บทที่ 87 ศพที่ฆ่าตัวตายโดยให้รถไฟทับ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 87 ศพที่ฆ่าตัวตายโดยให้รถไฟทับ
บ๗ที่ 87 ศพที่ฆ่าตัวตายโดยให้รถไฟทับ “ฉันมีความสุขกว่าการเก็บเงินได้อีก เจ้าตัวน้อยยอมพูดแล้วนะ” “จริงเหรอ? ดีจังเลย สมกับที่เป็นหลานสุดแสนจะน่ารักของฉันจริงๆ” เสี่ยวอันปรบมือ เฉียวเมิ่งเยว่โยนถุงขนมใหญ่ให้เธอ “เลือกหยิบอันที่เธอชอบไป เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้เสี่ยวหลินด้วย” “เสี่ยวอันเลือกหยิบขนมที่ไม่ได้วางขายทั่วไปออกมา “เอาไปแบ่งให้คุณหมอหยางเถอะ” “หยิบไปน้อยขนาดนี้ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่หน่อย มีเรื่องให้ช่วย” “ใกล้จะถึงเวลาเข้างานแล้ว เดี๋ยวฉันเอาขนมไปให้เสว่หลินก่อน เดี๋ยวเธอค่อยพูดนะ” “อื้ม” เฉียวเมิ่งเยว่ถือของไปที่แผนกสูติ หยางเสว่หลินรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับขนมถุงใหญ่และนม เธอรีบเก็บเข้าลิ้นชักโต๊ะทำงานทันที เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันต่างพากันอิจฉา ได้แต่แซวหยางเสว่หลินกับเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่ก็ได้แต่มอง ตอนที่หยางเสว่หลินเดินมาส่งเธอนั้น เธอก็เอ่ยปากถามว่า “ครอบครัวเธอไม่ได้มากดดันอะไรเธออีกแล้วใช่ไหม?” “ไม่มี น้องชายโทรมาหาฉันแล้ว บอกว่าโดนเธอด่าไปชุดใหญ่เลย” “วันนั้นฉันโมโหไปหน่อย” “ต้องขอบคุณที่เธอด่าเขาไปแบบนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่มีใครกล้ามากวนฉันแล้ว” “ไม่มาเพิ่มความรำคาญอะไรให้เธอก็ดีแล้ว ใช่สิ ขนมที่ฉันให้เธอเมื่อกี้เธอก็เอาไปแบ่งพวกเพื่อนร่วมงานกับหัวหน้าเธอสิ ตอนที่ใกล้ถึงเวลาประเมินการทำงาน ของพวกนี้จะช่วยเพิ่มความรู้สึกดีๆได้นะ ถ้าเกิดว่าไม่พอ เดี๋ยวฉันจะเอามาเพิ่มให้อีก” หยางเสว่หลินจับไหล่ของเฉียวเมิ่งเยว่แน่น สายตาแดงก่ำ “เมิ่งเมิ่ง ขอบคุณนะ” “พวกเราเป็นอะไรกัน ฉันรู้ว่าปกติเธอประหยัดจะตาย คงลังเลที่จะแบ่งให้คนอื่นน่ะสิ ครั้งนี้ฉันเป็นคนให้เธอ เธอก็ต้องเอาไปแบ่งคนอื่นด้วย ไม่ยังงั้นเขาจะรู้สึกไม่ดีกับเธอได้ “อื้ม รู้แล้ว” “สายแล้ว เดี๋ยวฉันไปหาผอ.ก่อน ดูว่าเขาจะบ่นอะไรฉันอีก” “เธอไปทำอะไรมาอีกล่ะ?” หยางเสว่หลินมองหน้าเฉียวเมิ่งเยว่ด้วยความสงสัย “ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าวันนึงถ้าเขาไม่บ่นฉันสามรอบ ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้น่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่ถอนหายใจและวิ่งขึ้นไปชั้นบน ผอ.