บทที่ 89 เธอหลงรักฉันแล้วหรอ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 89 เธอหลงรักฉันแล้วหรอ
บ๗ที่ 89 เธอหลงรักฉันแล้วหรอ ที่ฝังศพ หนิงหลิงยังคงจัดการกับศพที่ถูกรถไฟทับอยู่ แล้วเฉียวเมิ่งเยว่ก็เข้ามา เขาก็ถามว่า “เธอมาทำอะไรอีก?” เฉียวเมิ่งเยว่ ไม่ตอบและถามกลับว่า “เมื่อไหร่จะเสร็จอะ?” “ใกล้เสร็จแล้ว จัดการอีกนิดน่อยก็ส่งกลับไปจัดการได้แล้ว” “อืมอืม” เฉียวเมิ่งเยว่ตอบซึมๆ แล้วก็นั่งรออยู่ด้านข้าง หนิงหลิงเหลือบมองเธอด้วยหางตา แล้วก็เร่งมือต่อ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หนิงหลิงกับเฉียวเมิ่งเยว่ก็ขับรถไปส่งศพที่จัดงาน พอเห็นว่าระยะทางค่อนข้างไกล หนิงหลิงถึงเอ่ยปากถามว่า “เป็นอะไรไป?” “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เลยอยากมาคุยกับนายหน่อย” “ถ้าคุยกับฉันก็คุยได้แค่เรื่องคนตายเท่านั้นแหละ เรื่องนั้นฉันถนัด” เฉียวเมิ่งเยว่:“……” หนิงหลิงพาเฉียวเมิ่งเยว่กลับบ้าน เขามีที่ดินอยู่ในเขตชานเมือง มีอาคารขนาดเล็กสามชั้น แล้วก็มีสวนดอกไม้ด้วย รายได้ของคนจัดการศพไม่น้อยเลยนะ ผู้คนยินดีจ่ายให้กับการทำงานของเขา เพราะฉะนั้นหนิงหลิงไม่ได้ขาดรายได้ แถมเขายังเอาเงินนั้นมาสร้างที่ดีได้สวยงามเลยทีเดียว ดอกไม้ในสวนดอกไม้นี้เบ่งบานสวยสดงดงามมาก ขนาดอยู่ไกลๆยังสามารถได้กลิ่นหอมๆของดอกไม้ พอเฉียวเมิ่งเยว่ได้เข้าไปในสวนดอกไม้ ก็แทบไม่อยากจะออกมาแล้ว หนิงหลิงกลอกตา แล้วก็เปิดประตูเข้าไปเอาของกิน มาถวายให้คุณนายท่านนี้ เฉียวเมิ่งเยว่มองดอกไม้แบบเหม่อเลย เธอพยายามเอามือถูใบหน้าเพื่อให้ตัวเองมีสติ แต่อารมณ์ของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย หนิงหลิงอุ่นอาการที่พึ่งซื้อกลับมาเมื่อกี้ แล้วก็ถือเบียร์กับนมออกมา “กินข้าวกันเถอะ กินเสร็จแล้วก็ดื่มนม แล้วก็แยกย้ายกันไปเรื่องที่ต้องทำซะ” “แต่ฉันอยากดื่มเบียร์” “คิดได้ดี” พอหนิงหลิงพูดจบก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกนึง แล้วก็มองเฉียวเมิ่งเยว่อย่างยั่วยุ เฉียวเมิ่งเยว่ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวไปเงียบๆ ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ หนิงหลิงเลยเอ่ยปากถาม “พูดมาเถอะ เกิดเป็นลมบ้าหมูอะไรขึ้นมาอีก” “ก็เป็นเกี่ยวกับเรื่องช็อคที่ทำให้หัวใจของผู้หญิงตัวเล็กๆเจ็บปวดน่ะ พี่หนิง นายคิดว่าทำไมคนเราถึงจำเป็นต้องแต่งงานด้วยเหรอ?” “จำเป็นตรงไหน ฉันยังโสดอยู่เลยไม่เห็นเหรอ?” “นายไม่อยากแต่งงานจริงๆเหรอ?” หนิงหลิงมองเธอด้วยสายตาขี้เกียจจะตอบ “ผู้หญิงคนไหนจะยอมแต่งงานกับฉันกัน? เธอคงรู้สึกโชคร้าย แถมครอบครัวของเธอก็คงไม่ยินยอมเท่าไหร่” “งานนี้มันมีอะไร คนก็ตายไปแล้ว ถ้าไม่มีคนมาจัดการ เขาก็อ้างว้างน่ะสิ” “เชอะ เธอคิดว่าทุกคนจะคิดเหมือนเธอรึไง