ตอนที่ 8 เพื่อนชายคนสนิท   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 8 เพื่อนชายคนสนิท
ตอนที่ 8 เพื่อนชายคนสนิท           เชี้ยวอินและจ้าวเซียวเฝ่ยนั่งคุยกันบนเตียง ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่โตมาพร้อมกันตั้งแต่เด็ก และใช้ชีวิตมหาลัยที่แสนมีความสุขด้วยกัน ในช่วงที่เรียนมหาลัย จ้าวเซียวเฝ่ยมักจะตามเชี้ยวอินไปทุกที่แม้แต่ในห้องน้ำหญิง แต่ก็ไม่เคยโดนจับได้ มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างที่จ้าวเซียวเฝ่ยกำลังรอเชี้ยวอินเข้าห้องน้ำอยู่นั้น ก็เกิดอาการปวดฉี่ขึ้นมา จึงได้ยินฉี่ในห้องน้ำหญิง แต่ดันมีคนเข้ามาเห็นซะก่อน ตั้งแต่นั้นมาเชี้ยวอินก็เห็นจ้าวเซียวเฝ่ยเป็นเหมือนพี่สาวคนนึงมาโดยตลอด           "มาดูนี่เร็ว ฉันซื้อมื้อดึกมาให้แกด้วย เห็นแกทำงานจนดึกดื่นป่านนี้ น่าจะยังไม่ได้กินอะไรก็เลยซื้อไก่อบน้ำผึ้งที่แกชอบมาฝาก ดีใจไหมล่ะ~" จ้าวเซียวเฝ่ยพูด แล้วยื่นมือไปแกะถุงไก่อบ           "ว้าว~หอมจังเลย! เชี้ยวอินพูดพร้อมสูดกลิ่นหอมเจ้ากระเพาะด้วยความหิว           "เฮ้~คิดว่าพี่เซียวเฝ่ยของแกจะหลอกแกหรือไงกัน" จ้าวเซียวเฝ่ยหัวเราะเบาๆ แล้วรีบทำท่าทีเหมือนตกใจ "ตายแล้ว! ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำไมแกดูผอมลงเยอะขนาดนี้"           เชี้ยวอินงง เพราะเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้น แต่พอสังเกตจากสายตาของจ้าวเซียวเฝ่ยที่มองมายันหน้าอกของเธอ เธอจึงรู้ว่าเธอกำลังถูกแกล้ง "หนอยแน่!!กล้าแซวฉันใช่ไหม แกตายแน่!"           เชี้ยวอินนั่งทับจ้าวเซียวเฝ่ยไว้บนเตียง แล้วไล่จี้เอวจ้าวเซียวเฝ่ยอย่างบ้าคลั่ง ทำให้จ้าวเซียวเฝ่ยกรีดร้องอย่าง หนัก "กรี๊ด~เค้าบ้าจี้นะตัว!"           จ้าวเซียวเฝ่ยรีบคว้าโอกาสกลับตัวมาทับเชี้ยวอินแทน ดวงตาอันอ่อนโยนมองเชี้ยวอินด้วยความคิดร้ายกาจ "แค่ไม่เจอกันกี่วันเอง ใจกล้าขึ้นนะเราน่ะ ขนาดพี่เซียวเฝ่ยยังกล้าแกล้ง เตรียมตัวรับกรรมได้!"           "อ๊ากก~อย่าาา~แค๊กๆ" เชี้ยวอินก็เป็นคนบ้าจี้เหมือนกัน โดนจี้จนหายใจไม่ออก "ช่วยด้วย~~!"           "หยุดเดี๋ยวนี้--!"           "น้องอินขา เขาเป็นใคร?" จ้าวเซียวเฝ่ยถาม ทั้งที่ยังคงนั่งทับบนตัวเชี้ยวอิน จ้าวเซียวเฝ่ยมองชายที่เพิ่งออกมาด้วยสายตาแปลกๆ เชี้ยวอินรีบถามโม่เชียนเฉินว่า "นายเข้ามาทำไมอีกเนี่ย! ก็เคยบอกไปแล้วไงว่า ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้ามาในห้องนี้!"           เชี้ยวอินลุกขึ้นจากเตียง แล้วจ้องมองไปที่โม่เชียนเฉินด้วยสีหน้าตกใจ "ฉันจำได้ว่าฉันล็อคประตูแล้วนะ! นายเข้ามาได้ไงกัน?"           "ข้าได้ยินเจ้าตะโกนให้ช่วย ข้าก็เลยนึกว่าเจ้ากำลังถูกทำร้าย" โม่เชียนเฉินกอดอก แล้วมองไปที่เชี้ยวอินและจ้าวเซียวเฝ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เจ้ายังมิได้ออกเรือน กลับทำตัวแย่เช่นนี้ พ่อแม่เจ้าไม่เคยสั่งสอนเจ้าเลยหรือไงกัน!"           "น้องอินขา คนๆนี้เขาเป็นใคร ทำไมพูดจาแปลกๆ" จ้าวเซียวเฝ่ยถาม คนๆนี้ไม่เพียงแต่พูดจาแปลกแถมกิริยาท่าทีก็ให้ความรู้สึกแปลกๆด้วยเช่นกัน            เชี้ยวอินพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวเซียวเฝ่ย แล้ววิ่งไปพูดข้างหูจ้าวเซียวเฝ่ยเบาๆว่า "เขาคือ...เพื่อนร่วมงานที่มาขออาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราวน่ะ ชอบหาว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้ สงสัยคงเล่นละครจนเพี้ยนไปแล้ว ฉันนึกสงสารก็เลยอนุญาตให้เข้ามาอาศัยน่ะ"           "อ้อ~ที่แท้ก็เป็นบ้านี่เอง"           คำพูดของจ้าวเซียวเฝ่ยทำให้โม่เชียนเฉินโมโหขึ้นมาทันที รังสีอำมหิตได้แพร่กระจายไปทั่วห้อง "เจ้าต่างหากที่บ้า ข้าเป็นถึงฮ่องเต้เชียวนะ!"           โม่เชียนเฉินพูดโดยไม่สนใจเชี้ยวอินที่ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆเลย จะว่าไปบุคลิกและการพูดจาของโม่เชียนเฉินก็เหมือนฮ่องเต้จริงๆนั่นแหละ ดูท่าน่าจะเป็นนักแสดงที่เก่งเลยทีเดียว           จ้าวเซียวเฝ่ยยังไม่รู้จักโม่เชียนเฉิน เพื่อกันไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอีก เชี้ยวอินจึงไล่ให้จ้าวเซียวเฝ่ยกลับไปก่อน "พี่เซียวเฝ่ยขา ไว้มาใหม่ครั้งหน้านะคะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับฮ่องเต้คนนี้สักหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะ~บ๊ายบาย~!"           ปัง!           หลังจากปิดประตูเสร็จ เชี้ยวอินถามโม่เชียนเฉินด้วยน้ำเสียงปนตลก "เอาจริงๆนะ นี่นายบ้าจริงหรือเปล่าเนี่ย ฉันยังเด็กแฟนก็ยังไม่มี จะทำตัวแย่อย่างที่นายคิดได้ยังไง?"           โม่เชียนเฉินนิ่งเงียบ ใส่หัวด้วยความเบื่อหน่าย "ถ้าอยู่ในยุคของข้า ผู้หญิงอย่างเจ้าคงต้องลงโทษโดยการถ่วงกรงหมูลงน้ำไปแล้ว ฟังคำเตือนข้าสักนิด อายุเจ้ายังน้อยยังถือว่าเป็นดอกไม้ที่เพิ่งจะเบ่งบาน อย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังเลย"           "ถ่วงกรงหมูลงน้ำ?" ยังไม่ทันที่เชี้ยวอินจะเข้าใจ โม่เชียนเฉินจึงอธิบายต่อ "ก็คือการจับเจ้าขังในกรงหมูแล้วเอาไปถ่วงน้ำจนตาย เข้าใจหรือยัง?"           เชี้ยวอินรีบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วบ่นพึมพำไปว่า "ไหนแรงขนาดนั้นเลยหรอ?