กำลังดูรายงานบันทึกการรักษาของคนไข้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ พอเห็นเฉียวเมิ่งเยว่เข้ามา ก็พูดออกมาอย่างขี้เกียจว่า “กลับไปเถอะ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์มาบ่นเธอหรอกนะ” “หืม วันนี้ไม่ใช่วัยทองหรอกเหรอ?” “หึหึหึ สหายน้อยเฮียวเมิ่งเยว่ ถ้าไม่โดนฉันบ่นวันนึงจะรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรขาดหายไปใช่ไหม?” “ก็แค่กลัวว่าถ้าคุณไม่ได้ด่าแล้วจะไม่สบาย แต่ในเมื่อยังปกติดีอยู่ งั้นฉันกลับไปทำงานก่อนล่ะ” “เธอไปดูที่ห้องเก็บศพก่อนเถอะ” “ทำไมคะ?” “หนิงหลิงมาแล้ว ไปช่วยดูหน่อยว่ามีอะไรที่เธอช่วยได้ไหม” “เขามาเรื่องศพของคนที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะเหรอ?” “ศพพวกนั้นน่ะยังพอได้อยู่ ไม่ได้มีบาดแผลอะไรมา ฉันพูดถึงศพที่มาใหม่ ค่อนข้างจะหนักหนาเลย ต้องให้เขาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่” “อ้อ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปดูหน่อยก็ได้” เฉียวเมิ่งเยว่พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ผอ.ตะโกนตามหลังมา “อย่าตกใจกลัวไปล่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่เก็บความขี้ขลาดตาขาวไว้ในใจ แล้วก็วิ่งไปที่ห้องเก็บศพ ห้องเก็บศพไม่ได้อยู่ตึกเดียวกับอาคารบริหาร หรืออาคารผู้ป่วย เป็นตึกแถวสร้างอยู่หลังห้องเก็บของ ที่นี้สร้างเพื่อเป็นที่เก็บศพโดยเฉพาะ พอเฉียวเมิ่งเยว่เดินผ่านสวยดอกไม้มา ก็เห็นรถตู้ของหนิงหลิงที่จอดอยู่หน้าห้องเก็บศพ เฉียวเมิ่งเยว่ทักทายลุงยามแล้วก็เข้าไปข้างใน หนิงหลิงยืนอยู่หน้าเตียงไม้ ไม่ได้หันหน้ากลับมาด้วยซ้ำ “เวลาทำงานมาทำอะไรที่นี่?” “ผอ.ให้ฉันมาช่วยดูนาย ยังไงฉันก็ไม่ได้เจอนายนานแล้ว หลายวันก่อนก็เร่งรีบไปหน่อย ก็เลยไม่ได้คุยกับนายดีๆ” หนิงหลิงกลอกตาใส่เธอทีนึง “เธอซื่อบื้อขนาดนี้ ทำไมคนในตระกูลเห้อถึงเลือกแต่งงานด้วยได้นะ?” “ได้โปรดอย่าสาปแช่งฉันกับครอบครัวสามี ขอบคุณค่ะ” “ขี้เกียจจะด่าเธอแล้ว”หนิงหลิงเงยหน้าขึ้นและพยายามยกแขนตัวเองขึ้นมาเช็ดหน้า พอเฉียวเมิ่งเยว่เห็นดังนั้น ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วก็เช็ดเหงื่อที่ใบหน้าให้เขา “ศพนี้ตายได้ยังไงน่ะ” “ไปนอนให้รถไฟทับ” “แล้วทำไมถึงส่งมาที่โรงพยาบาลล่ะ?” “เจ้าหน้าที่รถไฟส่งมาน่ะสิ” หนิงหลิงใส่หน้ากาก เปิดผ้าห่อที่เปื้อนเลือดออก แล้วพูดว่า “เฉียวเมิ่งเยว่ ฉันขอเตือนเธอจริงจังเลยนะ ถ้าเกิดว่าอนาคตเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ขอร้องว่าอย่าไปนอนให้รถไฟทับเข้าใจไหม? สภาพศพดูไม่ได้เลย” เฉียวเมิ่งเยว่มองศพที่อยู่ใต้ผ้าขาว “นายมองฉันในแง่ดีบ้างได้ไหม?” “ฉันเป็นห่วงเธอต่างหาก” ผ้าขาวถูกเปิดออก เผยให้เห็นสภาพศพที่เละไม่เป็นชิ้นดี นอกจากใบหน้าที่ยังเหลือครบแล้ว ทั้งตัวก็เละไม่เหลือชิ้นดี ขนาดเฉียวเมิ่งเยว่ที่เคยเห็นคนตายจนชินยังตกใจ “พี่หนิง แล้วยังงี้นายจะจัดการยังไงเนี่ย?” “น่าจะต้องทำความสะอาดตามเนื้อตัวและพวกอวัยวะก่อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าครบแล้วค่อยเย็บ” หนิงหลิงพูดไปพลางเช็คแขนขาของศพ “นิ้วมือ สมองและอวัยวะภายในแทบจะไม่เหลือแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเนื้อบดไปรึยัง” “ไปดูสถานที่จริงไหม?” หนิงหลิงหันมามองหน้าเธอ “เธอคิดจะโดดงานไปกับฉันเหรอ?” “ผอ.