บทที่ 79 ถูกลักพาตัว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 79 ถูกลักพาตัว
บ๗ที่ 79 ถูกลักพาตัว เห้ออี้ลั่วถูกเสียอ่อนหวานนั้นเรียกว่า “สามี” ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมา “ตอนนี้ตำแหน่งของเธอคือเด็กฝึกงาน ข้อมูลของบริษัทเธอยังรู้ไม่มากนัก เมื่อผ่านช่วงฝึกงานและทดลองงานแล้วเธอก็จะเผชิญกับงานที่สำคัญ” เฉียวเมิ่งเยว่พยักหน้า “พ่อคะ ไม่มีคนของตระกูลเห้อทำงานที่บริษัทเห้อซื่อเลยค่ะ ฉันกลัวว่าฉันจะให้งานมันยุ่งยากกว่าเดิม” ลั่วหมิงเม่ยเดินถือน้ำเข้ามา “เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนี้ แต่พวกเราไม่อาจปฏิเสธได้” เห้ออี้ลั่วเห็นเช่นนี้ จึงยิ้มแล้วตอบกลับ “พวกเธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ การทดสอบพนักงานของบริษัทนั้นค่อนข้างหิน ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานของบริษัท ฝ่ายบุคคลจะเรียกมาคุยหรือลาออก ไม่เกี่ยวกับเรื่องของสนิทหรือไม่” “อย่างนั้นก็ดี” ลั่วหมิงเม่ยค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา “ทานข้าวกันเถอะ” เฉียวเมิ่งเยว่ขึ้นไปเรียกเสี่ยวเป่า เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปกอด “เดี๋ยวค่อยกอด แม่ไม่สบายอยู่ เดี๋ยวติดหรอก” เสี่ยวเป่าพยักหน้า แล้วยื่นมืออ้วนๆไปจับมือของเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่ไม่สบายมาสองวันแล้ว เธออยู่ที่บ้านกับเสี่ยวเป่าตลอดทั้งสองวันเลย หลิวจื่อชวนกลับเมืองเยว่เฉิงมาแล้ว เขามาดูอาการของเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าอยู่ในการดูแลของเฉียวเมิ่งเยว่ ให้ความร่วมมือได้มากกว่าก่อนหน้านี้ ทำให้มีคนเฝ้าดูการหายป่วยของเสี่ยวเป่า ตั้งแต่ที่เสี่ยวเป่าเข้าปีใหม่มานี้ยังไม่ได้พูดเลยซักคำ หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่หายดี เธอก็ไปทำงานแล้ว ก็ถูกหัวหน้ามองด้วยความรังเกียจ “หัวหน้า คุณครบรอบปีแล้ว” “สารเลว!” “ฉันไปแล้วใครจะคอยช่วยคุณ? รีบพูดสิ ฉันทำอะไรผิดอีก ทั้งเข้าใจและรองรับเธอ” “ปีหน้ามีงาน แกค่อยไปกับฉัน” “ได้สิ งานประชุมอะไร?” “เกี่ยวกับการทดลองการรักษาของโม่มู่เฉิน ได้สอบถามข้อมูล และปรึกษาอาการของเขาแล้ว” “โอเค ที่โรงพยาบาลของเราหรือที่อื่น?” “โรงพยาบาลตี้อี” เฉียวเมิ่งเยว่กรี้ด “หัวหน้า ฉันมีศัตรูที่นั่น” “ไม่งั้นฉันจะมองแกอย่างรังเกียจทำไม?” เฉียวเมิ่งเยว่:“……” หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่ทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็ขับรถของหัวหน้าไปยังโรงพยาบาลตี้อี เมืองเยว่เฉิง เย่ชิงและโจวจื่อหยางไม่ได้แกล้งเธอมาสักพักแล้ว เธอไม่เชื่อว่าหลังจากที่พวกเขาถูกเธอแขวะต่อหน้าผู้คนไปแล้วนั้น พวกเขาจะยอมทน พวกเขาทั้งสองไม่ยอมแน่ๆ แต่ คงเป็นเพราะเธอกังวลไปเอง โจวจื่อหยางและเย่ชิงเป็นคนดูแลทางด้านระบบไหลเวียนเลือดของสมองและหัวใจ เธอและหัวหน้าเข้าร่วมการประชุมภายนอก อัตราการพบเจอก็คงไม่มาก ที่จริงเธอเข้าใจแล้ว เฉียวเมิ่งเยว่เพิ่งจะขับรถมาจอดยังที่จอดรถของผู้เข้าร่วมประชุม ก็พบว่าเย่ชิงกำลังเดินมุ่งมาทางเธอ เฉียวเมิ่งเยว่อดดีใจไม่ได้ที่หัวหน้าลงจากรถแล้วไม่งั้นคงจะเสียชื่อเธออีก เฉียวเมิ่งเยว่เห็นเย่ชิงเดินมาลำพัง จึงเปิดประตูลงจากรถ เย่ชิงเห็นเฉียวเมิ่งเยว่ลงมา จึงยิ้มขึ้น “เมิ่งเมิ่ง ไม่เจอกันตั้งนาน” เสียงนั้นทั้งหวานและอ่อนโยน ราวกับเป็นเย่ชิงที่เฉียวเมิ่งเยว่เพิ่งรู้จักอย่างนั้น เฉียวเมิ่งเยว่อึ้งไปสักพัก แล้วมองเย่ชิงอย่างระแวดระวัง เย่ชิงมองเฉียวเมิ่งเยว่แล้วตั้งใจพูด “ช่วงนี้ฉันเอาแต่คิด ว่าที่ฉันทำเมื่อก่อนนั้น เพิ่งจะเข้าใจว่าฉันทำผิดไปมาก ไม่เพียงแต่ทำร้ายเธอ ยังทำให้ฉันเองเสียความเชื่อถือและเกียรติระหว่างเพื่อนและเพื่อนร่วมงานฉันอีก