เขาเป็นแฟนเพื่อนสนิทที่สนิทมากคนนึงของฉันเท่านั้นเอง…"           "เดี๋ยวนะ!"           เชี้ยวอินเกือบลืมเรื่องสำคัญไปซะแล้ว เธอจำได้ว่าเธอล็อคประตูห้องไปเรียบร้อยแล้ว แล้วทำไมโม่เชียนเฉินถึงเข้ามาได้อีกละ?           "ของแค่นี้ ขังข้าไว้ไม่ได้หรอก" โม่เชียนเฉินทำหน้าได้ใจแล้วชี้ไปที่หน้าต่าง "ข้าปีนหน้าต่างเข้ามา"           เชี้ยวอินเริ่มรีบวิ่งชะโงกหัวออกไปมองนอกหน้าต่าง หน้าต่างห้องของทั้งคู่อยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันประมาณห้าเมตรเห็นจะได้ ซึ่งบ้านของเชี้ยวอินตั้งอยู่ชั้นหก ห่างจากพื้นดินประมาณ 30 เมตร อย่าบอกนะว่าเขาปีนมาจากหน้าต่างจริงๆ เชี้ยวอินมองลงไปนอกหน้าต่าง ความสูงนั้นทำให้เชี้ยวอินกลัวจนสันหลังเย็นวูบ แล้วโม่เชียนเฉินทำได้ยังไงกัน?           "นายไม่กลัวตายหรือไง? ให้ตายฉันก็ไม่เชื่อว่านายปีนมาจากทางหน้าต่าง" เชี้ยวอินไสหัวไปมา แต่สีหน้าของโม่เชียนเฉินบ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหก           "ความสูงระดับนี้ ถ้าเกิดพลาดตกขึ้นมาไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โตแล้ว~!"           เชี้ยวอินชะโงกหัวมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าหวาดกลัว ทันใดนั้นเองโม่เชียนเฉินก็กระโดดข้ามไปยืนมองเชี้ยวอินกลับฝั่งตรงข้ามอย่างหน้าตาเฉย เชี้ยวอินตกใจจนปากค้างเป็นรูปตัวโอ ถึงแม้ว่าไม่อยากจะเชื่อ แต่บนโลกยังมีคนที่ไม่กลัวตายแบบนี้อยู่จริงๆด้วย            "ที่นี้เจ้าเชื่อข้าได้หรือยัง?"           เชี้ยวอินมองโม่เชียนเฉินด้วยความตกใจ "เป็นไปได้ยังไงกัน คนปกติที่ไหนจะโดดข้ามความห่างตั้งห้าเมตร แถมยังเป็นแนวตรงอีกด้วย?"           "ไหนนายลองโดดอีกรอบซิ…" เชี้ยวอินยืนจ้องทุกท่าทีของโม่เชียนเฉินอย่างใจจดใจจ่อ           ฟิ้ว~!           "อย่าบอกนะว่าในข้ามมิติมาน่ะ คนปกติถึงแม้จะมีสายสลิงก็ทำไม่ได้ขนาดนี้เลย" เชี้ยวอินรู้ดีว่าถึงแม้มีสายสลิง แต่มันก็ยากที่จะทำให้ได้ขนาดนี้ ขนาดในหนังยังต้องพึ่งการตัดต่อถึงจะได้ผลออกมาแบบนี้ แต่ชายตรงหน้ากลับทำออกมาได้ง่ายดาย           "ข้าบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าข้ามมิติมาจริงๆ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้าสักที?" โม่เชียนเฉินถอนหายใจ           "เดี๋ยวนะ...ขอเวลาฉันตั้งสติแป๊บนึง"           บัดนี้ บนใบหน้าของเชี้ยวอินไม่มีแม้ความสดใสน่ารักขี้เล่นเหมือนปกติ แปลกมีแต่ความงุนงงและแปลกใจ เชี้ยวอินเดินกึ่งลอยมานั่งบนเตียงแล้วหุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาในเวลาสองสามวันนี้
已经是最新一章了
加载中