่มากมายความสุขระหว่างพวกเขาจึงค่อยๆ เลือนหายไป เด็กคนนั้นทำลายความรักของเธอ อีกทั้งทำลายชีวิตของเธอด้วย เห็นได้ชัดเลยว่านั่นคือลูกของเห้ออี้ลั่วอย่างไรล่ะ! เห้ออี้ลั่วทรยศเธอไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น! แล้วแบบนี้ทำไมเธอจะรู้สึกโกรธไม่ได้กัน? ทำไมทุกคนถึงเอาแต่กล่าวโทษเธอกัน? ทำไมเธอถึงสมควรต้องยอมรับเด็กคนนั้นกัน? แม้ว่าต่อมาเธอจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเด็กคนนั้นจนบาดเจ็บสาหัสก็ตาม ความสัมพันธ์ของเธอกับเห้ออี้ลั่วก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิดเดียว จู่ๆ เวินเจียเหาก็ขัดจังหวะของทั้งสองคนขึ้น “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราควรต้องทำมากที่สุดก็คือลดความสูญเสียให้ได้น้อยที่สุด” “นอกจากถูกยื่นฟ้องล้มละลายแล้ว ยังมีวิธีไหนที่แก้ไขได้อีกหรือ?!” เวินเจียเฟิ่งพูดอย่างโมโหสุดขีดพลางจ้องไปที่เวินอันเหยียนอย่างไม่พอใจ “ถูกยื่นฟ้องล้มละลายก็ยังดีกว่าถูกเห้ออี้ลั่วยึดกิจการเอาไปนะ พรุ่งนี้ผมจะเป็นคนไปจัดการเอง ส่วนตัวพี่ใหญ่เองก็ไปแจ้งเรื่องนี้ให้คนในบริษัททราบถึงวิกฤติของบริษัทเถอะ” “หึ...ไม่ใช่เรื่องที่ต้องให้นายจัดการหรอก” พูดจบเวินเจียเฟิ่งก็ส่งเสียงเย็นชาพลางมองไปที่เวินอันเหยียนแล้วเดินขึ้นบนบ้านไป เวินอันเหยียนเองก็มองไปที่เขาเช่นเดียว พลางรู้สึกได้ถึงสายตาที่เกลียดชังที่ส่งมาหาเธอ หลังจากที่เวินเจียเฟิ่งผละไปแล้วเวินเจียเหาก็พูดขึ้น “อันเหยียน พี่รู้ว่าเรื่องนี้จะไปโทษเธอก็ไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมานี้เธอลำบากเป็นอย่างมาก พี่คนนี้เองก็เห็นเหมือนกัน” “พี่รอง...” “ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทเป็นแบบนี้แล้วพี่กับพี่ใหญ่เองก็จนปัญญาจริงๆ หากพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกไปล่ะก็อย่าไปใส่ใจเลยนะ” “หนู...หนูเข้าใจค่ะ พี่รอง ขอบคุณพี่นะคะที่ยังยอมให้หนูได้ยืนอยู่ตรงนี้” เวินเจียเหายื่นมือไปตบที่บ่าของเธอเบาๆ “เธอเป็นน้องสาวของพี่ พี่ไม่มีวันโทษเธออยู่แล้ว เพียงแต่ว่า...” ใจของเธอเต้นตึกตักพลางถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด “เพียงแต่อะไรคะ?” “พี่คิดว่าเรื่องในครั้งนี้เป็นเพราะพวกเราไปทำร้ายเฉียวเยว่เมิ่งเข้าจึงจุดชนวนให้เกิดผลแบบนี้ ทางเห้อเจียหมิงกับหลินหรุ่ยเองก็ดีกับเธอมาก เพราะฉะนั้นเธอไม่ลองไปขอร้องพวกท่านดูหน่อยล่ะ บอกให้พวกเขาเกลี้ยกล่อมให้เห้ออี้ลั่ววางมือ หลังจากนั้นตระกูลเวินของพวกเราก็จะไม่ล้ำเส้นอะไรกับตระกูลเห้ออีก” เวินอันเหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าพี่ของเธอจะพูดแบบนี้ เธอส่ายหัวอย่างขมขื่นพลางพูด “พี่รอง พี่คิดว่าเรื่องมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้วพ่อกับแม่ของเขาจะยังฟังหนูอีกหรือคะ? พวกเขาอาจจะหวนคิดถึงเรื่องตอนนี้ที่หนูช่วยชีวิตของเสี่ยวเป่าไว้ได้แต่คิดหรือคะว่าพวกเขาจะยอมเกลี้ยกล่อมเห้ออี้ลั่วให้วางมือ? หากหนูไปขอร้องพวกเขาแล้วที่ได้รับมาก็คงมีแต่เพียงความอัปยศอดสูเท่านั้นแหละค่ะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 68 เธอมีสิ่งที่พวกเราไม่มี
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A