บทที่ 73 เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งซิ
1/
บทที่ 73 เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งซิ
OMG!ประธานโหดๆกลัวเมีย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 73 เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งซิ
บ๗ที่ 73 เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งซิ เห้ออี้ลั่วดึงเสี่ยวเป่ามากอดไว้ที่อ้อมอก “ เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งสิ” เสี่ยวเป่าโดนกอดแน่นจนหน้าแดงไปหมด ภายใต้สายตาที่ร้อนรนของเห้ออี้ลั่วและเฉียวเมิ่งเยว่ เขาก็พูดออกมาด้วยความเขิน “พ่อ…” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสั่นเครือ เฉียวเมิ่งเยว่มองดูสองพ่อลูก ดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าว เห้ออี้ลั่วจุ๊บลงไปที่แก้มของเสี่ยวเป่าแรงๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดีใจสุดขีด เสี่ยวเป่าเห็นท่าทีของพ่อแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก เขากรอกตาอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เห้ออี้ลั่วกอดเสี่ยวเป่าอยู่หลายนาที ถึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้น เขาก็เลยคืนเสี่ยวเป่าให้เฉียวเมิ่งเยว่อีกครั้ง มือหนาโอบที่ที่เอวของเธอ แล้วก้มลงมาจูบเธอที่หน้าผาก หลังจากนั้นก็กลับไปอาบน้ำต่อ เฉียวเมิ่วเยว่มองเห้ออี้ลั่วที่เดินเข้าห้องอาบน้ำไปอย่างตะลึง แล้วก็ค่อยๆเอามือมาลูบตรงที่เขาพึ่งจูบเมื่อกี้ ตรงนั้นก็ค่อยๆร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจความผิดปกติของเมิ่งเยว่ นั่งเล่นเท้าอ้วนๆของตัวเองไปอย่างไม่ได้สนใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาอีกครั้ง เขานึกว่าเขาพูดไม่ได้ซะอีก แต่ที่จริงนั้นพูดได้ เช้าของวันปีใหม่ ทุกคนในตระกูลเห้อพอรู้ว่าเสี่ยวเป่ายอมพูดแล้วก็พากันยิ้มจนตาหยี คุณย่าเห้อตื่นเต้นจนถึงเข้าครัวเพื่อไปทำเกี๊ยวกับบะหมี่ด้วยตัวเอง หลิ้นหรุ่ยก็เข้าไปช่วยในครัวด้วยเช่นกัน เฉียวเมิ่งเยว่ก็อยากจะไปช่วยด้วยเหมือนกัน แต่ว่าพวกเขาคัดค้าน ก็เลยจำใจต้องไปเตะบอลกับเสี่ยวเป่าแทน คนที่ตระกูลเห้อถึงแม้ว่าจะอยากไปเล่นกับเสี่ยวเป่า แต่ว่ากลัวว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจะไม่ตรงกับที่คาดหวังไว้ เลยต้องอดทนไว้ พวกเขารอมาตั้งหลายปีแล้ว รอต่ออีกซักหน่อยจะเป็นไรไป พอหลิวจื่อชวนได้ยินว่าเสี่ยวเป่ายอมพูดแล้ว ก็ตื่นเต้นมาก ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้ไปฉลองปีใหม่ที่เมืองอื่น ก็คงจะวิ่งมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ทำได้เพียงแค่กำชับเห้ออี้ลั่วกับเฉียวเมิ่งเยว่ทางโทรศัพท์ว่าให้พวกเขาคอยระมัดระวังเรื่องอารมณ์ของเสี่ยวเป่า และให้จับตาดูเขาไว้เผื่อเขาจะยอมพูดออกมาอีกครั้งนึง เห้ออี้ลั่วกับเฉียวเมิ่งเยว่รู้โดยอัตโนมัติอยู่แล้วว่า ถึงแม้เสี่ยวเป่าจะยอมพูดแล้ว แต่ก็จะไม่ได้พูดมากเหมือนเด็กปกติทั่วไปได้ทันที ต้องให้เวลาเขาได้ปรับตัว เฉียวเมิ่วเยว่คิดว่าที่เสี่ยวเป่ายอมพูดน่าจะเพราะว่าช่วงนี้พวกเขาเล่นเกมส์โต้ตอบกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ ถ้าเล่นจนตื่นเต้นเร้าใจ ก็จะร้องเชียร์ออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ช่วงนี้เมื่อไหร่ที่พวกเขามีเวลาก็จะมาเตะบอลเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเลยดูสดใสกว่าเมื่อก่อนมากเลย