ตอนที่​ 11​ ปากท้องสำคัญกว่าหน้าตา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่​ 11​ ปากท้องสำคัญกว่าหน้าตา
ตอนที่​ 11​ ปากท้องสำคัญกว่าหน้าตา "บังอาจนัก!" ในจังหว่ะนั้นโม่เชียนเฉินรีบเร่งคว้าสัญญาในมือของเชี้ยวอินในทันที เชี้ยวอินยิ้มร่าออกมาอย่างภาคภูมิใจ เธอหันตัวกลับพร้อมๆกับผมที่สยายปลิวพริ้วไปตามสายลม “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในทุกๆวันไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็จะต้องทำตามที่ฉันบอก ถ้าฉันพูด1 นายก็ห้ามพูด2 ถ้าฉันให้นายไปทางขวา นายก็ห้ามไปทางซ้าย” เมื่อเห็นเชี้ยวอินที่ยิ้มอย่างภูมิใจนั้น โม่เชียนเฉินก็โกรธตาขวางจ้องมายังเชี้ยวอินราวกับจะกินก่อนจะพูด “ผมไม่ตกลง!” “ไม่ตกลงไม่ได้แล้วแหล่ะ เอาหน่ายังไงฉันก็ไม่ทำร้ายนายหรอก รีบกินเร็วเข้า” ...... เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้วเชี้ยวอินก็ขับรถมาที่กองถ่ายอย่างอารมณ์ดี จนเข้าซอยโม่เชียนเฉินที่ร่วมทางมาด้วยก็ยังคงหน้าบึ้ง "เอ้ย ยิ้มหน่อยสินาย"เชี้ยวอินผลักโม่เชียนเฉินอย่างทีเล่นทีจริง โม่เชียนเฉินตวัดมองด้วยความเย็นชา พูดด้วยเสียงเย็นๆ “ผมขอเตือนคุณ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอย่ามาแตะต้องตัวผม ได้ยินชัดรึยัง” โม่เชียนเฉินนั้นเป็นถึงจักรพรรดิของประเทศ ที่เข้าชิงบัลลังตั้งแต่ยังหนุ่ม ตั้งแต่ผู้นำกองทหาร จนถึงผู้รับใช้ต่างๆ​ คนเหล่านั้นไม่ใช่แค่เคารพเขาเท่านั้น​ แม้กระทั่งแตะต้องตัวเขาพวกนั้นยังไม่อาจหาญพอที่จะทำ​ แม่นางผู้นี้ไม่ละอายใจเลยก็จำใจปล่อยนางไปก่อน​ ยอมแพ้ให้แก่ความถือตนเป็นกันเองของนางจริงๆ "คนอย่างเจ้านี่​ ถ้าหากข้ามเวลาไปอยู่ที่พระราชวัง​ คงจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว"โม่เชียนเฉินตามองไปข้างหน้าถนนขณะที่พูด​น้ำเสียงส่อแววดูถูกเหยียดหยามเต็มประดา เชี้ยวอินแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน​ พูดหยอกตามประสา​ "แล้วฉันเป็นคนแบบไหนหรอ? " โม่เชียนเฉินมองมาด้วยหางตา​ พูดหนักแน่น​ "แต่งตัวดูไม่ดีเว้านั่นโชว์นี่​ ไม่เรียบร้อย​และไม่มีมารยาท "เฮ้​ ใครกันที่แต่งตัวโป๊ ใครกันแน่ที่ดูไม่ดีนี่ฉันหางานให้ทำ​ หาข้าวให้กินหาชุดให้ใส่​ นายนั่นแหล่ะที่ไร้มารยาท เมื่อเชี้ยวอินพูดเสร็จแล้วก็มองไปที่ชุดชีฟองสีขาวของตนโดยไม่รู้ตัว​ นี่อะหรอดูไม่ดี? เธอเบื่อที่จะฟังคำพูดไม่สมเหตุสมผลของโม่เชียนเฉินแล้ว เธอจึงขับบึ่งหน้าไปยังสตูดิโอ ที่สตูดิโอนี้ไม่เคยขาดผู้คนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร​ ​เมื่อมองไปที่ผู้กำกับนักแสดงและเจ้าหน้าที่ที่เข้าๆออกอยู่นั้น​ ชายหญิงบางคู่ใส่เป็นชุดจีนโบราณเดินเป็นคู่กันบ้าง อีกทั้งยังมีผู้คนที่เชี้ยวอินไม่เคยเจอมาก่อนอีกไม่น้อย....