บทที่ 96 ฉันรู้ว่าสามีของฉันเป็นใคร   1/    
已经是第一章了
บทที่ 96 ฉันรู้ว่าสามีของฉันเป็นใคร
บ๗ที่ 96 ฉันรู้ว่าสามีของฉันเป็นใคร ครูผู้ช่วยหยุดชะงัก นึกไม่ถึงว่าเฉียวเยว่เมิ่งจะถามคำถามนี้ ตามหลักทั่วไป ผู้ปกครองจะโต้เถียงกันเอง ส่วนตัวเองจะมีหน้าที่ไกล่เกลี่ย คิดไม่ถึงว่า เฉียวเยว่เมิ่งจะถามเธอตามตรง ครูผู้ช่วยมองไปที่คุณนายหวง ก่อนที่จะกัดฟันแล้วพูดว่า “น้องเห้อเวยเฟยที่เพิ่งมาในวันนี้ ไม่ค่อยชอบพูดคุย น้องหวงจิ้งที่ค่อนข้างร่าเริงกว่าจึงเข้าไปพูดคุยกับน้องเห้อเวยเฟย การสนทนาระหว่างเด็ก 2 คนดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขนัก อาศัยช่วงที่คุณครูไม่ได้จับตาดูมีเรื่องปะทะกัน แต่ว่าคุณครูก็รีบยับยั้งโดยเร็ว” เฉียวเยว่เมิ่งพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นดิฉันอยากจะทราบอีกเรื่องว่าทำไมเป็นครูผู้ช่วย ก่อนหน้าที่ผู้ปกครองจะมา ถึงปล่อยให้เห้อเวยเฟยยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น ไม่สนใจเขาเลยสักนิด?” ครูผู้ช่วยถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรต้องตอบยังไง “คุณแค่คิดว่าผู้ปกครองอย่างพวกเราไม่เห็น ก็เลยไม่สนใจลูกของพวกเรายังไงก็ได้” เฉียวเยว่เมิ่งหันมาทางคุณนายหวง “คุณนายหวงคะ ฉันก็รู้ว่าทางด้านคุณก็กังวล ถ้าหากว่าวันนี้ฉันมาถึงก่อนคุณ ฉันอุ้มลูกของฉันไว้ ปล่อยให้น้องหวงจิ้งยืนโดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่มีคนทายาให้เขา คุณจะรับได้ไหมคะ?” คุณนายหวงไม่เข้าใจว่าเฉียวเยว่เมิ่งต้องการที่จะสื่อถึงอะไร จึงไม่ได้ตอบกลับ เฉียวเยว่เมิ่งก็ไม่ได้ต้องการการตอบรับอะไรจากเธออยู่แล้ว จึงพูดต่อไปว่า “เด็ก 2 คนทะเลาะกันมันเป็นเรื่องปกติ ผู้ใหญ่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องก็ยิ่งทำให้เรื่องมันรุนแรงยิ่งขึ้น ถ้าหากฉันพบว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจนะคะ ทุกคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ล้วนมีพื้นหลังที่ซับซ้อน ดังนั้นไม่ว่าใครก็อย่ามาดูถูกใคร” คุณนายหวงอดที่จะนิ่งเฉยไม่ได้ จึงพูดด้วยเสียงดังว่า “นี่เธอกำลังขู่ฉันหรอ?” เฉียวเยว่เมิ่งมองเธออย่างเย็นชา “ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวได้ เอาคำพูดที่ไม่น่าฟังทิ้งไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราวมันแย่เกินกว่าที่แก้ไข ฉันคิดว่ามันจะดีกับทุกฝ่ายนะคะ” “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาขู่ฉัน? เธอรู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร?” หลังจากที่เธอแต่งงานยังไม่มีใครที่กล้ามาพูดกับเธอเช่นนี้ เฉียวเยว่เมิ่งยังคงนิ่งเฉย ใบหน้าเชิดอย่างถือดี “สามีของคุณเป็นใครฉันไม่รู้หรอกนะคะ แต่ฉันรู้ว่ามีของฉันเป็นใคร ” คุณนายหวงนึกไม่ถึงเลยว่าท่าทางของเฉียวเยว่เมิ่งจะระรานแบบนี้ เธอเป็นคนแรกในโรงเรียนที่ไม่กลัวคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เฉียวเยว่เมิ่งไม่สนใจท่าทีตอบโต้ของคุณนายหวง กลับเปลี่ยนทิศทางไปยังเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดของคุณนายหวง “น้องหวงจิ้งจ๊ะ น้าไม่ได้ตำหนิหนูเลยนะจ๊ะ ต่อจากนี้ยังยินดีที่จะให้หนูกับเห้อเวยเฟยเป็นเพื่อนกัน เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บความคิด น้าคิดว่าเขาน่าจะยอมให้คนที่ร่าเริงอย่างหนูมาเป็นเพื่อนนะจ๊ะ” หวงจิ้งมองเฉียวเยว่เมิ่งอย่างประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้ารับ เฉียวเยว่เมิ่งสะกิดที่หลังของเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าทิ้งตัวลงไปยังหัวเข่าเฉียวเยว่เมิ่งอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก สร้างความแปลกใจให้แก่คุณนายหวงและหวงจิ้ง ก่อนที่จะเดินไปจับมือของหวงจิ้งอย่างเบาๆ สถานการณ์ก็คลี่คลายอย่างรวดเร็ว ครูผู้ช่วยมองอย่างงงวย ไม่รู้ว่าควรที่จะพูดเช่นไรดี ตอนแรกพวกเขา 2 คนยังทะเลาะ ยังไม่ทันที่เธอจะหาวิธีที่จะไกล่เกลี่ยได้ สถานการณ์กลับกลายเป็นปรองดองกันแล้ว ** เฉียวเยว่เมิ่งพาเสี่ยวเป่ากลับมายังคฤหาสน์ เห้ออี้ลั่วก็กลับมาถึงแล้ว เขาเห็นรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าของเสี่ยวเป่า แต่กลับไม่ได้ถามอะไรไป “หิวหรือยัง? จะได้ให้ป้าหลิวนำอาหารขึ้นโต๊ะ” “เสี่ยวเป่าหิวจะแย่แล้วค่ะ” เฉียวเยว่เมิ่งลูบผมของเสี่ยวเป่า “ลูกจ๊ะ ไปล้างมือก่อน” เสี่ยวเป่ารีบวิ่งไปห้องน้ำที่อยู่ชั้นที่ 1 ล้างมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งกลับมานั่งที่ด้านข้างของเฉียวเยว่เมิ่ง เห้ออี้ลั่วมองเฉียวเยว่เมิ่งด้วยความตลก “คุณหมอเฉียว เทคนิคของคุณนี่ไม่เลวเลย” “มันจำเป็นค่ะ! วันวันต้องใช้สติปัญญาในต่อสู้กับโรคและคนในครอบครัว คอยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ที่มีมากมายเหลือเกิน การทะเลาะกันก็เหมือนการแข่งขันกรีฑา พลังงานหมด เดิมทีพลังงานหมดครึ่งนึงแล้ว ยังต้องมาคอยพูดเกทับฝ่ายตรงข้ามอีก หลังจากนี้จะต้องบีบบังคับคู่ต่อสู้ยังไง?” “คุณรู้สึกว่าผู้ปกครองของเด็กอีกคนหนึ่งเขาจะคิดเหมือนอย่างที่คุณคิดไหม?” “เพียงแค่พวกเขารู้ว่าคุณเป็นพ่อของเสี่ยวเป่า พวกเขาก็ไม่อยากให้ลูกของพวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับเสี่ยวเป่าแล้ว ถึงอย่างไรก็ตามทุกคนก็ล้วนแต่อยากที่จะเกาะขาใหญ่ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสเช่นนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่อยากที่จะตีสนิทล่ะคะ?” เห้ออี้ลั่วมองใบหน้าที่เบิกบานกับดวงตาที่สุกใสเป็นประกายของเธอ อยากที่จะลูบใบหน้าที่นิ่มนวล เพื่อที่จะได้รับความรู้สึกสัมผัสที่นิ่มลื่นอีกครั้ง เฉียวเยว่เมิ่งเห็นแววตาที่มืดและเงียบของเขา กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว จึงทำทีเป็นอุ้มเสี่ยวเป่าหลบไปยังห้องอาหารเพื่อรอป้าหลิวเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ ** ไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N7 