ดื่มนมไปเถอะ” เฉียวเมิ่งเยว่ถอนหายใจ “วันนี้อารมณ์ฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่หนิงอย่าหัวเราะเยาะฉันนะ” “ไม่หัวเราะหรอก ดื่มต่อเถอะ” เฉียวเมิ่งเยว่ดื่มนมลงไป แล้วก็คุยกับหนิงหลิงไปด้วย รู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เธออยู่กับหนิงหลิง ก็จะเป็นแบบนี้ตลอด เฉียวเมิ่งเยว่อยู่ที่บ้านหนิงหลิงจนถึงสามทุ่ม ถึงขับรถกลับบ้าน ที่จริงแล้ว เธอยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับสิ่งที่เธอพึ่งได้ยินมาวันนี้ เมื่อก่อนเธอก็รู้อยูแล้วแหละว่าที่เห้ออี้ลั่วแต่งงานกับเธอก็เพราะเสี่ยวเป่า แต่พออยู่ด้วยกันไปสักพัก เธอก็ลืมข้อนี้ไป เผลอคิดไปว่าเห้ออี้ลั่วคงจะรู้สึกชอบเธอขึ้นมาบ้าง วันนี้ถึงพึ่งคิดได้ว่า เห้ออี้ลั่วจะเอาอะไรมาชอบเธอกัน เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้ ถ้านี่เป็นการแต่งงานแบบปกติล่ะก็ เธอคงจะเกาะแขนเสื้อเขา และหาเรื่องทะเลาะกับเห้ออี้ลั่วทันที แต่ว่าตอนนี้ เธอรู้สึกไม่กล้าทะเลาะ กลัวว่าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหว เฉียวเมิ่งเยว่จอดรถที่ลานจอดรถ ก็เห็นว่าในคฤหาสน์ยังเปิดไฟดวงเล็กๆอยู่ เฉียวเมิ่งเยว่เดินเข้าไป ก็เจอเห้ออี้ลั่วอย่างไม่แปลกใจ เห้ออี้ลั่วเอ่ยปากถาม “ทำงานล่วงเวลาอีกแล้วเหรอ?” เฉียวเมิ่งเยว่คิดอยู่แป๊ปนึง ก็ตอบว่า “เปล่า” “แล้วทำไมกลับมาดึกขนาดนี้?” “คุณชาย ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย” เห้ออี้ลั่วมองหน้าเธอด้วยความสงสัย ดวงตาสีดำสนิทของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เขาชี้ที่โซฟาด้านข้างเขา “นั่งสิ” เฉียวเมิ่งเยว่นั่งลงบนโซฟา รวบรวมสิ่งที่จะพูดพักนึง แล้วพูดว่า “เราแยกกันนอนดีไหม?” “ทำไม?” “ฉันรู้สึกไม่เป็นอิสระ” เห้ออี้ลั่วเงียบไปพักนึง เขาน่าจะรู้เหตุผลแล้ว “เมื่อตอนบ่ายหวินซานโทรหาเธอ?” เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ “พวกเราคิดไม่เหมือนกัน ไม่ว่าก่อนหน้านี้เหตุผลของการแต่งงานคืออะไร แต่ในระหว่างการแต่งงานนี้ ฉันก็ไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้น นายกับครอบครัวให้เกียรติฉันกับครอบครัว พวกเราได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นเพราะตัวตนของนาย และทำให้ผ่านวิกฤตบางอย่างได้ ฉันต้องขอบคุณนายมากจริงๆ ที่จริงฉันก็คาดหวังให้เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่เรื่องนั้นน่าจะเป็นเพราะฉันคิดเพ้อเจ้อไปเอง” เห้ออี้ลั่วหาทางออกไม่ได้จริงๆ ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ถึงได้พูดออกมาหมดแบบนี้ ถ้าเกิดเธอไปทำธุรกิจ คงโดนกดขี่ตายแน่ๆ “เธอรักฉันแล้วเหรอ?” เฉียวเมิ่งเยว่พยายามคิดอยู่ครู่นึง “ฉันว่าฉันน่าจะชอบนายนิดหน่อย