เป็นคนบอกฉันว่านายอยู่ที่นี่ คงกะจะให้ฉันมาช่วยนายอยู่แล้วแหละ” “ตาแก่นั่นสมองกลับแล้วรึไงกัน” หนิงหลิงเช็คสภาพศพอีกครั้ง ก่อนจะถอดหน้ากากออก พวกเขาขับรถเกือบชั่วโมง เพื่อไปที่สถานที่เกิดเหตุ หนิงหลิงหยิบพลั่วและกระเป๋าหนังงูออกมาจากท้ายรถ และเอาไฟฉายกับถุงสูญญากาศให้เฉียวเมิ่งเยว่ถือไว้ ทั้งสองคนเดินต่อไปอีกสิบนาทีก็เจอที่ๆเขาฆ่าตัวตาย ตรงนั้นมีคนอายุประมาณสี่สิบกว่า ยืนร้องไห้จนตาบวมอยู่ตรงนั้น พอผู้ชายคนนั้นเห็นพวกเขาเดินมา ก็พูดเสียงสั่น “ท่านครับ ฝากลูกผมด้วยนะ ชีวิตของลูกผมไม่ง่ายเลย ถ้าจะให้เขาไป ก็อยากให้เขาไปแบบสมบูรณ์” หนิงหลิงตอบว่า “ตอนนี้ร่างของลูกชายคุณขาดนิ้วมือไปสองนิ้วแล้วก็กระโหลด ตอนนี้แสงสว่างดีแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปตามหากัน คุณโทรบอกญาติๆของคุณเถอะครับ” “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริงๆ” เฉียวเมิ่งเยว่ได้แต่มองทั้งสองคนเงียบๆ ทั้งสามคนทักทายกันอย่างเรียบง่าย แล้วก็ต่างแยกกันไปตามหา ตอนนี้รถไฟค่อนข้างน้อย พวกเขาก็ตามหาจากระยะรอยเลือดประมาณยี่สิบเมตร เหมือนว่าพ่อของผู้ตายได้รับการกระทบจิตใจมากกว่าเกิน ตามหาจนไม่มีแรง เขาหยิบก้อนหิวเปื้อนเลือดมา แล้วถามหนิงหลิงว่า “ท่านครับ อันนี้ใช่กระดูกกระโหลกลูกชายผมรึเปล่าครับ?” “ไม่ใช่ครับ พี่ใหญ่ ไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ เรื่องนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการเถอะ วางใจได้เลย ยังไงก็ต้องส่งลูกชายคุณไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แน่นอน” “เฮ้อ” เฉียวเมิ่งเยว่และหนิงหลิงบีบจมูกของเขาไว้และมองไปหาต้นตอที่ส่งกลิ่น คนที่ไม่ได้เดินทางโดยรถไฟบ่อยๆอาจจะไม่รู้ว่า ทั้งสองข้างทางรถไฟเหมือนกับเป็นที่เก็บขยะเล็กๆ ได้กลิ่นแล้วชวนคลื่นไส้อย่างมาก เปลือกผลไม้กับเศษกระดาษยังถือว่าเบาไปเลย ถ้าไม่ระวังพวกเขาอาจจะเหยียบโดนอุจจาระได้ และพวกเขาต้องหานิ้วมือกับเศษกระโหลกในกองขยะนี้ ไม่อยากจะจินตนาการถึงความยากลำบากและความคลื่นไส้ พ่อของผู้ตายไปพักครู่นึง แล้วก็กลับมาช่วยหาต่อ จนถึงบ่ายโมง ทั้งสามคนถึงช่วยกันหาจนครบ ผู้ชายคนนั้นกอดเศษกระโหลกและนิ้วมือของลูกชายพร้อมร้องไห้อย่างหนัก เฉียวเมิ่งเยว่กับหนิงหลิงได้แต่ยืนมองเขาร้องไห้เงียบๆ ไม่มีใครปลอบอะไร การตายคือเรื่องใหญ่ ปลอบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือหาเศษส่วนของเขาให้ครบ ให้เขาได้จากโลกนี้ไปอย่างสมบูรณ์ 
已经是最新一章了
加载中