ตอนที่ 10 ฮ่องเต้แสดงหนัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10 ฮ่องเต้แสดงหนัง
ตอนที่ 10 ฮ่องเต้แสดงหนัง ตูบ!           โม่เชียนเฉินวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรง "เจ้าจะให้ฮ่องเต้อย่างข้าไปแสดงหนังกับเจ้าอย่างนั้นรึ?ฝันไปเถอะ!"           เชี้ยวอินตกตะลึง ฮ่องเต้นี้ช่างดื้อดึงซะจริง "ทำไม นายดูถูกนักแสดงอย่างฉันหรอ?นายรู้ไหมว่ามีคนตั้งเท่าไหร่ที่แย่งจนหัวแตกยางออกเพื่อให้ตัวเองได้เข้าสู่วงการนี้?"           โม่เชียนเฉินไม่สนใจที่เชี้ยวอินพูด ก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าอย่างตั้งใจ เชี้ยวอินโกรธ "นี่! นายยังคิดว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้อยู่หรือไงกัน?"           "ฉันไม่สนว่าในยุคของนาย นายจะเป็นคนสูงศักดิ์แค่ไหน แต่ที่นี่มันคือศตวรรษที่ 21 เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเข้าใจไหม?"           โม่เชียนเฉินนิ่งไปพักนึง ดูเหมือนว่าเขาจะถูกคำพูดของเชี้ยวอินจี้ใจดำเข้า เชี้ยวอินพูดต่อ "แล้วฉันก็ตกลงรับปากกับผู้กำกับแทนนายแล้ว แถมยังรับเงินมาแล้วด้วย"           "อะไรนะ?!"           โม่เชียนเฉินลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห สายตาจ้องไปที่เชี้ยวอินแถมยังตะคอกไปว่า "ข้ายังไม่ได้ตอบตกลงเลยสักนิด เจ้าคิดเองเออเองรับปากแทนข้าได้อย่างไร ไร้มารยาทสิ้นดี!"           ฮึ! ใส่อารมณ์นั้นหรอ?           เชี้ยวอินโยนตะเกียบทิ้ง ดูเหมือนว่า'ฮ่องเต้'ท่านนี้จะมีปัญหาทางจิตไม่เบาแฮะ! แถมยังเป็นปัญหาที่ใหญ่มากด้วย!           "ฉันว่านายน่ะป่วย ป่วยทางจิต…!" เชี้ยวอินทำหน้ามุ่ย พร้อมกับหยิบแล๊ปท๊อปขึ้นมาวางตรงหน้าโม่เชียนเฉิน "ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสอนให้นายเข้าใจซะแล้ว ไม่งั้นจะอดตายวันไหนก็ไม่รู้ตัว เป็นถึงฮ่องเต้กลับต้องมาอดตายในที่ที่ห่างไกลจากบ้าน ฟังดูแล้วน่าอนาถเนอะ นายว่าใช่ไหมล่ะ?"           เชี้ยวอินใช้จิตวิทยาในการอธิบายให้โม่เชียนเฉินฟัง "แล้วอีกอย่าง เรื่องแสดงหนังไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถึงแม้ว่าการเป็นตัวประกอบมันจะเหนื่อยและยาก แต่นั่นมันก็อีกเรื่องนึง การแสดงหนังนั้นก็ถือว่าเป็นศิลปะแขนงนึงเช่นกัน นายอยู่ตัวคนเดียวในศตวรรษที่ 21 ก็ต้องหางานทำให้เป็นหลักเป็นแหล่งสิ ในเมื่อผู้กำกับเขาถูกใจนาย แถมยังเตรียมฉากในละครที่สำคัญฯให้นายเรียบร้อยแล้วด้วย ทำไมนายไม่ลองดูล่ะ?"           "เดี๋ยวนะ!" อยู่ดีๆโม่เชียนเฉินก็ยกมือขึ้นมาห้าม ด้วยสีหน้างุนงง "เมื่อกี้ถ้าได้ยินเจ้าพูดว่าศิลปะ?ข้ารู้จักแค่ว่าพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน และภาพวาดจีนคือศิลปะทั้งสี่ แล้วที่เรียกว่าแสดงหนังอะไรนี่ เหตุใดเจ้าถึงเรียกว่าศิลปะ?"           มีลุ้น!!!           