บทที่102 จูบแรกของเสี่ยวเป่า   1/    
已经是第一章了
บทที่102 จูบแรกของเสี่ยวเป่า
บ๗ที่102 จูบแรกของเสี่ยวเป่า เห้ออี้ลั่วพูดไปก็ส่งไมโครโฟนไปให้เสี่ยวเป่า สองมือเล็กๆของเสี่ยวเป่าถือไมโครโฟน ฮัลโหลฮัลโหลออกมาสองคำ เสียงที่ไร้เดียงสาผ่านออกมาจากลำโพง กระจายดังไปทั่วทั้งงาน เสี่ยวเป่าราวกับยังเล่นไม่พอ พูดคำว่าฮัลโหลฮัลโหลอีกหลายครั้งถึงจะหยุด และเอ่ย “เป็นเพราะมามี้ตัดสินใจจะมาผมถึงมา แต่ก็ต้องไว้หน้าพ่อนิดนึง ไม่งั้นพ่อจะไม่วิ่งเล่นเป็นเพื่อนผม” น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นมีความหน่อมแน้ม น่าฟังอย่างมาก เมื่อเสี่ยวเป่าพูดจบก็ส่งไมโครโฟนไปให้กับเฉียวเมิ่งเยว่ สติสตังของเฉียวเมิ่งเยว่ยังไม่ทันกลับมา ก็เห็นไมโครโฟนมาจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ เธอรับมาแล้วเอ่ยขึ้น “อืม พ่อลูกพูดถูกค่ะ ฉันก็ขออวยพรให้น้องสามี มีความสุขในวันแต่งงานค่ะ” คำอวยพรง่ายๆของเธอนั้น ทำให้คนทั้งงานต่างหัวเราะออกมา เสี่ยวเป่าโน้มร่างตัวเองออกมาจากอ้อมอกของเห้ออี้ลั่ว ใช้แรงโอบไปที่คอของเฉียวเมิ่งเยว่ จุ๊บลงไปบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที เห้ออี้ลั่วรีบอุ้มร่างกายทีเอียงเอนไปของเสี่ยวเป่าทันที เอ่ยอย่างยิ้มๆ “หนุ่มน้อย จูบแรกของนายทำต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ต่อไปจะหลอกสาวได้ยังไงกัน?” เสี่ยวเป่ามองเขาด้วยความสงสัย ภาพพ่อแม่ลูกทั้งสามคนที่มีความสุขนั้น ส่งผ่านกล้องวีดีโอบันทึกไปยังเว็ปไซต์และหน้าจอทีวี นักข่าวในงานต่างไม่หยุดกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปอย่างรัวๆ เพื่อนำไปพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้ ** เฉียวเมิ่งเยว่กลับมาถึงหลังเวที ถึงเพิ่งรู้สึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่พรมแดงเมื่อกี้นี้ ในห้องแต่งตัวหลังเวที เธอเปลี่ยนชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เห้อหวินซานเตรียมไว้ให้ หลังจากนั้นให้พี่ที่เฝ้าประตูพาเธอเดินมาถึงห้องแต่งตัวของเจ้าสาว เห้อหวินซานกำลังแต่งหน้า และยังดูวีดีโอของ เฉียวเมิ่งเยว่ เห้ออี้ลั่ว และเสี่ยวเป่าตอนที่อยู่บนพรมแดงไปด้วย เฉียวเมิ่งเยว่ทำตัวไม่ถูก “ป้าคะ ไม่ต้องดูแล้วได้ไหม?” เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว “น่าอายตรงไหนกัน? น้องสะใภ้ เธอนี่น่าชื่นชมมากจริงๆ ถึงคราวต้องหยิ่งยะโสก็หยิ่งมาก ถึงคราวต้องตลกก็น่าขำมากๆ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นคนหลายบุคลิก?” “ถามจริงๆ คุณกำลังชมฉันอยู่จริงๆใช่ไหมคะ?” “กำลังชมอยู่นะสิ” “โอเคโอเค ฉันจะฝืนเชื่อก็แล้วกันค่ะ ใกล้ถึงเวลาหรือยังคะ?” “ใกล้แล้ว” เฉียวเมิ่งเยว่หยิบกล่องเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ของขวัญค่ะ” “พี่ชายฉันก็ให้ของขวัญฉันแล้ว” “พี่ชายคุณให้ของขวัญคุณก็เรื่องของพี่ชายคุณ ตอนที่เจอคุณครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณมาก” เห้อหวินซานเปิดดูด้วยความอยากรู้ ก็เห็นว่าในกล่องสักราดใบเล็กนั่นเป็นหยกรูปกระต่ายตัวหนึ่ง “เธอแกะสลักเองหรอ?” “เวลาว่างๆไม่มีอะไรทำก็เอามาแกะสลัก ฉันรู้มาว่าเป็นราศีของคุณพอดีเลยคิดว่าให้เป็นของขวัญก็น่าจะดี” “ขอบใจจ้ะน้องสะใภ้” ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ก็มีคนเฝ้าประตูมาพาเห้อหวินซานออกไป เฉียวเมิ่งเยว่อยู่กับพี่ที่เฝ้าประตูอีกคนหนึ่ง เดินเข้าในโถงที่จัดงาน นั่งลงข้างๆคนตระกูลเห้อ “คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ สวัสดีค่ะ” คุณย่าเห้อและหลิ้นหรุ่ยมองสำรวจตัวเธอ หลิ้นหรุ่ยขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น “ทำไมผอมลง?” “คงเพราะช่วงก่อนหน้านี้งานหนักไปหน่อย พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง” คุณย่าเห้อพูดอย่างไม่พอใจ “เธอทำงานหนัก นอนดึก อี้ลั่วไม่ดูแลเธอเลยหรอ?” “คุณย่าคะ อี้ลั่วไปรับไปส่งหนูทำงานเลิกงานทุกครั้งและยังมีอาหารเย็นมาให้ตลอด เขาก็ทำงานหนักเหมือนกัน ที่บ้านยังมีเสี่ยวเป่าด้วย ห่างน้องนานไม่ได้นะคะ” คุณย่าเห้อและหลิ้นหรุ่ยนึกถึงท่าทางของเสี่ยวเป่าบนพรมแดงเมื่อกี้นี้ ดวงตาก็ยิ้มหวานออกมา พวกเขาชอบนิสัยของเฉียวเมิ่งเยว่อยู่แล้ว เมื่อเห็นเสี่ยวเป่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้เพราะเฉียวเมิ่งเยว่ ถ้าบอกว่าไม่ดีใจก็คงจะเป็นเรื่องโกหก เสี่ยวเป่าในตอนนี้มีแนวโน้มออทิสติกที่ไหนกัน แต่เป็นที่รักของคนอื่นซะยิ่งกว่าเด็กทุกคนในวัยเดียวกันซะอีก “เสี่ยวเป่าไปโรงเรียนเป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้ไหม?” “สถานการณ์หลักๆแล้วอี้ลั่วจะเข้าใจมากกว่าฉันค่ะ แต่ว่าเขาไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไม่เห็นถึงอาการผิดปกติของเสี่ยวเป่าเลยนะคะ ฉันคิดว่าความสามารถในการปรับตัวของเขาดีมากทีเดียวค่ะ เขายอมรับฉันได้ในเวลาอันรวดเร็ว ฉันเชื่อว่าเขากับคนอื่นๆก็คงปรับตัวได้เหมือนกันค่ะ” “ก็ใช่” ทั้งสามกำลังพูดถึงเสี่ยวเป่า เจ้าตัวก็ถือไอศกรีมวิ่งเข้ามา “มามี้ กิน” “พูดถึงก็มาเลย อายุยืนจริงๆนะเราเนี่ย” เสี่ยวเป่ากวักมือเรียกพนักงานบริการข้างๆ “เอาไอติมมาอีก4แท่งครับ” พอพูดจบ เขาถึงจะหันมาทักทายคนในตระกูลเห้อ เขาท่าทีที่ไร้เดียงสาและฉลาดรอบรู้ของเขาทำให้ผู้คนต่างอบอุ่นหัวใจ บรรเทาความไม่สบายใจที่เกิดจากการแต่งงานของเห้อหวินซานลงไปได้ พวกเขาคนตระกูลเห้อไม่ใช่คนในแวดวงการบันเทิง และก็ไม่ค่อยได้ร่วมงานอะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงเท่าไหร่ อีกทั้ง ยังยอมให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาแต่งงานกับซุปเปอร์สตาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ป๊อปปูล่ามากอย่างโม่มู่เฉิน นอกจากสถานะที่พิเศษของโม่มู่เฉินแล้วนั้น ยังมีหน้าที่การงานของเขา นักแสดงคนหนึ่งที่สามารถแสดงละครเป็นคนอื่นเป็นร้อยเป็นพันคนได้ อยู่กับคนประเภทนี้ การใช้ชีวิตคงจะเหนื่อยมากน่าดู ประการที่สอง วงการบันเทิงนั้นวุ่นวาย มีสิ่งล่อใจมากเกินไป โม่มู่เฉินอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นมาเป็นเวลานาน คงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจของเห้อหวินซาน แม้ว่าพวกเขาจะมีความกังวลเหล่านี้อยู่ แต่เพียงแค่เห้ออี้ลั่วสนับสนุน พวกเขาก็คงไม่อยากจะออกความเห็นอีก เห้ออี้ลั่วเป็นเสาหลักของตระกูลเห้อ ถ้าเขาเห็นด้วย พวกเขาเหล่านั้นที่เป็นผู้ตามก็ต้องลองที่จะยอมรับดู ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากว่าเห้ออี้ลั่วไม่เห็นชอบด้วย เขาจะพยายามคิดหาทางคัดค้านอย่างถึงที่สุด ถึงตอนนี้ยังไม่มีท่าทีคัดค้าน