บทที่ 71 เหมือนว่าฉันจะท้อง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 71 เหมือนว่าฉันจะท้อง
บ๗ที่ 71 เหมือนว่าฉันจะท้อง การแต่งงานสำหรับตระกูลเห้อนั้นไม่เหมือนกับครอบครัวอื่น ฐานะทางบ้านของผู้หญิงต้องเทียบเท่ากัน แถมยังมีกฎเหล็กก็คือ-- ครอบครัวทางบ้านของฝ่ายหญิงต้องเต็มไปด้วยความสุขสันต์ ชื่นมื่น เพราะผู้หญิงที่มาจากครอบครัวเหล่านั้น บางทีอาจจะเอาแต่ใจบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นคนที่ขาดความอบอุ่น จิตใจก็ไม่ได้หยาบกระด้าง ครอบครัวของเฉียวเมิ่งเยว่นั้นด้อยกว่าตระกูลเห้อเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าอยู่ในชนชั้นสังคมเดียวกัน เธอไม่เพียงแค่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และมีความสุขเท่านั้น แต่เวลาคนอื่นตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ คุณสมบัติพวกนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมมาก เฉียวเมิ่งเยว่ไม่รู้ว่าคนในตระกูลเห้อคิดยังไง ได้แต่ถือของขวัญราคาแพงแล้วมองไปที่เห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วยิ้มแล้วพูดว่า “นี่มันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเธอนี่ ไม่ต้องมองฉันหรอก” เฉียวเมิ่งเยว่ :“……” มื้ออาหารต้อนรับปีใหม่เริ่มขึ้นตอนหกโมง หลังจากคนใช้ตระกูลเห้อนำอาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว แต่ละคนก็มีซองอั่งเปาหนาๆกลับไปฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน บนโต๊ะอาหารนั้น เฉียวเมิ่งเยว่ได้แต่รับซองอั่งเปาหนาๆอย่างหน้าไม่อาย เธอได้ซองอั่งเปามากกว่าหวินซานและเสี่ยวเปาตั้งเยอะ ถือได้ว่าเป็นเงินเดือนหลายปีมานี้ของเธอ หลังจากรับประทานอาหารเาร็ต เห้อหวินซานก็พาเฉียวเมิ่งเยว่เดินไปทั่วทุกมุมของคฤหาสน์หลังโต เฉียวเมิ่งเยว่ยังไม่เคยได้เดินสำรวจคฤหาสน์หลังนี้ดีๆเลยซักครั้ง เสี่ยวเป่าทำตัวราวกับเด็กสมาธิสั้น รีบหอบหิ้วกองของขวัญที่หรูหราของตัวเองกลับไปที่ห้องเพื่อแกะดู ตอนกลางคืนนั้นบ้านตระกูลเฉียวได้เปิดไฟสว่างจ้าทั่วทุกมุม คฤหาสน์ทั้งหลังถูกปกหลุมด้วยไฟสว่างจ้า เมื่อเทียบกับวิวภูเขาที่ดำสนิทแล้วนั้น คฤหาสน์หลังนี้ก็ดูสว่างแวววาวอย่างเห็นได้ชัด เห้อหวินซานพาเฉียวเมิ่งเยว่ขึ้นไปชั้นที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ คฤหาสน์ของตระกูลเห้อนั้นไม่ได้สูงเท่าไหร่นั้น มีแค่สามชั้นเท่านั้น เพื่อให้ง่ายสำหรับคนแก่และเด็ก แต่ชั้นสูงที่เขาพามานี้คือชั้นห้า สามชั้นแรกของคฤหาสน์หลังนี้คือที่อยู่อาศัย ส่วนอีกสองชั้นที่เหลือเอาไว้ชมวิวทิวทัศน์ เห้อหวินซานพกขนมเค้กและนมขึ้นไปด้วย มองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่และพูดขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้ ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงไม่ได้รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า เหมือนพอเจอหน้าก็ถูกชะตาเลย” “เพราะว่าฉันเคยช่วยชีวิตเสี่ยวเป่ามารึเปล่า ถึงทำให้เธอรู้สึกเหมือนเราเคยรู้จักกันมานาน?” เฉียวเมิ่งเยว่ถามขึ้น “ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นก็คงจะโกหก แต่ว่า ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นทั้งหมด ก่อนที่ฉันจะกลับประเทศมา ก็ได้ยินเรื่องของเธอมาบ้าง