ฉันคิดมานานมาก ฉันต้องการจะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวในตอนนี้ อันดับแรกฉันควรจะขอโทษกับเธอ หวังว่าเธอจะอภัยให้ฉันที่เคยทำผิด” เฉียวเมิ่งเยว่ไม่คิดว่าเย่ชิงจะพูดพวกนี้ออกมา แต่เธอก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “ฉันยอมรับนะว่าสิ่งที่เธอพูด มันทำให้ฉันประทับใจมาก แต่เธออธิบายได้ไหมว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? อย่าบอกฉันว่าบังเอิญ” เฉียวเมิ่งเยว่มองเย่ชิงสักพัก แล้วจึงส่ายหน้า “ฉันอยากจะเชื่อคำพูดของเธอนะ แต่ฉันว่าเธอกำลังหลอกฉัน เมื่อกี้ที่เธอพูดออกมา แววตาของเธอมันสั่นไหว หน้าของเธอหันไปทางซ้ายอย่างไม่รู้ตัว เธอกำลังตุกติก!” เฉียวเมิ่งเยว่พูดจบก็เดินไปยังอาคารหลักของโรงพยาบาล คิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอกำลังหมุนตัวเดินไปนั้น กลิ่นฉุนก็ตลบอบอวล การมองของเฉียวเมิ่งเยว่พล่าเบลอไป และปากกำลังร้องเรียกขอความช่วยเหลือ และสติของเธอก็หายไป เหลือเพียงภาพสีดำ เฉียวเมิ่งเยว่เป็นคนเลือดเย็น ความหนาวเย็นนั้น ทำให้เกิดความหนาวขึ้นมา เฉียวเมิ่งเยว่ลืมตา มีเพียงความมืดมิด เธอขยับมือที่ถูกมัดอยู่ มือของเธอชาไปหมด เฉียวเมิ่งเยว่สะบัดหัวที่ยังคงมึน เพื่อให้มันได้สติขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น ถ้าหากไม่หนาขนาดนี้ หลังจากที่ถูกยาสลบแล้ว คงไม่ฟื้นและได้สติง่ายๆ เธอรับรู้ถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัว นอกจากจะมึนหัวและมือถูกมัดแล้ว ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีก จกาที่เธอรู้จังเย่ชิงนั้น เธอถูกมัดเอาไว้ คงจะไม่ฉวยโอกาสตบเธอแก้แค้นในทันที แต่บนตัวเธอไม่มีบาดแผล นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เย่ชิงไม่ได้เป็นผู้ควบคุม เย่ชิงเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการลักพาตัว แต่ไม่มีอำนาจในการจัดการ เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่คิดถึงตรงนี้ ความดีใจที่เธอมี ก็กลายเป็นความกังวล ความเป็นไปของเย่ชิงเธอค่อนข้างเข้าใจดี มีผลกระทบต่อเมืองเยว่เฉิงแน่นอน จะรับมือเธอนั้นเหลือเฟือ จากความรังเกียจที่เย่ชิงมีต่อเธอ ไม่ทำให้เธอตายโลกใบนี้ก็คงไม่สวย ถ้าหากเย่ชิงทนแล้ว งั้นก็คงมีคนที่ใหญ่กว่าคอยสั่งเธอแน่นอน เป้าหมายของคนนั้นคืออะไรกันนะ? เฉียวเมิ่งเยว่คิดว่าเอาแต่คิดเพ้อเจ้อที่นี่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจได้ ว่าตอนนี้เธอจะไม่ถูกทำอะไรแน่นอน เธอจึงออกแรงถีบฟูก เสียงของฟูกนั้นดังในความมืด ดังมากในค่ำคืนอันเงียบสงัดนี้ ผ่านไปสักพัก เฉียวเมิ่งเยว่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า สักพักประตูก็ถูกเปิดขึ้น แสงสว่างจากด้านนอกสาดเข้ามาในห้อง หลังจากที่เฉียวเมิ่งเยว่หลับตาไปสักพัก ก็สัมผัสได้ถึงแสงที่แยงตา แล้วจึงมองเห็นสภาพในห้องได้อย่างชัดเจน นี่เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างง่ายๆ แต่สบาย ทำให้เข้าใจได้ ว่าทำไมตอนตื่นมาเธอถึงได้กลิ่นไอฝุ่น ชายหนุ่มที่อายุยังไม่20 ดี มองเฉียวเมิ่งเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วตะคอกด้วยเสียงน่ากลัว “เธอมาโวยวายอะไรกลางดึกแบบนี้” “ให้พี่ใหญ่เธอมานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา” เฉียวเมิ่งเยว่ขยับมือที่เลือดไหลไม่สะดวกนั้น “มีเรื่องไรบอกฉันมาเถอะ” “พวกเธอจับฉันมาที่นี่ต้องการอะไร?” “ถึงเวลาเธอก็จะได้รู้เอง” เฉียวเมิ่งเยว่ไม่คิดว่าฝีปากของเขาจะดีขนาดนี้ “นี่นาย ฉันถูกลักพามาที่ที่ไม่รู้จัก สภาพจิตใจแย่มาก นายบอกมาเถอะ ว่าอยากได้เงินเท่าไหร่? ฉันจะลองหาทาง รวบรวมเงิน ไม่งั้นรอจนนายพูดออกมา เงินฉันไม่พอ พวกนายก็ต้องรออีกอยู่ดี?” 
已经是最新一章了
加载中