ความเป็นเด็กน้อยในตัวเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอย่างมาก สิ่งที่ทำให้เฉียวเมิ่งเยว่รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ อดใจที่ตอนนั้นตัวเองซื้อของขวัญชิ้นนี้มา ถ้าเกิดว่าตอนนั้นเธอซื้อของขวัญที่ไม่ได้เล่นด้วยกันแบบนี้ เสี่ยวเป่าจะยอมพูดเมื่อไหร่กันนะ? หลังจากเฉียวเมิ่งเยว่เล่นบอลเป็นเพื่อนเขาจบไปสองเกมส์แล้ว ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอตื่นเต้นจนลืมโทรไปสวัสดีปีใหม่กับพ่อและแม่ของเธอ พอเห้ออี้ลั่วเดินมา เธอก็ให้เขามาเล่นกับเสี่ยวเป่าแทน แล้วตัวเองก็ถือรีบไปคุยโทรศัพท์ในล้านหน้าบ้าน เสียงรอสายดังอยู่สักพัก แล้วก็มีคนรับสาย “ลูกรัก สวัสดีปีใหม่นะ!” “แม่ สวัสดีปีใหม่! กลับไปอยู่บ้านเก่าเป็นยังไง คุ้นเคยรึยังคะ?” “คุ้นเคยมากแล้ว ลุงกับป้าของเธอ พี่ยินกับสามีและลูกก็พกันกลับมาฉลองปีใหม่ คึกคักสุดๆ แล้วที่บ้านตระกูลเห้อเป็นยังไงบ้าง? คนอื่นๆดีกับลูกไหม?” “คุณปู่คุณย่าและป้าๆของอี้ลั่วนั้นดีกับหนูมาก น้องสะใภ้ก็น่ารัก พวกเราเหมือนเพื่อนกันเลย” “ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว เมื่อคืนแม่ก็กะว่าจะโทรหาลูกอยู่พอดี แต่กลัวว่าลูกจะยุ่งอยู่ แล้วก็กลัวว่าพวกญาติๆสามีลูกจะเป็นห่วง” “ขอบคุณค่ะแม่ ใช่สิ หนูจะบอกข่าวดี เสี่ยวเป่ายอมพูดแล้วนะ ถึงแม้ว่าเขาจะยอมพูดแค่คำเดียว แต่เขาก็ยอมพูดออกมาแล้ว” “จริงเหรอ? คุณพระ หลานชายของฉันยอมพูดแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่นะเนี่ย ดูเหมือนว่าปีนี้ต้องมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ลูกอย่าไปบังคับเขานะ เข้าใจไหม? ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าไปเร่งเขา” “หนูรู้แล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านนี้ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” “ใช่ๆ อย่าไปกดดันหลานชายแม่ เพราะว่าเด็กจะอ่อนไหวต่อเรื่องแบบนี้มาก” พอเฉียวเมิ่งเยว่ได้ยินแม่พูดจู้จี้จุกจิกอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เฉียวเมิ่งเยว่เข้ามาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเห้อตั้งหลายวัน ก็พึ่งจะปรับตัวได้ บางทีอาจจะเพราะว่าเสี่ยวเป่ายอมพูดแล้ว หรืออาจจะเพื่อหวินซานคอยกระตุ้น เธอก็เลยรู้สึกว่าเริ่มเข้ากับคนในบ้านนี้ได้แล้ว วันที่สี่ของปีใหม่ เธอได้เลือกขับรถคันที่ไม่ได้หรูหราอะไรจากโรงจอดรถไปทำงาน เห้อหวินซานก็ไปกับเธอด้วยอารมณ์ที่มีความสุข ตอนแรกเสี่ยวเป่าก็อยากจะไปโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน แต่ว่าเขาอายุยังค่อนข้างน้อย ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลนานๆอาจจะติดโรคง่าย และพลอยไม่สบายไปด้วย ดังนั้น ก็เลยไม่อนุญาตให้เขาไป เสี่ยวเป่าได้แต่มองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่ขับรถออกไปด้วยสีหน้าไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เห้อหวินซานนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ และมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เฉียวเมิ่งเยว่ถามออกมาว่า “คุณผู้หญิง ตอนนี้เธอคิดว่าจะทำยังไงต่อ? เก็บไว้หรือเอาออก?” “นี่พี่สะใภ้ พูดแบบอ้อมค้อมหน่อยน่ะเป็นไหม?” “ยังไงก็ถามออกไปแล้ว