บทที่ 91 เสี่ยวเป่ากำลังจะเข้าเรียน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 91 เสี่ยวเป่ากำลังจะเข้าเรียน
บ๗ที่ 91 เสี่ยวเป่ากำลังจะเข้าเรียน โรงเรียนประถมเฉินซีห่างจากที่อยู่ของพวกเขาไม่ไกลมาก ขับรถเพียง 20 นาทีก็ถึง การสัญจรจากคฤหาสน์ไปยังโรงเรียนนั้นไม่ค่อยพบการจราจรที่ติดขัด ถึงอย่างไรก็ตามที่นี่ก็เป็นชุมชนที่มีระดับ ความหนาแน่นของที่พักอาศัยและประชากรที่อาศัยอยู่แตกต่างจากชุมชนทั่วไปเป็นอย่างมาก โรงเรียนครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง ชั้นประถมทั้ง 6 ชั้นมีรวมกันทั้งหมด 30 ห้องเรียน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.21 ตารางกิโลเมตร ยังไม่ได้นับรวมป่าเขากับสวนผลไม้ของโรงเรียนเข้ามาด้วย ถ้าหากนับรวมพื้นที่เหล่านั้นเข้ามาด้วย โรงเรียนจะครอบคลุมพื้นที่เกินกว่า 4 ตารางกิโลเมตร วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ภายในโรงเรียนมีเพียงไม่กี่คน พวกของเฉียวเยว่เมิ่งตรงไปยังที่ที่ทำงานของคุณครู คุณครูสาวอายุราวๆ 50 กว่าปีกำลังยิ้มแก้มปริรออยู่ที่ที่ทำงานในชั้นที่ 1 พอได้เห็นว่าพวกของเฉียวเยว่เมิ่งเดินเข้ามาก็ยิ้มแบบตาหยีเดินไปข้างหน้า 2 ก้าว พร้อมกับยื่นมือไปจะจับมือกับเสี่ยวเป่า ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอถามหน่อยนะจ๊ะ หนูเป็นเพื่อนกับเห้อเวยเฟยใช่ไหม? ยินดีที่ได้พบกันนะจ๊ะ” เสี่ยวเป่ามองมือที่ยื่นออกมาครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมือไปจับอย่างลังเลใจ “ฉันชื่อหลี่ฮุ่ยนะ ในอนาคตข้างหน้าจะเป็นครูประจำชั้นของเธอ หวังว่าพวกเราจะสามารถสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันนะจ๊ะ” เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเต็มใจที่จะสื่อสารด้วยนัก แต่ว่าผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนกลับไม่รู้สึกกังวลใจ หลี่ฮุ่ยเคยพบเจอเด็กมามากมาย และเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวเป่าที่เป็นแบบนี้จะแปลกอะไร เด็กทุกคนล้วนมีสถานที่ที่พิเศษของเขา เพียงแค่ต้องยอมเข้าหากับผู้อื่น ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ “ถัดไปนะคะ ก่อนอื่นดิฉันจะขอพาบุคคลที่รู้จักสภาพแวดล้อมในโรงเรียนเป็นอย่างดีไปด้วยนะคะ โรงเรียนครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เด็กทุกคนจะมีหอพัก ในตอนกลางวันของวันจันทร์ถึงวันศุกร์พวกเขาจะถูกปล่อยให้อยู่ที่หอพัก ในตอนกลางคืนจะกลับบ้านพร้อมกับรถโรงเรียนหรือผู้ปกครองมารับส่งค่ะ” หลี่ฮุ่ยพาพวกเขามาถึงบริเวณที่ถูกแบ่งไว้อย่างกว้างขวางสำหรับบ้านลายการ์ตูนที่เรียงกันเป็นแถว “ที่นี่เป็นบริเวณหอพักที่ไว้สำหรับดูเด็กๆ สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีครบหมด สามารถดูหรือเพิ่มเติมสิ่งที่จำเป็นเข้าไปได้ค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งนึกไม่ถึงเลยว่าภายในโรงเรียนจะมีหอพัก พอเธอนึกถึงว่าเสี่ยวเป่าจำเป็นต้องพักอยู่กับคนอื่น ก็อดไม่ได้จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย “หอพักของชั้นประถมทั้ง 6 ชั้นจะถูกแยกออกจากกัน บริเวณหอพักของชั้นประถมปีที่ 1 จะมีแค่ 1 ชั้น เป็นการจำกัดขอบเขตเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเด็กๆปีนขึ้นที่สูงจนได้รับบาดเจ็บค่ะ” หลี่ฮุ่ยพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการอธิบาย บริเวณหอพัก บ้านหลังเล็กๆถูกตกแต่งประดับประดาด้วยภาพภาพยนตร์ที่เป็นการ์ตูน ดูน่ารักเป็นอย่างมาก