เชี้ยวอินแอบดีใจ โม่เชียนเฉินเริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการแสดงมากขึ้น ก็เท่ากับว่าเริ่มให้ความสนใจ "พี่เชียนเฉิน เกรดวิชาศิลปะของฉันมันแย่มาก แต่พออยู่ต่อหน้านาย ฉันรู้สึกว่าฉันดูมีความรู้ขึ้นมาทันทีเลย" เชี้ยวอินกัดปากเบาๆ พร้อมกับหันแล๊ปท๊อปไปทางโม่เชียนเฉิน "ศิลปะทั้งสี่ที่นายพูดมามันก็ไม่ผิด เพียงแต่ผ่านการพัฒนาของมนุษย์ชาติ ทำให้มีศิลปะทั้งหมดแปดชนิดด้วยกัน นั่นก็คือ ภาพถ่าย จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม ดนตรี นาฏกรรมและภาพยนตร์ การแสดงหนังที่ว่าคือส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ดังนั้นถือว่าเป็นศิลปะเข้าใจไหม?"           "เหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจแล้ว" โม่เชียนเฉินพยักหน้า เชี้ยวอินจึงพูดต่อ "การแสดงหนังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะว่ายังมีคู่แข่งตั้งมากมาย เช่น : หวงป๋อ หลิวเย่...ช่างเถอะพูดไปไหนก็ไม่รู้จัก ดูพวกเขาแต่ละคนสิเจิดจ้าขนาดไหน" เชี้ยวอินค้นข้อมูลจากBaiduให้โม่เชียนเฉินดู           โม่เชียนเฉินวางช้อนและตะเกียบลงเพื่อรับฟังอย่างตั้งใจ "พวกเขาดูเหมือนจะเก่งมาก ค่าผ่านการรบมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ชนะมาโดยตลอด พวกเขาเก่งกว่าข้ารึ?" "พูดบ้าๆ!"           เชี้ยวอินพูดน้ำลายกระเด็นเต็มหน้าโม่เชียนเฉิน ทำตามองบน "ฉันรู้สึกว่าฉันมีหน้าที่ที่ต้องปรับเปลี่ยนความคิดของนายใหม่ซะแล้ว แม้ว่านายจะเป็นผู้สูงส่งในโลกของนาย แต่ว่าตอนนี้ในข้ามมาอยู่ในศตวรรษที่ 21 ที่ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุนิยม ดังนั้นนายก็ควรปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้ เพราะตอนนี้นายก็กลับไปไม่ได้อยู่ดี"           สีหน้าของโม่เชียนเฉินดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศเงียบเหงาขึ้นทันที           "เอ่อคือ...ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ที่ฉันหมายถึงคือในเมื่อมาแล้วก็ใช้ชีวิตที่นี่ให้สบาย เข้าสู่สภาพการใช้ชีวิตให้มั่นคงในโลกใบนี้ซะ เลิกเพ้อฝันถึงตำแหน่งฮ่องเต้ในโลกเก่าของนายได้แล้ว"           สีหน้าของโม่เชียนเฉินไม่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกใดๆ รอตาเหมือนกำลังครุ่นคิด เชี้ยวอินเริ่มรู้สึกว่าโม่เชียนเฉินดูน่าสงสาร "ฉันยอมรับว่านายอาจจะเคยเป็นฮ่องเต้ที่ดีองค์นึง แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้านายยังเป็นแบบนี้ แม้แต่อาม่าที่เต้นแอโรบิคแถวลานแอโรบิคยังดูเก่งกว่านายอีก"           โม่เชียนเฉินมองเชี้ยวอินด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า "เล่าต่อ"           "ผู้กำกับเขาชอบนายมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของนายก็ไม่เลว แถมฝีมือยังดีอีก นายสามารถอยู่รอดในศตวรรษที่ 21 นี้ด้วยมือของนายเอง แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมรับมันล่ะ?" เชี้ยวอินพูดเตือน           ก็อย่างว่า โม่เชียนเฉินเป็นคนที่มีทิฐิในตัวเองสูง เชี้ยวอินนั่งรอคอยคำตอบอยู่ข้างๆโม่เชียนเฉินอย่าเงียบๆ เพราะเธอรู้ว่าเขาในตอนนี้คงรู้สึกไม่ดีเอามากๆแน่           ผ่านไปสักครู่ใหญ่ เชี้ยวอินได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ โม่เชียนเฉินเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและดื้อดึง "ข้าตกลง"           "YESIR!"           