ห้ะนั่นมนุษย์ต่างดาว! เชี้ยวอินเป็นคนเดินนำเข้าไปก่อนหน้าโดยโม่เชียนเฉินจับมือเธอไว้แล้วเดินตามหลังข้างหลัง​ การที่ทั้งสองเดินเคียงกันข้างกันนั้นก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของคนในนั้นทั้งยังตกไปอยู่ในวงสนทนา​ กระซิบกระซาบเชี้ยวอินยิ้มอย่างภาคภูมิ​ รูปร่างและอิริยาบบถของเธอนั้นสง่่างามอย่างที่เธอเองก็คำนึงไม่ถึง​ และเมื่อเดินเคียงคู่กันกับโม่เชียนเฉิงที่สง่างามนั้นแล้วทำให้กลายเป็นภาพที่สวยงามในสตูดิโอ "พวกเขาพูดว่าอะไรกันหน่ะ? "โม่เชียนเฉินยืนนิ่งถามด้วยเสียงเรียบๆ “พวกเขาพูดว่านายหล่อ” “หล่อ? หล่อคืออะไร ผมหล่อหรอ?” โม่เชียนเฉินถามกลับ​ " หล่อก็คือ… หล่อนั่นแหล่ะ" เชี้ยวอินเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง​ "​อ่ะนี่ฉันจะบอกอย่างนี้แล้วกัน ก็คือผู้หญิงหน่ะโดยทั่วไปที่สวยก็จะเรียกว่าสวย สง่า ส่วนของเด็กชายที่ดูดีจะเรียกว่าหล่อหรือเท่ห์ " " “หล่อหรอ? ผมไม่ต้องการหล่อ” โม่เชียงเฉินพูดเสียงเย็นพร้อมกับเร่งความเร็วเดินไปข้างหน้า “ ชิ มีของดีอยุ่แท้ๆกลับไม่เห็นคุณค่า” เชี้ยวอินมองโม่เชียงเฉินด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ไม่พูดก็คงไม่ได้หรอก​ ว่าทุกการก้าวเดินของโมเชียนเฉินนั้นมั่นคงและทรงพลังเต็มไปด้วยความกล้า​และความกล้านี่ปกติจะไม่ค่อยมีใครแสดงออกมา​มีเพียงผู้ที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเท่านั้นจึงจะมีความกล้าหาญชนิดนี้ได้ เชี้ยวอินยิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้สมบัติอันทรงค่ามาอยู่ในมือ: “เฮ้! นายรอฉันด้วยสิ” ....... เมื่อถึงที่กองถ่ายพี่หลงก็เตรียมเก้าอี้และกาแฟมาให้เชี้ยวอินและโม่เชียนเฉิน เขาเดินมาพร้อมกับโบกมือร้องทักทายด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เฉียบแหลม การที่โม่เชียนเฉิงไม่เชื่อฟังเธอเลย นั่นทำให้เชี้ยวอินเกิดอาการเขินเล็กน้อย​ เธอหัวเราะแก้เขินก่อนจะเริ่มพูด​ "ผู้กำกับคะ ถ้าคุณมีอะไรจะคุยหรือเสนอให้คุยกับฉันได้​ ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่เฉิน เมื่อได้ยินดังนั้น​​ แววตาของผู้กำกับเจ้าเล่ห์นั่นมีร่องรอยของความปะหลาดใจ​ เขาเลือกที่จะยิ้มก่อนจะพูด: “ อ๋อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ดูเหมือนว่าพวกเธอมีความสุขดีที่ได้ทำงานร่วมกัน “งั้นเอาอย่างนี้​ ฉันมีบทให้พวกเธอสองคนเอากลับไปคิดๆดูก่อน​แล้วเลือกบทที่พวกเธอคิดว่าเหมาะสมที่สุดมาแล้วกัน” ผู้กำกับส่งเอกสารตรงหน้ามาให้เชี้ยวอิน ​เชี้ยวอินรับมา จุดประสงค์ที่พาโม่เชียนเฉินที่มาที่นี่วันนี้ไม่ใช่แค่มาร่วมงาน แต่ยังทำให้โม่เชียนเฉินปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตและนิสัยในศตวรรษที่21ได้โดยเร็ว "ขอบคุณผู้กำกับนะคะ​ พวกเราจะกลับไปจะตั้งใจอ่านดีๆเลย​ แล้วสำหรับเรื่องเงินเดือน…." เชี้ยว​อินอมยิ้ม​ ดวงตาทรงพระจันทร์เปร่งประกายอย่างมีสเน่ห์ "ฮ่าๆๆ​ เธอสบายใจได้เลย​ เธอเป็นผู้จัดการของโม่เชียนเฉิน แล้วก็ยังเป็นนักแสดงในสังกัดของฉันอีก​ ฉันจะปฏิบัติกับเธอแย่ๆได้ยังไงหล่ะ”ผู้กำกับยิ้มอย่างมีเลศนัย​ ลูบมือเล็กๆของเชี้ยวอินเบาๆ “ฮ่าๆๆ….” เชี้ยวอินตกใจ พยายามอย่างสุดกำลังที่จะหันหน้าไปหาโม่เชียนเฉิน โม่เชียนเฉินยืนนิ่งและไม่ได้สนใจเชี้ยวอินแต่หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด เชี้ยวอินรู้สึกราวกับโดนตบหน้าการกระทำของผู้กำกับคือการลวนลามชัดๆ แม้ที่จริงคือการทดสอบ ทดสอบปฏิกริยาของโม่เชียนเฉินแต่เมื่อเห็นโม่เชียนเฉินยืนนิ่งเชี้ยวอินก็ส่งเสียงเตือนพูดขึ้นมาเบาๆ: “เฮ้ ตานายบอดหรอห้ะ เขาลวนลามฉันอยู่นะ! โม่เชียงเฉินไม่ขยับแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าได้ยินคำร้องขอความช่วยเหลือจากเชี้ยวอินรึเปล่า “ให้ตายเถอะ ฉันมาร่วมงานกับคนซื่อบื้ออย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย” ในใจของเชี้ยวอินตะโกนจนปวดหัว รีบแกะมือปลาหมึกของผู้กำกับออกพร้อมกับพูดอย่างยิ้มๆ: “ถ้าอย่างนั้นต้องขอขอบคุณผู้กำกับก่อนเลยนะคะแต่ว่าพวกเรามีธุระอื่นอีกไม่รบกวนผู้กำกับแล้วค่ะ บ๊ายบายค่ะ” “..... ไปสิ” เชี้ยวอินลากโม่เชียนเฉินให้รีบหนีไปจากที่นี่ ผู้กำกับบอกลาด้วยความอบอุ่นเป็นมิตรแต่ในตาของเขากลับมีแววตาของความเยาะเย้ย เย้ยหยันอยู่ในนั้น ...... เมื่ออกมาจากกองถ่าย เชี้ยวอินโวยใส่โม่เชียนเฉิน "เมื่อกี้ผู้กำกับลวนลามฉัน​ทำไมนายไม่ทำอะไรเลยหล่ะ" โม่เชียนเฉินหันกลับมามองอย่างประหลาดใจ "ที่เขาทำอยู่นั้นเป็นการลวนลามหรอ ผมนึกว่ามันเป็นธรรมเนียมของพวกคุณกัน" “ธรรมเนียมที่หน้านายสิ!” เชี้ยวอินโกรธจัด พูดเสียงต่ำ: “เขาเพิ่งจะทดสอบนาย เขาคิดว่าระหว่างเราต้องมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างเป็นอย่างงี้ก็ดี ผู้กำกับต้องคิดว่าการร่วมมือของเราไม่มั่นคงแน่ๆ เขาต้องหาทางมาก่อกวนฉันแน่ๆ นายบอกสิว่าจะทำยังไง?” มือของเชี้ยวอินวางทาบที่อกที่ยุดขึ้นๆลงๆด้วยความโกรธ โม่เชียนเฉินยิ้มเย็น ก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่น “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน​คุณหน่ะคิดไปเองคนเดียว” "นี่นาย!.." และอีกอย่าง เขารังควานคุณ มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับผมซักหน่อย"โม่เชียนเฉินเหล่ก่อนจะพูดต่อ​" ผมเตือนคุณก่อนแล้วนะ​ ว่าอยู่แต่งตัวโป๊มันดูไม่ดี "แต่ว่าฉันเป็นผู้จัดการของนายนะ นายก็ต้องคอยปกป้องฉันสิ แล้วทำแบบนี้เนั้ยมันได้หรอฮะ" เชี้ยวอินจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกผู้กำกับไม่เห็นอกเห็นใจเธอในคราวนี้​ แสดงว่าเธอถูกจับได้ว่าเป็นโพรงและจะต้องหาวิธีจัดการกับตัวเธอเองอย่างแน่นอน ในเวลานี้ จ้าวเซียวเฝ่ยก็โทรศัพท์เข้ามาหาเธอ​ จ้าวเซียวเฝ่ยถาม เชี้ยวอินว่าอยู่ที่ไหน​ จะไปช็อปซื้อเสื้อผ้ากับเขาได้ไหม อารมณ์ที่ถูกกดขี่จากทั้งผู้กำกับและโมเฉียนเฉิงก็ก็ดีขึ้นอีกครั้ง เชี้ยวอินไม่พูดอะไรอีก​ พาโม่เชียนเฉินเดินไปที่ลานจอดรถ
已经是最新一章了
加载中