แพร่กระจายอย่างรุนแรงและรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ กรมอนามัยเพิ่งจะประกาศคำสั่ง โรงพยาบาลขนาดใหญ่ต้องรองรับคนให้เต็ม ปัจจุบันกลุ่มผู้ป่วยไข้หวัดจำเป็นต้องแบ่งเด็กและผู้สูงอายุแยกออกจากกัน คน 2 ประเภทนี้ส่วนใหญ่ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนมักจะป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่าย ไข้หวัดได้วิวัฒนาการเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง มันจึงไม่ยากเลยที่พวกเขาจะประกาศรับคนเพิ่ม โรงพยาบาลของเฉียวเยว่เมิ่งก็ไม่ได้รับการยกเว้น อย่างแรกเลยทางด้านคลินิกต้องสลับเปลี่ยนกะตลอด 24 ชั่วโมง พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรับมือจากการโจมตีของไข้หวัดโดยตรง ที่เห็นได้ชัดคือโรงพยาบาลของพวกเขามีกฎเกณฑ์หลายข้อที่จะวินิจฉัยโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N7 ปัจจุบันได้รับคนเข้ามายังห้องผู้ป่วย ICU ทั้งหมด และที่นั่นก็ต้องการเฉียวเยว่เมิ่งและเจ้าหน้าที่ที่ส่วนรับผิดชอบในแผนกอายุรกรรม เช่นนี้แล้วนอกจากเดิมที่เธอต้องรับแค่ผู้ป่วยธรรมดา ต้องรับผู้ป่วยหนักที่จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องเฝ้าเน้นหนักตลอด 24 ชั่วโมง แล้วแต่ว่าอาการไข้ของพวกเขาจะขึ้นเมื่อไหร่ เฉียวเยว่เมิ่งแทบจะอยากแยกร่างตัวแทนออกมา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ช่วงเวลาที่ต้องรักษาอย่างฉุกเฉิน เธอต้องวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไม่มีการรักษาอย่างฉุกเฉิน เธอก็ต้องวิ่งไปมาระหว่างห้องทำงานกับห้องผู้ป่วย แม้ว่าการทำงานจะยุ่งยาก แต่เธอก็คุ้นชินกับการทำงานเช่นได้ในไม่ช้า ช่วงเวลานี้ เห้ออี้ลั่วปกติจะมารับส่งเธอทำงาน ถ้าหากว่าเธอจำเป็นต้องอยู่กะกลางคืน เขาจะนำของทานเล่นมาให้เธอตอนประมาณตี 1-2 การกระทำของเห้ออี้ลั่ว ทำให้ผู้หญิงที่ทำงานในโรงพยาบาลล้วนแต่อิจฉาริษยา เฉียวเยว่เมิ่งยิ่งไม่มีทางที่จะไม่สนใจเห้ออี้ลั่ว ผู้ชายที่จริงใจเช่นนี้ทำให้คนไม่รักไม่ได้แล้ว ทางด้านหนึ่ง เธอพยายามทำให้ตัวเองทุ่มเททำงานที่ยุ่ง ทำให้ใจที่มันพุ่งพล่านมันนิ่งสงบ อีกด้านหนึ่งก็อยากที่จะเจอเห้ออี้ลั่วบ่อยๆ ตอนทำงานที่ไม่ค่อยยุ่ง เธออดไม่ได้ที่จะเสิร์ชหาข่าวเกี่ยวกับเห้ออี้ลั่วบนอินเทอร์เน็ต แอบเซฟรูปตอนที่เขาทำธุรกิจไว้ นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้เธอปลื้มปีติยินดีโดยตรงก็คือ การที่เสี่ยวเป่าได้เข้าโรงเรียนแล้วมันไม่มีอะไรเลวร้ายเหมือนที่เธอคิดเอาไว้ มีเพียงวันแรกที่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน นอกจากวันนั้นอีกครึ่งเดือนเธอก็ไม่รับสายจากคุณครูหรือครูผู้ช่วยอีก ทำให้เธอค่อยๆเบาใจลง เสี่ยวป่าเข้มแข็งกว่าที่เธอคิด และสามารถปรับตัวได้ดี เธอไม่ได้กังวลว่าเขาจะเรียนตามเพื่อนรุ่นเดียวกันได้ทันหรือไม่ทัน เธอกังวลยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ยอมให้คนอื่นสัมผัสตัวและเขาไม่ยอมมีสัมพันธไมตรีกับเพื่อนคนอื่น 
已经是最新一章了
加载中