จะอ้อมค้อมอะไรอีกล่ะ เธอต้องรู้ไว้นะว่านี่มันชีวิตคนๆนึงเลยนะ ไม่ใช่ไปซื้อเสื้อผ้าหรือกระเป๋าตามห้าง พอคลอดออกมาแล้วก็ต้องเลี้ยงไปอีกหลายสิบปี ต้องคิดให้ดีๆ” เห้อหวินซานหันหน้ากลับมามองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่ “ฉันขอถามคำถามวันนั้นอีกครั้งนึงนะ พี่สะใภ้ ถ้าเกิดว่าเธอเป็นฉัน เธอจะทำยังไง?” “ถ้าเกิดว่าเป็นฉันเมื่อก่อน ยังไงฉันก็จะเก็บไว้ และคลอดลูกของผู้ชายที่ฉันรักที่สุดออกมา เก็บสิ่งที่จะทำให้ระลึกถึงเขาไว้ พวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเลี้ยงเด็กคนนึงได้นิ แต่หลังจากได้เจอเสี่ยวเป่าแล้ว ความคิดของฉันก็เปลี่ยนไป” “หืม? ไหนลองพูดมาซิ” “การที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงให้ดีได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงแม้เธอจะคิดว่าเธอได้มอบความรักและความอบอุ่นให้เขาไปอย่างเพียงพอแล้ว แต่เธอไม่มีทางรู้เลยว่าในใจเขาจะคิดอะไรอยู่ ;แล้วก็ไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งที่เราได้มอบให้เขาไปนั้นมันพอรึยัง แล้วมันใช่สิ่งที่เขาต้องการรึเปล่า?”เฉียวเมิ่งเยว่หยุดไปครู่นึง แล้วพูดต่อว่า “บางทีสิ่งที่ฉันพูดออกไปมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเอามากๆก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ ฉันก็ชอบไปแผนกสูติที่โรงพยาบาลตัวเองบ่อยๆ ได้เห็นผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่งมาก็เยอะ ในตอนที่พวกเธอนั้นดูอึดอัดมาก ทั้งๆที่มันเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุด แต่กลับไม่มีญาติ หรือผู้ชายคนไหนที่จะมาอยู่เคียงข้างเธอ หลายคนที่ต้องจัดการทุกอย่างในชีวิตเองก่อนที่จะคลอด” พอเห้อหวินซานได้ยินเธอพูดจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่หันหน้าออกไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง เฉียวเมิ่งเยว่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ มันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจหรอกนะ ในรถเงียบสนิท จนมาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาล เฉียวเมิ่งเยว่ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ก็เห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ แล้วก็พูดว่า “เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปแผนกสูติเอง วันนี้มีกไหนดการทำคลอดหลายคนเลย” เห้อหวินซานพยักหน้าเบาๆ ทั้งสองคนก็เดินไปที่แผนกสูติพร้อมกัน ยังไม่ทันจะเดินถึงชั้นที่แผนกสูติตั้งอยู่ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน เห้อหวินซานตกใจ แล้วเฉียวเมิ่งเยว่ก็ดึงมือเธอไปยังประตูทางออกที่ปลอดภัย ในทางเดินนั้น หมอและพยาบาลหลายคนกำลังเข็นคุณแม่ที่กำลังร้องด้วยความเจ็บปวดไปที่ห้องคลอด คุณหมอคนนึงเมื่อเห็นเฉียวเมิ่งเยว่ ก็รีบทักทาย “คุณหมอเฉียว สวัสดีปีใหม่ค่ะ นี่มาหาคุณหมอหยางเหรอ? เธอยังไม่ได้กลับมาทำงานเลย” “ฉันลืมไปเลยว่าเธอเปลี่ยนเวร” เฉียวเมิ่งเยว่ยิ้มออกมา “พวกเธอไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาเพื่อนไปเดินเล่นซักหน่อย” “ค่ะ งั้นพวกเราเข้าห้องคลอดก่อนนะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 73 เห้อเวยเฟย เรียกพ่ออีกครั้งซิ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A