แสดงว่าเขาสนับสนุนโม่มู่เฉิน พวกเขาหยุดยั้งการแสดงออกความรู้สึกใดใดออกไป พวกเขาเชื่อว่าลูกสาวที่พวกเขาอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีก็คงไม่เป็นคนที่ยอมให้คนอื่นรังแกได้ง่ายๆ ระหว่างสองคนนั้นใครที่จะเป็นผู้เสียเปรียบก็ยังไม่แน่ไม่นอนนัก …… ภาพงานแต่งที่คุ้นเคยปรากฏออกมา เห้อหวินซานที่สวมชุดเจ้าสาวเดินออกมาสู่ท่ามกลางสายตาของแขกในงานอย่างช้าช้า เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ในความสวยยังเต็มไปด้วยการเลี้ยงดูที่ดีและความภาคภูมิใจของการมีชีวิตที่ดี ความภาคภูมิใจแบบนั้นเป็นการบ่มเพาะเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็ก เกือบจะซึมเข้ากระดูกดำของเธอไปแล้วก็ว่าได้ ที่แม้แต่นักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ยังไม่สามารถแสดงความภาคภูมิใจนี้ออกมาได้ เพราะในที่สุดแล้วครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาหรือดีขึ้นมาหน่อยโดยทั่วไปแล้วก็มักจะให้ลูกหลานเข้าสู่วงการบันเทิง ถึงจะได้เข้าในวงการบันเทิงแล้ว พวกเขาก็แค่คิดจะทำมันเล่นๆสะมากกว่า ไม่ได้อยากจะคิดถึงผลกำไรหรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากเท่าไหร่นัก ดังนั้น ดาราหญิงวัยสิบกว่ายี่สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตด้วยวัตถุประสงค์เหล่านั้นเลียนแบบที่จะเป็นเหมือนลูกของคนอื่น ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นไม่ได้อยู่ดี ความใจกว้างที่เผยออกมาจากการถูกซึบซับเข้ากระดูกตั้งแต่เด็กกับการที่เพิ่งได้รับเมื่อไปกี่วันความแต่งต่างมันชัดเจนอย่างมาก เฉียวเมิ่งเยว่นั่งอยู่ข้างๆมองไปยังเห้อหวินซานที่เดินไปอยู่ข้างๆโม่มู่เฉิน สองคนที่ยืนเคียงข้างกัน ใครก็ไม่สามารถสง่างามได้เท่ากับพวกเขาอีกแล้ว โม่มู่เฉินจับไปที่มือเล็กของเห้อหวินซาน ขณะที่กำลังจะแลกกันสวมแหวนแต่งงาน เขามองมาทางเฉียวเมิ่งเยว่ นัยน์ตาแสดงออกถึงความพ่ายแพ้ เฉียวเมิ่งเยว่มองโม่มู่เฉินด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าในเวลานี้เขามองมาที่เธอทำไมกัน มาคิดดูอีกที โม่มู่เฉินน่าจะไม่ได้มองมาทางเธอ แต่มองไปทางคนตระกูลเห้อและเห้ออี้ลั่ว นี่คงเป็นมายาทอย่างหนึ่งสินะ เธอจำไม่ได้แล้วว่าในตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับเห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วได้ทำแบบนี้หรือเปล่านะ ** เมื่อพิธีที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อนได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย ก็ถึงเวลาของเพื่อนเจ้าสาวอย่างเฉียวเมิ่งเยว่แล้ว ถึงจะบอกว่าเธอเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่เห้ออี้ลั่วก็ยังจัดเตรียมผู้ช่วยคนหนึ่ง ไว้คอยช่วยเหลือดูแลเฉียวเมิ่งเยว่ตลอดเวลา ตัวเธอเองก็ต้องรักษามายาทกับแขกหรื่อในงานเหล่านั้น เมื่อต้องดื่มเหล้าที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เฉียวเมิ่งเยว่จึงช่วยดื่มแทนเห้อหวินซาน เมื่อดื่มแอลกอฮอลเข้าไป หัวสมองของเฉียวเมิ่งเยว่ก็เริ่มมึนๆเล็กน้อย รู้สึกว่าภาพตรงหน้านั้นเริ่มหมุน ภายในภาพหมุนนั้นเห็นสายตาที่ดูเป็นกังวลของโม่มู่เฉิน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นของเห้ออี้ลั่วแทน เธอคิด เธอคงดื่มจนเมาแล้วแน่ๆ 
已经是最新一章了
加载中