ก็รู้สึกเหมือนพวกเราจะคุยกันถูกคอ” “ขอบคุณความช่วยเหลือและความเป็นห่วงที่มีให้นะน้องสะใภ้ พอมีเธอสนับสนุนแบบนี้ ฉันก็เลยรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย” เฉียวเมิ่งเยว่ยื่นนมอุ่นๆให้เธอ “อืม ฉันจะสนับสนุนเธอไปเรื่อยๆ” เห้อหวินซานยิ้มแล้วตอบออกมา ตัวจริงของเธอสวยกว่าในรูปเยอะเลย ดวงตาที่สดใสเป็นประกายเหมือนดวงดาว จมูกที่โด่งสวย ริมฝีปากเป็นกระจับ แม้แต่ลำคอก็ยาวกว่าคนอื่นทั่วๆไป เฉียวเมิ่งเยว่ได้แต่กลืนน้ำลายเงียบๆ แล้วถามออกมา “หลังฉลองปีใหม่เสร็จเธอจะไปต่างประเทศอีกรึเปล่า?” “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ยังมีเรื่องที่นี่ให้ต้องจัดการอีกนิดหน่อย” “โอเค ถ้ามีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะ” “มีสิ ตอนนี้มีเรื่องนึงให้เธอช่วย” “เรื่องอะไรเหรอ?” “ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันท้อง” “หืม?” เฉียวเมิ่งเยว่เกือบทำนมหกลวกตัวเองซะแล้ว เห้อหวินซานเลิกคิ้วขึ้น สีหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม “เธอไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะตั้งท้อง อยากให้เธอช่วยฉันยืนยันหน่อย” “คุณผู้หญิงคะ ฉันเป็นศัลยแพทย์ เรื่องเกี่ยวกับสูติฉันก็เป็นเด็กอ่อนหัดเหมือนเธอนั่นแหละ” เห้อหวินซานกลอกตาใส่เธอทีนึง แล้วก็หยิบใบรับรองแพทย์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “อันนี้เธอดูออกไหม?” เฉียวเมิ่งเยว่หยิบมาดู ในนั้นเป็นใบรับรองแพทย์ที่เป็นข้อมูลภาษาอังกฤษ โชคดีที่หมอต่างประเทศไม่ได้เขียนวินิจฉัยโรคด้วยลายมือที่ยากจะอ่านออกเหมือนหมอที่นี่ เฉียวเมิ่งเยว่ตั้งใจอ่านอย่างระมัดระวังอยู่สักพัก แล้วก็พูดว่า “ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์ นัดตรวจครั้งหน้าคือสี่สัปดาห์ถัดไป” เห้อหวินซานดึงกระดาษแผ่นนั้นกลับไป สีหน้าเผยความกังวลออกมาอยู่แวบนึง เฉียวเมิ่งเยว่มองหน้าเห้อหวินซาน “เธอจะทำยังไงต่อ” “ยังไม่รู้เหมือนกัน” เฉินเมิ่งเยว่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ท้องก่อนแต่งงานก็สภาพจิตใจเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ตระกูลเห้อเป็นตระกูลที่เก่าแก่ เห้ออี้ลั่วก็เคยบอกแล้วว่า แต่ไหนแต่ไร ตระกูลเห้อไม่เคยมีประวัติการหย่าร้างมาก่อน แถมยังเห็นอยู่ว่าก่อนที่จะแต่งงานแต่ละที พวกเขาเลือกคู่กันอย่างรอบคอบและระมัดระวังมาก เห้อหวินซานที่โตมาในครอบครัวแบบนี้ ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้ เฉียวเมิ่งเยว่ไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอะไรดี เธอรู้สึกว่าถ้าพูดอะไรออกไป ก็ดูจะเป็นการละลาบละล้วงเธอจนเกินไป เธอได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆเห้อหวินซาน มองดูวิวทิวทัศน์และภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงไฟ เห้อหวินซานมองไปที่ไกลๆ อยู่ดีๆก็ถามออกมาว่า “เธอเคยเจอเวินอันเหยนรึยัง?” “อืม” “ฉันได้ใกล้ชิดเธออยู่หลายครั้ง เธอเองก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ไม่ได้ฉลาด แต่ก็ไม่ถือว่าโง่ หลายปีมานี้เธอก็ดีกับพ่อแม่ และเสี่ยวเป่า ตอนนี้ก็เหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวไปแล้ว” “พี่ชายรองเธอยอมแพ้เรื่องบริษัทซินหรงแล้วเหรอ?” “รายละเอียดฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องในบริษัทพี่รองก็เป็นคนตัดสินใจเองมาโดยตลอด