บทที่ 92 สงครามระหว่างผู้หญิง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 92 สงครามระหว่างผู้หญิง
บ๗ที่ 92 สงครามระหว่างผู้หญิง เฉียวเยว่เมิ่งแอบเคารพนับถือแม่ในใจที่กล้าปะทะคารมอย่างไม่กลัวตาย น้าสะใภ้โกรธจนตัวสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย โยนกระเป๋าทิ้ง ตรงเข้าไปหยิกลั่วหมิงเม่ย เฉียวเยว่เมิ่งพอเห็นสถานการณ์ก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที ประตูถูกกเคาะอย่างแรงจนผนังส่งเสียงดัง เสียงดังกึกก้องสนั่นหู ทั้ง 3 คนที่อยู่ในห้องพากันตกใจ เฉียวเยว่เมิ่งถูกพวกเขาจ้องมอง จึงเดินไปอยู่ที่ข้างกายของลั่วหมิงเม่ย และพูดว่า “น้าสะใภ้คะ หย่าเอ่อ ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกคุณมาที่บ้านของเรา ก็เป็นเหมือนแขก มีคำพูดบางคำที่แม่ของฉันอาจจะพูดเกินไป แต่ถ้าพวกคุณไม่ยั่วโมโหแม่ก่อน แม่คงจะไม่พูดคำพูดที่น่าอายอย่างนั้นหรอกค่ะ นอกจากนี้ ที่ฉันอยากพูดอีกเรื่องก็คือ การที่จะวิ่งเข้ามาพื้นที่ของคนอื่นเพื่อตบตีหรือทะเลาะวิวาท เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลยนะคะ แล้วฉันก็อยากทราบว่าจุดประสงค์ที่พวกคุณมาที่ต้องการอะไรคะ บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทเห้อซื่อไม่กี่วันมานี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่แน่อาจจะมีหย่าเอ่อเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย?” ลั่วหย่าเอ่อพูดด้วยความเย็นชาว่า “เธอรู้แล้วหรอ?” “ในตอนนี้ยังไม่มีใครบอกฉันเกี่ยวกับบทสรุปของเรื่องนี้ ฉันคิดว่าเธอคงอยากจะทำผลงานให้ดีขึ้นในช่วงที่กำลังฝึกงานอยู่ พยายามเพื่อให้ได้อยู่ต่อใช่ไหม?” “เฉียวเยว่เมิ่ง นี่เธอไม่รู้สึกบ้างหรอว่าตอนนี้หน้าของเธอมันดูเสแสร้งเป็นพิเศษ?” “โอเค งั้นไม่พูดเรื่องนี้แล้ว งั้นเรามาพูดเรื่องในตอนนี้กัน พวกเธอมาก่อความวุ่นวายในบ้านของฉันเพื่อต้องการอะไร?” น้าสะใภ้กับลั่วหย่าเอ่อบนใบบ่งบอกถึงการกลืนไม่เข้าขายไม่ออก น้าสะใภ้พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “พวกเธอสร้างความลำบากให้ลูกสาวของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์มาทวงความยุติธรรมหรอ?” “ลำบากตรงไหนกัน? ทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบเพราะมันคือหน้าที่ มีตรงไหนไม่ถูกหรอ? หรือว่าพวกเธอคิดว่าฉันแต่งเข้าบ้านตระกูลเห้อแล้ว ไม่ว่าพวกเธอจะก่อเรื่องอะไร ฉันต้องรับผิดชอบแทนพวกเธองั้นหรอ? ทำไมพวกเธอไม่ลองคิดดูให้ดีนะว่าที่พวกเธอก่อเรื่องนี้ขึ้นมาจะทำให้ฉันตกอยู่ในภาวะไม่ว่าจำอะไรก็รู้สึกลำบากใจไปหมด เดิมทีแล้วบริษัทเห้อซื่อไม่มีคนในครอบครัวตระกูลเห้อหรือญาติคนอื่นๆอยู่ในนั้น พวกเขาไม่อยากพัฒนาธุรกิจด้วยตระกูลเพียงตระกูลเดียว หย่าเอ่อที่เธอเข้าไปนั้น พวกเขาก็ถือว่าพวกเราเป็นเสมือนญาติ คำพูดเหล่านี้ ฉันกับแม่ของฉันได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ตอนนี้ที่เรื่องมันเกิดขึ้น พวกเธอกลับคิดว่าฉันไปต่อว่าพวกเธอลับหลัง เรื่องนี้สุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร พวกเธอก็รู้ดีแก่ใจ ผลสุดท้ายแล้วการทำงานของพวกเธอผิดพลาด แถมแอบทำลับหลังพวกเราอีก ข้อนี้ฉันคิดว่าพวกเธอรู้แก่ใจดี คงไม่ต้องให้ฉันและแม่ต้องพูดกับพวกเธออีกครั้งนะ?” “เฉียวเยว่เมิ่ง ในตอนนี้เธอยังจะพูดจาประชดประชันอีกนะ!” ลั่วหย่าเอ่อสายตาเต็มไปด้วยความเอือมระออ เฉียวเยว่เมิ่งมองเธออย่างสงบจิตสงบใจ “นอกเหนือจากนี้ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรแล้ว พวกเธอกลับไปเถอะ ทำความสัมพันธ์ให้แตกร้าว ทำส่งผลแย่กับทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ” น้าสะใภกับลั่วหย่าเอ่อใบหน้าทั้งซีดทั้งเขียว สุดท้ายจึงเดินจากไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เฉียวเยว่เมิ่งนำน้ำอุ่นมาให้กับลั่วหมิงเม่ย “แม่คะ ดื่มน้ำสักหน่อยค่ะ” ลั่วหมิงเม่ยนวดขมับที่ปวดเมื่อยอยู่ พูดด้วยเสียงแหบแห้งฟังไม่ชัดว่า “แม่ไม่เข้าใจเลยว่า น้าของลูกเลี้ยงอบรมสั่งสอนลูกตัวเองให้โตมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? ลูกคงไม่รู้สินะ ตอนปีใหม่แม่ไปบ้านคุณยายของลูกมา ได้ไปเห็นโทรศัพท์ของหย่าเอ่อที่มีแต่ข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอี้ลั่ว รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาสนใจสามีของลูกได้ยังไงกัน?” เฉียวเยว่เมิ่งตบที่หลังของเธอเบาๆ “ไม่ต้องโมโหแล้วนะคะ คนที่สนใจสามีของหนูมีออกเยอะแยะ ไม่เห็นมีอะไรที่น่าโมโหเลยนี่คะ?” “นี่ลูกหมายความว่ายังไง? โอ้อวดหรอ?” ลั่วหมิงเม่ยมองค้อนด้วยความรู้สึกที่ยังไม่หายโกรธดี “ไม่ใช่โอ้อวดหรอกใช่ไหมคะ? ทำไมถึงพูดว่าสามีของหนูเป็นผู้ชายที่เลือกมาก ถ้าไม่อยากแต่ง ผู้หญิงของเขามีมากมาย เขาก็ไม่จีบ” เฉียวเยว่เมิ่งหยุดพูดสักพัก ก่อนจะพูดว่า “แม่คะ ที่แม่โกรธก็เพราะสาเหตุนี้หรอคะ?” “ไม่ใช่แน่นอน แค่ถูกพวกเขาบังคับให้พูดตามหัวข้อนั้น ก็เลยพูดถึงส่วนนั้นเท่านั้นเอง ผ่านการทะเลาะกันวันนี้ พวกเราจะไม่ไปที่บ้านของคุณยายกันอีก” “เรื่องมันไม่ได้มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้นนี่คะ คนบางคนไม่ถูกแม่ด่าว่าสักหน่อย พวกเขาก็อาจจะก่อเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ ก่อนหน้านี้อี้ลั่วกับหนูก็เคยพูดกันเรื่องนี้ เขาบอกว่าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่างของหย่าเอ่ออาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อบริษัท แต่ไม่กี่วันมานี้ค่อนข้างยุ่งมาก ก็เลยไม่ได้ใส่ใจที่จะสอบถามเรื่องนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าสถานการณ์ในที่นั่นของหย่าเอ่อในสุดท้ายแล้วเป็นเช่นไร?” “แม่ก็ฟังเขามาอีกทีนึง แต่ก็ฟังมาจากพ่อของลูกนั่นแหละ ตอนนี้เขามีหน้าที่รับผิดชอบออกแบบโครงการของที่นั่น ออกแบบจนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ร่วมลงทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทเห้อซื่อ เดิมทีโครงการนั้นจะเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน ตอนนี้กำลังทำงานในการโน้มน้าวใจเจ้าของกิจการ ให้เวลาพวกเขา 1 เดือนในการย้ายบ้าน ผลก็คือหย่าเอ่อยืนหยัดที่จะรับผิดชอบที่ดินแปลงนี้ แถมยังส่งคนไปทำร้ายเจ้าของกิจการเดิม ตอนนี้เจ้าของถูกยึดกิจการ การย้ายได้ถูกยืดเวลาออกไป ยืดเวลา 1 วัน บริษัทเห้อซื่อได้รับเงินเมเข้าไปในแต่ละวัน ทางบริษัทนั้นเคยมาขอพูดคุยกับหย่าเอ่อ เธอจึงคิดว่าลูกให้คนไปทำเช่นนั้น ไม่อยากให้เธออยู่ที่บริษัทเห้อซื่ออีก แถมยังจะให้ยายของลูกมาเปลี่ยนอุดมการณ์ในการทำงานของแม่อีก แต่แม่ปฏิเสธไป พวกเขาโทรมาหลายๆสายต่อวันเพื่อก่อกวน วันนี้ยังพากันมารวมตัวที่หน้าประตูบ้าน พวกเขายิ่งนับวันยิ่งไม่มีความละอายต่อความชั่วที่ทำเลย แม่จึงด่าอย่างตรงไปตรงมา เผื่อจะได้ทำให้พวกเขาไม่กล้ามากวนโมโหแม่อีกในเร็ววันนี้” เฉียวเยว่เมิ่งถูหน้าไปมา ก่อนจะพูดว่า “แม่คะ พอพูดถึงบทสรุปของเรื่องนี้หนูก็มีส่วนที่ผิด ในตอนที่หย่าเอ่อไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทเห้อซื่อ หนูก็รู้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว รู้สึกท้อใจ มันอาจจะไม่เกิดบทสรุปเช่นนี้ คุณยายอยู่ฝั่งนั้น พวกเรามีหวังจบเห่” “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ต้องหาหรอกว่าใครผิดใครถูก แล้วยังจะเป็นเรื่องความคิดของคุณยายและคนในครอบครัวนั้นอีก แม่นี่อยากจะคุกเข่ายอมแพ้ คนพวกนั้นคุ้นชินกับการผลักความผิดไปให้คนอื่น ต่อให้พวกเรามีเหตุผล ลูกก็ไม่มีทางบิดเบือนความคิดของพวกเขาได้หรอก ดังนั้นพวกเขาชอบขอบที่จะคิดแบบไปก็จะคิดแบบนั้น บางปีพวกเราสงเคราะห์เงินให้พวกเขาไม่น้อยเลย นอกจากจะไม่ได้ทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจแล้ว ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมอีก พ่อของลูกยังถูกแม่ทำให้เดือดร้อนอีก มิฉะนั้นแล้วเงื่อนไขของครอบครัวเราต้องดีกว่านี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ยังยืนหยัดอยู่ ต้องไม่ให้ญาติสนิทสนมกับลูกสะใภ้มากเกินไป การสนิทสนมมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของลูกและเขา พูดอีกอย่างก็คือ คนที่เขาแต่งงานด้วยก็คือลูก ไม่ใช่ญาติในครอบครัวเรา” เฉียวเยว่เมิ่งลูบมือของลั่วหมิงเม่ยด้วยความเจ็บปวดใจ “แม่คะ ขอบคุณแม่นะคะที่คิดเพื่อหนูเช่นนี้ หลังจากที่เกิดเรื่องขุ่นเคืองทำให้หนูต้องมา แม่ออกหน้าน้อยมากทั้งคุณน้าและคุณยายเพราะพวกเขาเป็นญาติ พวกเขาก็ใช้คำพูดกับหนูเหมือนเป็นญาติ ถ้าหนูพูดเยอะเกินไป แม้ว่าพวกเขาอาจจะโกรธ แต่พวกเขาคงจะไม่พาลใส่แม่หรอกค่ะ” ลั่วหมิงเม่ยที่อารมณ์ยังไม่ค่อยดีส่งสายตามองค้อนเธอ “ลูกน่ะมองโลกในแง่ดีเกินไป พวกเขาบางคนน่ะมีความคิดไม่เหมือนกับลูก ถ้าหากไม่มีผลประโยชน์ต่อพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลูกเคยทำให้มาก่อน คำที่เรียกว่าญาติน่ะ คือตอนที่ลูกลำบากพวกเขาจะหัวเราะเยาะเย้ยลูกอย่างโหดเหี้ยม แต่ถ้าลูกร่ำรวยมีเงิน พวกเขาก็จะมุ่งมาประจบสอพลอกวนใจลูก” เฉียวเยว่เมิ่งหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อแม่ก็รู้นี่คะ แล้วทำไมยังโมโหอีก” “คนนะไม่ใช่เครื่องจักร ที่ไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว ไม่พูดเรื่องนี้ละ หลานชายในตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหม?” 
已经是最新一章了
加载中