บทที่ 75 เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะมาคุยกับคนอย่างฉัน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 75 เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะมาคุยกับคนอย่างฉัน
บ๗ที่ 75 เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะมาคุยกับคนอย่างฉัน “ใช่หรือไม่ใช่ฉันคงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไร คุณโม่ก็คงรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเกิดพวกเราพูดเยอะไป คุณก็จะหาว่าพวกเราจะสั่งสอนคุณ ช่วยทำให้ทุกอย่างมันง่ายด้วยเถอะค่ะ คุณมาที่โรงพยาบาลเรา พวกเราทั้งหมอและพยาบาลก็ต่างมีหน้าที่ให้การรักษาและการบริการแก่คุณ พูดตามตรง เราควรให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน คุณเก็บอารมณ์ส่วนตัวของคุณไปบ้าง อย่าทำให้ระหว่างพวกเรามันวุ่นวายไปมากกว่านี้เลย” โม่มู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา “เฉียวเมิ่วเยว่ เธอมีคุณสมบัติอะไรมาคุยกับฉัน? จะถือว่าตัวเองแต่งงานกักยเห้ออี้ลั่วงั้นเหรอ? คิดว่าเห้ออี้ลั่วเป็นแบ็คให้เธอได้งั้นเหรอ?” เฉียวเมิ่งเยว่รู้สึกแปลกใจที่โม่มู่เฉินรู้จักเธอ แต่เธอก็เลิกคิดได้อย่างรวดเร็ว “บางทีที่คุณพูดอาจจะถูก ถ้าฉันไม่มีสามีหนุนหลังอยู่ ก็คงไม่กล้ามาคืนคุยกับคุณอยู่แบบนี้หรอก” “เธอภาคภูมิใจไวไปหน่อยนะ” “ฉันไม่ได้ภูมิใจ” เฉียวเมิ่งเยว่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของโม่มู่เฉิน “ถ้ายังงั้นตอนนี้เรามาคุยกันเรื่องการรักษาของคุณดีกว่า” “เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะมาคุยกับฉัน” “ฉันก็ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรมาคุยกับคุณจริงๆนั่นแหละ แต่เพื่อที่จะให้แผลของคุณดีขึ้นเร็วๆ ฉันก็ต้องทำตัวหน้าด้านเข้าไว้ เพื่อมาคุยกับคุณแทนเพื่อนร่วมงานของฉัน” “อยากได้หน้าต่อท่านประธานของเธองั้นสิ?” “จะว่ายังงั้นก็ได้ อีกเหตุผลนึงก็คือ คุณเป็นนักแสดงที่ฉันกับแม่ชอบมากๆ ฉันไม่อยากเห็นคุณมายอมแพ้อะไรแบบนี้หรอกนะ การได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นความซวยอย่างนึงก็จริง แต่ก็มีคนและทรัพยากรมากมาย ที่จะสามารถทำให้บาดแผลของคุณหายเป็นปกติ ฉันล่ะดีใจแทนคุณจริงๆ ถ้าเกิดว่าคุณทำตามสิ่งที่หมอพูด แผลของคุณก็คงจะหายนานแล้ว และคุณก็จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่คุณก็พยายามขัดขวางการรักษา คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้วรึไง?” เฉียวเมิ่งเยว่รู้ว่าเธอพูดเวอร์ไปนิดนึง และก็คงจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้หรอก คำพูดพวกนี้เธอเชื่อว่าคงมีคนพูดกับโม่มู่เฉินทุกวันอยู่แล้ว แต่เขายังคงเป็นเหมือนเดิม เธอประเมินค่าความสามารถของตัวเองสูงเกินไปแล้ว พอโม่มู่เฉินได้ยินดังนั้น สายตาที่แหลมคมก็หันมามองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่ “เธอคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ?” “อืม” เฉียวเมิ่งเยว่เห็นว่าโม่มู่เฉินไม่ได้โกรธ แถมยังคุยกับเธออีก ก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “ตอนที่ฉันเรียนปริญญาโทปีแรกอยู่ก็ได้ดูหนังที่คุณแสดง ตอนนั้นแม่แนะนำให้ฉันดูเรื่อง《ตำราจิ้น》ที่คุณแสดง บอกว่ามีนักแสดงชายที่ยอดเยี่ยมมาก ตอนนั้นฉันกำลังเผชิญกับเรื่องราวที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต สภาพสะบักสะบอมสุดๆ แม้แต่อาจารย์ของฉันก็ไม่เห็นค่า อยากจะให้ฉันลาออก ตอนนั้นจิตใจฉันมืดมนมาก ตอนนั้นแหละที่ฉันได้ดูผลงานเรื่องแรกของคุณ” โม่มู่เฉินไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะพูดแบบนี้ เขาก็รอฟังเธอพูดต่อไป 《ตำราจิ้น》 เป็นผลงานแรกของเขาที่มีความหมายต่อเขามาก ตอนนั้นเขายังเล่นเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ผลงานนั้นกลับเปิดลู่ทางให้เขาได้มากมาย “พอดูจบ ฉันก็ได้รู้สึกว่าโลกนี้ยังมีอะไรสวยงามอยู่อีกมากมาย มันสร้างคนที่สมบูรณ์แบบอย่างคุณขึ้นมา แถมยังมอบเส้นทางที่เหมาะกับตัวคุณให้ ทำให้คุณได้ปรากฏตัวในสายตาของคนเยอะๆ ทำให้ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนหลงใหลในตัวคุณ ตอนแรกคนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของคุณ แต่หลังจากนั้นก็ถูกคุณเอาชนะใจด้วยการอุทิศตนเพื่อการแสดงของคุณ บางทีคุณอาจไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใบหน้าของคุณจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะไม่มีรอยแผลเป็นอะไรทั้งนั้น และเดินต่อไปบนเส้นทางนี้อย่างสมบูรณ์แบบ” เฉียวเมิ่งเยว่หยุดพูดหลังจากพูดมายืดยาว เธอไม่ได้ติดตามผลงานของโม่มู่เฉินมากมายเหมือนแฟนคลับของเขา และก็ไม่ค่อยรู้เรื่องข่าวคราวของเขาด้วย เธอได้ยินมาจากรายการข่าวบันเทิงทั้งนั้นแหละ “เธอพูดแบบนี้เพื่อเห้ออี้ลั่วงั้นเหรอ” “เขา? คุณเกี่ยวข้องอะไรกับสามีฉันงั้นเหรอ?” เฉียวเมิ่งเยว่ถามออกมาด้วยความสงสัย โม่มู่เฉินยังไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอ เขาจ้องหน้าของเธออย่างละเอียด ก็เห็นว่าเธอไม่ได้เสแสร้งจริงๆ โม่มู่เฉินยื่นตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่ค่อยๆถอยหนีเขา ใบหน้าครึ่งนึงของโม่มู่เฉินที่ไม่ได้ถูกปิดด้วยผ้าพันแผลเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “หนังเรื่องนี้ของฉัน ผู้ลงทุนคือบริษัทติ่งเซิ่ง เป็นบริษัทลูกของบริษัทเห้อซื่อ เธอไม่รู้เหรอ?” “ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับธุรกิจของสามีเท่าไหร่ แถมอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่นักธุรกิจ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอก” เฉียวเมิ่งเยว่ตอบอย่างซื่อๆ โม่มู่เฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เฉียวเมิ่งเยว่เห็นว่าอารมณ์ของเขาเริ่มคงที่แล้ว ก็พูดต่อว่า “เดี๋ยวจะให้พวกพยาบาลมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ คุณเป็นคนของประชาชนนะ เพราะฉะนั้นใบหน้าและร่างกายของคุณจะไม่ใช่ของคุณแค่คนเดียว พยายามรักษาให้มันดีๆเถอะ” “ให้พวกเขาเข้ามาก็ได้” “ได้เลยค่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่ลุกขึ้นไปเรียกนางพยาบาลเข้ามา นางพยาบาลรีบพากันถืออุปกรณ์ทำแผลเข้ามา โม่มู่เฉินมองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่ “เธอเปลี่ยนให้ฉัน” เฉียวเมิ่งเยว่ : “ฉันไม่คุ้นเคยกับแผลของคุณเท่าไหร่ ถ้าเกิดทำผิดพลาดไป จะเป็นแผลเป็นได้ง่าย” โม่มู่เฉินทำเสียงหึในลำคอ แล้วก็ปล่อยให้พยาบาลทำแผลให้เขา เฉียวเมิ่งเยว่ยืนจับเสาเตียงอยู่ข้างๆ โม่มู่เฉินเหลือบมองข้อมือของเฉียวเมิ่งเยว่ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับข้อมือของเธอไว้ เฉียวเมิ่งเยว่และพยาบาลต่างตกใจกับการกระทำของเขา เฉียวเมิ่งเยว่พยายามบิดมือออก แต่ก็พบว่ามือของโม่มู่เฉินเกาะข้อมือเธอแน่นยังกับทากาวตาช้าง เธอสะบัดข้อมือไม่ออก โม่มู่เฉินเอานิ้วถูที่ไฝตรงข้อมือของเฉียวเมิ่งเยว่ช้าๆ “เธอคือใคร?” เฉียวเมิ่วเยว่จ้องไปที่ใบหน้าอันมือมนของโม่มู่เฉิน แล้วก็ก้มมองตรงที่นิ้วมือของเขาสัมผัสอยู่ “อย่าบอกว่า น้องสาว หรือพี่สาว หรือรักแรกของคุณก็มีไฝอันนี้เหมือนกันนะ จะเหมือนในละครเกินไปแล้ว” ที่ข้อมือของเธอมีไฝเล็กๆอยู่ เธอรู้สึกว่ามันดูเซ็กซี่และน่ารัก ตอนเบื่อๆก็จะนั่งชื่นชมตัวเองอยู่ยังงั้นแหละ ถ้าเกิดว่ามีคนที่มีไฝแบบนี้เหมือนกัน ความรู้สึกนั้นมันก็จะไม่สมบูรณ์แบบแล้วล่ะสิ พอโม่มู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ปล่อยมือ แล้วก็นอนลงไปบนเตียงอย่างห่อเหี่ยว และให้พยาบาลทำแผลต่อ ตอนที่เฉียวเมิ่งเยว่กลับมาจากห้องของโม่มู่เฉิน เห้อหวินซานก็รออยู่ในห้องทำงานของเธอแล้ว เห้อหวินซานถามออกมาว่า “พี่สะใภ้ มือไปโดนอะไรมาน่ะ?” “มีคนไข้คนนึงตื่นเต้นไปหน่อย ก็เลยจับข้อมือฉันน่ะ ตอนนี้เธอตัดสินใจได้รึยังล่ะ?” “ได้แล้ว” เฉียวเมิ่งเยว่พยักหน้า แล้วก็ดื่มน้ำ เห้อหวินซาพูดต่อ “ฉันอยากเก็บเขาไว้” เฉียวเมิ่งเยว่สำลักน้ำ เธอทุบอกอยู่ครู่นึง แล้วพูดต่อว่า “แค่กๆๆ เธอจริงจังเหรอ?” “อืม” เห้อหวินซานมองหน้าเธอนิ่งๆ “แล้วเธอคิดว่าจะอธิบายกับที่บ้านยังไง?” “ยังไม่ได้คิดเลย” “หวินซาน เธอหุนหันพลันแล่นไปแล้ว” “ฉันรู้ แต่ว่าฉันไม่อยากจะเสียเด็กคนนี้ไป ถ้าเสียไปแล้ว ตลอดชีวิตนี้ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้มีลูกของเขาอีกแน่” “ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ ถ้าเกิดว่าฉันรักคนๆนึง ฉันจะต่อสู้อย่างเต็มที่ จะพยายามบอกเขาว่าฉันรักเขา แต่ไม่ใช่ใช้วิธีแบบนี้ในการพิสูจน์ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตคนทั้งคนเลยนะ เธอรู้ไหม?” เฉียวเมิ่งเยว่พูดจนคอแห้ง วันนี้เธอพูดเยอะเกินไปแล้ว และยังเป็นคำพูดที่ต้องอุทิศตนเพื่อเกลี้ยกล่อมคนอื่นอีก
已经是最新一章了
加载中