คนอื่นไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งหรอก พวกเราเชื่อใจเขา ว่าเขาคงไม่จัดการตระกูลเวินแบบไม่มีเหตุผลหรอก” เฉียวเมิ่งเยว่โดนแทงด้วยคำพูดที่สุขุมและมีเหตุผลของหวินซาน นี่คือบุคคลที่โตมาจากครอบครัวชั้นสูงงั้นเหรอ? เห้ออี้ลั่วและเห้อหวินซานมองเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดและลึกซึ้ง ดูไร้ความเมตตาและเย็นชา เห้อหวินซานเห็นว่าเฉียวเมิ่งเยว่เงียบไป “เธอรู้สึกว่าฉันมีความสามารถในการเข้าใจเหตุผลมากเลยล่ะสิ?” “บางทีเธออาจจะพูดถูกก็ได้” เห้อหวินซานหัวเราะออกมา “พี่สะใภ้ ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงสนิทกับเสี่ยวเป่าได้” “หืม?” “เพราะว่าเธอทำให้คนอื่นรู้สึกอบอุ่นใจ เธอมีเหตุผลและความเชี่ยวชาญของคนเป็นหมอ เธอทำให้คนอื่นรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เรื่องพวกนี้คนอื่นไม่ค่อยมีกันหรอกนะ ดูอย่างฉันสิ ฉันไม่ใช่คนที่จะพูดคุยกับทุกคนได้ แต่พอได้เจอเธอแล้ว กลับชอบคุยกับเธอซะงั้น” “เธอชมฉันเกินไปแล้วมั้ง?” เฉียวเมิ่งเยว่หัวเราะแล้วตอบว่า “หวินซาน พูดตามตรงนะ ฉันกับพี่รองของเธอก็แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ฉันยังรู้สึกเหมือนว่าฝันไปอยู่เลย มันไม่เหมือนเรื่องจริงเลยซักนิด แต่เพราะว่าความผูกพันระหว่างเราถึงทำให้รู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องจริง เธอก็รู้นิว่า เวลาพี่ชายของเธอตัดสินใจจะทำอะไร เขาจะทำอย่างเต็มที่และถี่ถ้วนมาก เขาเอาอกเอาใจฉัน อ่อนโยน ครอบครัวของฉัน บ้านคุณปู่ คุณยาย ต่างก็ได้รับการดูแลจากเขา แต่ฉัน ทำอะไรให้เขา ให้เสี่ยวเป่า และให้ครอบครัวของเธอได้บ้าง? เห้อหวินซานมองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่อย่างลึกซึ้งแล้วยิ้มออกมา “พี่สะใภ้ ต่อไปนี้พวกเรามีเป็นเพื่อน หรือเป็นพี่สาวน้องสาวกันเถอะ รู้ตัวไหมว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อกี้มันยากที่จะได้ยินมากเลยนะ? ตอนเด็กๆฉันก็เคยหวังว่าจะมีบ้างเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่พอแม่คลอดฉันออกมาก็ไม่ยอมมีลูกแล้ว” เฉียวเมิ่งเยว่มองหน้าเธอเงียบๆ เห้อหวินซานพูดต่อ “ก่อนอื่นฉันต้องช่วยเธอวิเคราะห์สิ่งที่เธอพึ่งพูดออกมาเมื่อกี้นี้ก่อน ถ้าเกิดว่าคำพูดเมื่อกี้นี้ออกมาจากปากคนที่มีพี่น้องล่ะก็ ฉันก็ถือว่าเข้าใจได้ ถือว่าพ่อแม่สอนมาดี ให้รู้จักแบ่งปัน เข้าอกเข้าใจคนอื่น แต่ว่าเธอเป็นลูกคนเดียว คุณลุงคุณป้าก็มีเธอเป็นลูกสาวเพียงแค่คนเดียว และพวกเขาก็มอบความรักให้เธอทั้งหมดเพียงคนเดียว เธอก็เลยรู้สึกว่าจะตอบแทนพวกเขาได้ไม่เพียงพอ เรื่องนี้ฉันรู้สึกชื่นชมมก แต่ว่าเธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ การที่เธอแต่งงานเข้ามาในบ้านฉัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องพี่ชายและพี่สะใภ้คนโตนั่น ก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างมากของบ้านเรา เสี่ยวเป่าก็หมกมุ่น ล่องลอย พูดตามตรง ก่อนที่เธอจะแต่งงานเข้าบ้านเรามา ครอบครัวของเราที่เหมือนจะปรองดองกันแต่ที่จริงแล้วห่างเหินกันมาก แต่พอเธอเข้าบ้านเรามา ในบ้านก็คึกคักขึ้นมา ถึงแม้ว่าตอนนี้เสี่ยวเป่าจะยังไม่ยอมพูดอะไรมากมาย แต่พวกเราเชื่อว่าถ้าเขาอยู่กับเธอไปเรื่อยๆต้องยอมเปิดปากพูดแน่นอน 
已经是最新一章了
加载中