เชี้ยวอินถอนหายใจยาวๆ โม่เชียนเฉินการเป็นฮ่องเต้ก็ดูแลจัดการบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี เท่ากับว่าเขาก็ยังพอฉลาดอยู่บ้าง "แค่นายขยัน นายก็สามารถเป็นบุคคลที่สูงส่งในศตวรรษที่ 21 นี้ได้แน่นอน"           "เอางี้ ต่อไปนี้ฉันจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้นายเอง นั่นก็เท่ากับว่านายต้องเชื่อฟังฉัน ฉันจะจัดการทุกอย่างให้นายเอง"           "ผู้จัดการส่วนตัวคืออะไร?ทำไมข้าต้องฟังคำสั่งเจ้า?" โม่เชียนเฉินไม่เข้าใจ           เชี้ยวอินอธิบายอย่างละเอียด "ผู้จัดการส่วนตัวคือชื่อของอาชีพ อาชีพหนึ่ง ที่คอยดูแลงานของนายให้เป็นระเบียบและสำเร็จไปอย่างราบรื่น รวมถึงกิจกรรมต่างๆและงานที่ได้รับ ดังนั้นนายต้องเชื่อฟังฉัน"           "แล้วก็ ความเคยชินหลายอย่างของนายเองก็ต้องเปลี่ยน อยู่ที่นี่นายไม่ใช่ฮ่องเต้อีกต่อไป ดังนั้นนายห้ามเรียกแทนตัวเองว่าข้า ต่อหน้าฉันนายจะเรียกแทนตัวเองว่าอะไรก็ได้ แต่ออกไปข้างนอกห้ามเรียกแทนตัวเองว่าข้าเด็ดขาด ต้องพูดว่า...ผมหรือฉัน~"           "ทำไมข้าจะเรียกแทนตัวเองว่าข้าไม่ได้?"           "จะทำไมอะไรนักหนา! ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนาย ไม่ต้องฟังฉันโอเค้?ไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนนาย" เชี้ยวอินดุ           โม่เชียนเฉินยังไม่ทันจะได้เถียง เชี้ยวอินพูดต่ออีกว่า "แล้วก็พฤติกรรมการใช้ชีวิตของนายก็ต้องเปลี่ยน แต่ไว้สอนกันทีหลังก็ได้ ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ในไม่ใช่ฮ่องเต้แล้วแต่เป็นนักแสดงในสังกัดของฉัน อย่างน้อยตอนนี้นายก็ไม่ได้ดูแปลกไปจากคนทั่วไปสักเท่าไหร่ เข้าใจไหม?"           "ข้า...ฉันเข้าใจแล้ว"           เชี้ยวอินจ้องโม่เชียนเฉินด้วยสายตาดุ จนบังคับให้เขาพูดคำว่า'ฉัน'คำแรกออกมาได้สักที           "โอเค กินข้าวกันเถอะ กินเสร็จฉันจะได้พานายไปกองถ่าย อ้อแล้วก็!" เชี้ยวอินทำเสียงตกใจเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน แล้วรีบวิ่งไปเถอะเอกสารสัญญามาฉบับนึงพร้อมปากกา "ในเซ็นนี่ให้ด้วยล่ะ!"           "มันคืออะไร?" โม่เชียนเฉินรู้สึกว่าตัวเองแทบจะโดนยัยปีศาจตัวแสบตรงหน้ากดดันจนเป็นบ้าแล้ว           "เอาอีกแล้ว ไม่ต้องรู้หรอกว่ามันคืออะไร ยังไงฉันก็ไม่ทำร้ายนายหรอกหน่า"           โม่เชียนเฉินมองเชี้ยวอินด้วยสายตาเยือกเย็น ทำให้เชี้ยวอินต้องอธิบายด้วยสีหน้าประมาท "มันคือหนังสือสัญญา ถ้าใช้คำของนายพูดก็คือหนังสือเห็นชอบ ถ้าทำเครื่องหมายเห็นชอบแล้ว ก็จะหมายความว่านายเห็นด้วยกับกฎและระเบียบที่อยู่ในหนังสือเห็นชอบฉบับนี้ทั้งหมด"           "ทำเครื่องหมายเห็นชอบ?!" โม่เชียนเฉินตกใจ กำลังจะปฏิเสธค้านก็โดนเชี้ยวอินบังคับปั๊มลายนิ้วมือไปเรียบร้อย
已经是最新一章了
加载中