ความสัมพันธ์ของเรามันไม่เท่าเทียมกันตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ถ้าเกิดว่าฉันรักนายอีกล่ะก็ คงรู้สึกอ้างว้างน่าดู คุณชาย นายไม่ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันทุกวันได้ไหม หัวใจฉันรับไม่ไหวแล้ว” เห้ออี้ลั่วกลอกตามองบน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำสารภาพรักแบบมีแมลงวันห้าร้อยตัวอยู่ในนั้น ตอนแรกเขาก็อยากพูดคำพูดที่โหดร้าย แต่พอเห็นดวงตาที่สดใสราวกับดวงดาวของผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้า ก็เลยไม่ได้พูดออกไป เฉียวเมิ่งเยว่เห็นว่าเห้ออี้ลั่วไม่ได้ตอบอะไร เธอก็พูดต่อ “หรือว่าให้ฉันนอนที่พื้นดี? คุณชาย พวกเราต้องยอมถอยคนละก้าวนะ ถ้าเกิดว่านายไม่ยอม พวกเราก็ใช้ชีวิตต่อไม่ได้นะ” พอพูดจบ เฉียวเมิ่งเยว่ไม่รอให้เห้ออี้ลั่วพูดต่อ คว้ากระเป๋าและวิ่งขึ้นบันไดไป ตอนที่เห้ออี้ลั่วขึ้นไปข้างบน เฉียวเมิ่งเยว่ก็จัดแจงหมอนกับผ้าห่มของตัวเองไปไว้ที่พื้นเรียบร้อย แถมยังนอนอยู่ตรงนั้นแล้วด้วย เห้ออี้ลั่วเตะที่ก้นเธอเบาๆ “ไม่อาบน้ำเหรอ?” “เมื่อตอนกลางวันอาบที่โรงพยาบาลมาแล้ว ใช่สิ เวลาปกติฉันจะนอนพื้น แต่ถ้าประจำเดือนมา นายต้องยกเตียงให้ฉันนะ” “แล้วถ้าฉันไม่ให้ล่ะ?” “ช่วยรักเพื่อนร่วมชาติหน่อยได้ไหมหะ? ตอนที่ผู้หญิงเป็นประจำเดือน ร่างกายจะรู้สึกเย็นง่ายกว่าปกติ ถ้านายไม่ยอมให้ฉันนอนบนเตียง แก่ตัวไปฉันจะปวดเอวนะ” “ไม่ให้!” เห้ออี้ลั่วพูดออกมาสองคำก็ก้าวขายาวๆเข้าห้องอาบน้ำไปแปรงฟัง เฉียวเมิ่งเยว่มองแผ่นหลังที่สูงโปร่งของเขา อยากจะวิ่งเข้าไปต่อยซะจริงๆ วันต่อมา พอเฉียวเมิ่งเยว่ลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง เธอหยิกตัวเอง ก็ปรากฏว่านี่ไม่ใช่ฝัน เห้ออี้ลั่วพยายามกลั้นขำและมองหน้าเธอ “คุณหมอเฉียว นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์มากเลยนะ หืม?” “ซื่อสัตย์บ้านนายสิ ฉันแค่ยังไม่ค่อยชินกับการนอนที่พื้นเฉยๆหรอก ครั้งหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว” เฉียวเมิ่งเยว่อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รีบลงจากเตียงไปอาบน้ำ ผ่านไปหลายวัน ตอนกลางคืนเฉียวเมิ่งเยว่จะนอนที่พื้น แต่เช้ามาก็จะนอนอยู่บนเตียงทุกวันเลย ดังนั้น เธอจึงโดนเห้ออี้ลั่วเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำให้เธอคิดว่าเธอชอบเดินละเมอเวลาหลับ เธอกลัวว่าวันนึงเธอจะละเมอและไปนอนทับเห้ออี้ลั่วเข้าน่ะสิ ตอนนั้น มันคงน่าละอายมากเลย คืนวันศุกร์ เฉียวเมิ่งเยว่พยายามตั้งสติของตัวเองเต็มที่ เธอมุดตัวลงไปในผ้าห่มและแกล้งหลับ เห้ออี้ลั่วจัดการงานของตัวเองอยู่ในห้องอ่านหนังสือจนถึงห้าทุ่ม พอกลับมาที่ห้องก็เห็นว่ายัยผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้นอนขดใต้ผ้าห่มอยู่ราวกับดักแด้ ดูหลับสบายมาก 
已经是最新一章了
加载中