หลี่ฮุ่ยพาพวกเขาเดินมาถึงตรงกลางของหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่จะผลักเพื่อเปิดประตู บริเวณภายในไม่นับว่าใหญ่มาก มีเตียงลายการ์ตูนอยู่ 2 เตียง ตู้ กระเป๋า รองเท้าแตะ ผ้าห่ม หรืออะไรก็ตามจะมี 2 ชิ้น เห็นได้ชัดว่าหอพัก 1 หลังจะมีเด็กอยู่ 2 คน หลี่ฮุ่ยแนะนำว่า “ประตูของหอพักจะมีช่องกระจกอยู่ สามารถมองเห็นสภาพด้านใน และอีกอย่างประตูของหอพักไม่สามารถล็อกกลอนได้ ภายนอกสามารถเปิดประตูเข้ามาได้ตามสะดวก ตอนที่เด็กๆไม่มีคาบเรียน จะสามารถมาพักที่นี่ได้ บริเวณหอพักจะมีคุณครูเฉพาะด้านดูแลอยู่ และยังมีการติดตั้งกล้องเพื่อดูการเคลื่อนไหวของเด็กๆได้ตลอดเวลา รับประกันได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยแน่นอนค่ะ ” สายตาของเสี่ยวเป่าหยุดอยู่ที่เตียงนอนลายการ์ตูนทั้ง 2 เตียง ก่อนที่จะเดินไปนั่งตรงนั้น เฉียวเยว่เมิ่งไปนั่งเป็นเพื่อนเขา ยิ้มและถามว่า “ลูกชายชอบไหมจ๊ะ?” เสี่ยวเป่าพยักหน้าด้วยความเขินอายเล็กน้อย .......... หลี่ฮุ่ยยังพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่อีกหลายแห่ง ดูบริเวณการเรียนการสอน ห้องเรียนที่มีที่นั่งเรียงแบบขั้นบันได โรงยิม ตลอดจนสถานที่ที่ให้ความบันเทิงแก่พวกเด็กๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่เป็นแบบเฉพาะด้านมาก และสภาพแวดล้อมยังดีอีกด้วย เป็นเรื่องที่ดีที่เพียงพอสำหรับการจะเรียนที่นี่ เฉียวเยว่เมิ่งเพิ่งค้นพบว่าเด็กในโรงเรียนธรรมดาอย่างพวกเธอแตกต่างกับเด็กในโรงเรียนคนรวยมากแค่ไหน แค่จุดเริ่มต้นก็ห่างกันมากๆแล้ว หลังจากพาเสี่ยวเป่าเดินรอบโรงเรียนจนครบ 1 รอบแล้ว หลี่ฮุ่ยก็เดินจากไป ปล่อยให้พวกเขาเดินเล่นด้วยตัวเอง พวกเขา 3 คนพ่อแม่ลูกเดินหมุนรอบโรงเรียนเป็นวงกลม ก่อนที่จะเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่ากับเชอหลุนที่สนามเด็กเล่นเป็นเวลาชั่วโมงกว่า เสียงโทรศัพท์ของเฉียวเยว่เมิ่งดังขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจเดินกลับบ้าน เฉียวเยว่เมิ่งรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะแม่” “ลูกยุ่งอะไรนักหนา ถ้าไม่มีธุระก็กลับบ้านมาสักครั้ง” “เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?” “ไว้กลับมาค่อยคุยกัน” “หนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณเศรษฐีคะ ฉันต้องกลับบ้านสักครั้ง แม่เหมือนจะมีธุระจะคุยด้วยค่ะ” “ผมไปส่งคุณเอง” “ไม่ต้องค่ะ ตอนที่แม่ของฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีคุณกับเสี่ยวเป่าอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าท่านดีกว่า เพื่อที่จะไม่ทำให้ท่านหมดไฟจนทำให้ตัวเองเก็บจนล้มป่วยอีก” ** เฉียวเยว่เมิ่งขับรถกลับคอนโดอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบตลอดทั้งทาง พอออกจากลิฟท์ ก็พบกับประตูบ้านของตัวเองปิดกั้นอยู่ ภายในนั้นมีเสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เสียงนั่นเป็นเสียงน้าสะใภ้ของเธอเอง “พวกเธอดูไม่ออกหรอว่าหย่าเอ่อของพวกเราดีขนาดนี้ หรือไม่จริง? หย่าเอ๋ออาศัยความสามารถของตัวเองเข้าทำงานที่บริษัทเห้อซื่อ ผลลัพธ์คือทำงานอยู่ที่นั่นหลายเดือนก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ตอนนี้กำลังจะถูกไล่ออก ทักษะในการทำงานของหย่าเอ่อก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแก่สายตาของทุกคน พวกเธอลองค้นหามโนธรรมของตัวเองดูสิ พวกเธอน่ะเบื้องหลังแท้จริงแล้วนั้นแสดงเป็นบทบาทอะไรกันอยู่?” ลั่วหมิงเม่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ที่เธอหมายถึงก็คือ ฉันพูดให้ร้ายลูกของเธอลับหลัง จนทำให้เขาถูกบริษัทไล่ออกงั้นสิ ฉันมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอย่างนั้นล่ะ?” “เหตุผลหรอ? พวกเธอก็แค่ไม่อยากให้หย่าเอ่อดีเกินหน้าเกินตา แย่งการเป็นที่สนใจของคนรอบข้างจากลูกสาวของเธอ? เฉียวเยว่เมิ่งในปีนั้นได้ก่อเรื่องอะไรให้โจวจื่อหยางไว้บ้าง พวกเธอไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะสั่นสะเทือนไปถึงเห้ออี้ลั่ว จนเฉียวเยว่เมิ่งอาจจะมีโอกาสถูกไล่ออกจากบ้านใช่ไหม?!” ลั่วหมิงเม่ยโมโหจนสั่นระริกไปทั่วทั้งร่างกาย จนไม่อาจจะไว้หน้าฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว “พวกเธอนี่ชอบพูดดีเข้าตัวเองจริงๆ แย่งความสนใจจากเสี่ยวเมิ่งหรอ? เขาจะเอาอะไรมาแย่งไปได้? ฉันเห็นว่าพวกเธอค่อนข้างอยากจะได้ตำแหน่งภรรยาตระกูลเห้อใช่ไหม? อี้ลั่วอยู่ที่ศูนย์การค้ามาตั้งหลายปีละ ไม่ว่าผู้หญิงประเภทไหนเขาก็ไม่เคยไปพบเจอ เขาจะแต่งงานกับลูกสาวของฉันเท่านั้น ยังมีอะไรที่พูดไม่ชัดเจนอีกไหม? เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงในศูนย์การค้าเหล่านั้นเลย จะให้ฉันอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้อีกนิดไหม? ก่อนที่ลูกสาวของฉันจะปรากฏตัวขึ้น พวกเธอเคยได้ยินข่าวซุบซิบของเห้ออี้ลั่วแม้แต่น้อยไหม? พวกเธอน่ะ วันๆก็เอาแต่คิดถึงแผนการที่ไม่ดี ไม่ยอมทิ้งจะตั้งใจรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้มันดี” พอลั่วหมิงเม่ยพูดจบก็เอียงหน้ามองไปทางลั่วหย่าเอ่อที่นั่งอยู่ข้างบนโซฟา “ฉันไม่อยากที่จะสอบสวนเธอเรื่องวิธีการทำงานว่ามันถูกต้องหรือไม่หรอกนะ ถ้ามีส่วนหนึ่งที่ไม่เลวร้าย เธอก็จะดีเหนือกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ แต่ถ้าเธอจะใช้ความดีนั้นเพื่อที่จะเข้าไปอยู่ในสายตาของเห้ออี้ลั่วแล้วล่ะก็ เธอก็เลวแล้วล่ะ เขาในแต่ละปีนั้นเจอผู้หญิงที่ดีพร้อมมันน้อยนักหรอ? เธอจะใช้อะไรทำให้เขาหยุดมองอยู่แค่ที่ตัวของเธอเท่านั้นล่ะ? เธอและพ่อแม่ของเธอที่ทำเรื่องเหล่านี้อยู่ในตอนนี้ ฉันมองว่ามันเป็นเรื่องที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรม ไร้ยางอาย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับพี่เขยของลูกพี่ลูกน้องในวันข้างหน้า มันจะทำให้เธอได้อะไรหรอ? เธอคิดหรอว่าถ้าเธอสามารถบีบให้เสี่ยวเมิ่งออกไปได้ เธอจะได้ขึ้นแทนที่น่ะ?” คำพูด 2 ประโยคสุดท้ายของลั่วหมิงเม่ยไม่มีความเกรงใจแล้ว แววตาแสดงถึงความเยือกเย็น ลั่วหย่าเอ่อที่ถูกเธอมองอย่างขู่ให้ขวัญเสีย แววตาก็เปล่งประกายขึ้นมานิดนึง เฉียวเยว่เมิ่งพอได้ยินคำพูดของแม่ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ ลั่วหย่าเอ่อสนใจในตัวเห้ออี้ลั่วอย่างนั้นหรอ? นี่มันอะไรต่อมิอะไรกัน เธอยังไม่มีท่าทีตอบโต้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงน้าสะใภ้ตวาดขึ้น “ลั่วหมิงเม่ย เธอเอาอะไรมาใส่ร้ายป้ายสีลูกฉันน่ะ นี่เธอรู้ตัวไหมว่าคำพูดที่คุณพูดมาเมื่อกี้น่ะมันดูถูกคนอื่น?” “ฉันดูถูกเขา? ฉันทำเรื่องไม่ใช่เรื่องอย่างนั้นหรอ? เมื่อก่อนฉันคิดว่าคำพูดบางคำไม่จำเป็นต้องพูดให้เข้าใจมากเกินไป แต่ฉันก็พบว่าถ้าหากพูดไม่ให้เข้าใจ พวกเธอแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยรู้สึก ตอนนี้ฉันจึงเอาคำพูดแรงๆเปิดประเด็น อี้ลั่วเป็นสามีของเสี่ยวเมิ่ง หวังว่าพวกเธอจะจำข้อนี้ให้ขึ้นใจ อย่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้เลย! ” 
已经是最新一章了
加载中