ตอนที่ 42 ภรรยาอีกคนของคุณชาย
1/
ตอนที่ 42 ภรรยาอีกคนของคุณชาย
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 42 ภรรยาอีกคนของคุณชาย
ตอนที่ 42 ภรรยาอีกคนของคุณชาย นับจากเวลาที่เราเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่นั้น จนกระทั่งกลับไปยังอีกด้านของต้นไม้ใหญ่ ฉันยังคงไม่รู้ว่าซูหลินคิดจะทำอะไรอยู่ดี ฉันเดินไปพร้อมกับซูหลิน แต่ทว่าก้าวเดินของซูหลินกว้างกว่าฉันยิ่งนัก ทำให้ฉันต้องวิ่งเหยาะๆเพื่อให้ทันกับความเร็วในการเดินของเขา ซูหลิน นายจะทำอะไรเหรอเพื่อให้ได้เงินมาหน่ะ” ฉันเบื่อที่นี่เต็มทนแล้ว อยากจะกลับบ้านใจจะขาด เจ้าตัวเล็กคล้ายว่าจะอ่านใจฉันได้ เลยอธิบายให้ฉันฟังว่า “พวกเธอไปยมโลกเพื่อซื้อเงินกระดาษนั่นมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะที่นี่หน่ะ มีเงินที่มีใช้แค่ในนี้เท่านั้น อีกอย่างเงินที่พวกเธอเอามาจากโลกมนุษย์หน่ะก็ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษหรอกนะ ” “ถ้าฟังตามที่นายบอก แล้วมีวิธีแลกเงินไหม” แลกเงินอะนะ ? เพียงแค่ไม่กี่คำนั้นก็เหมือนปลุกฉันให้มีสติ ฉันมองดูซูหลินที่กำลังเดินไปนั้น ทางนั้นไม่ใช่ทางที่พวกเรามากันนี่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องแลกเงิน มันจะมีอะไรดีไปกว่าโรงรับจำนำงั้นเหรอ พวกเรามาถึงโรงรับจำนำกันเรียบร้อยแล้ว เดินผ่านเส้นแบ่งโลกมาแล้ว ก็มีคุณลุงท่านหนึ่งเดินมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง สภาพเหมือนกับศพเดินได้ก็มิปาน แต่เวลานี้ฉันไม่แปลกใจเลยว่าที่เขาออกมาต้อนรับเราดีแบบนี้ก็เพราะว่าหวังสิ่งใดอยู่ ก่อนหน้านี้เขาคงรู้แล้วว่าเรามาเพื่ออะไร แต่ว่า ถ้าหากว่าเขาบอกเรื่องนี้กับเราตั้งแต่แรก บางทีพวกเราอาจจะต้องให้ของแก่เขามากว่าเดิมเพื่อที่จะไม่ต้องไปเป็นสิ่งของเสียเอง เข้าใจสถานการณ์ของตาเฒ่าคนนี้นะ แต่ทว่าสถานการณ์ของฉันก็กลือนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน ฉันจึงแสร้งทำเป็นโกรธและตบโต๊ะเสียงดัง “ตาเฒ่า รู้ว่าพวกฉันจะไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนะ พูดมาเลย จะเอายังไง !” แต่ในความจริงแล้ว ลึกๆในใจฉันนั้นไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลยตั้งแต่พูดออกไป ในใจก็คิดว่าถ้าสมติตาเฒ่าเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาละเกิดฆ่าพวกเราทำยังไงละ เหนือความคาดหมาย ตาเฒ่านี้นอกจากจะไม่โมโหกลับแล้ว อยู่ดีๆก็ล้วงมือเข้ามาในกระเป๋าเสื้อของฉันแล้วเอาของที่อยู่ในนั้นไป ไม่ได้การละ ! ฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาค่อยๆแบมือออกเผยให้เห็นสิ่งที่ขโมยจากกระเป๋าเสื้อฉันไป ถ้าเขาไม่ระวังละก็เล็บคมๆนั่นอาจจะทำเจ้าตัวเล็กบาดเจ็บได้เลยนะนั่น “พวกเธอนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่ไปที่นั่นแล้วยังได้ของสิ่งนี้มาอีกด้วย” เวลานั่น ฉันเหมือนเห็นแสงสว่างวาบในดวงตาของซูหลิน เขารีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ของสิ่งนั้นที่ตาแก่นี้พูดถึง “แล้วคุณคิดว่าของสิ่งนี้ราคาเท่าไหร่ละ พอที่จะชดใช้หนี้ครั้งก่อนได้หรือไม่ ” ตาแก่ยิ้มร่าออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนสิ พออยู่แล้ว” ฉันอยากจะประท้วงใจจะขาดแต่ทว่าซูหลินบีบมือไม่ให้ฉันพูดออกไป ซูหลินยังพูดกับตาแก่นั่นว่า “แต่ของสิ่งนี้หน่ะ มีค่าขนาดนี้ แค่ชดใช้หนี้ได้แค่นั้นเหรอใจดำไปหน่อยหรือเปล่า” ได้ยินดังนั้น ตาแก่นั่นก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรแต่ทว่าเขากลับล้วงมือไปที่ใต้โต๊ะเพื่อเอาเงินปึกใหญ่ออกมาเยอะมากเสียจนไม่รู้ว่าเอาออกมาจากที่ใดกระจายอยู่ทั่วทั้งโต๊ะ ซูหลินหยิบเงินแล้วหมุนตัวเพื่อจะเดินออกทันที ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงดี ฉันได้แต่ยืนมองเจ้าตัวเล็กในมือของตาแก่นั่น ฉันเกลียดตัวเองจริงๆที่ไม่สามารถจะช่วยอะไรเจ้าตัวเล็กได้เลยแถมยังเอาเจ้าตัวเล็กมาขายอีก “ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมขายเขาไปหรอกนะ !” ซูหลินจึงพูดเพื่อโน้มน้าวในฉันว่า “ไอตัวนี้หน่ะ ยังไงสะมันก็เป็นของในยมโลก ถึงเราจะเอากลับไปด้วยมันก็มีแต่โทษแถมยังไร้ประโยชน์สำหรับเราอีก เธออย่าดึงดันให้มันมากไปกว่านี้เลย” ในใจฉันได้แต่ร้องตะโกนว่า เจ้าตัวเล็กเป็นของยมโลกแล้วยังไง ในท้องฉันยังมีไอเด็กผีนั่นอยู่เลย ฉันไม่สนใจสิ่งที่ซูหลินพูด หันไปพูดเสียงอ่อนกับตาเฒ่านั่น “ฉันให้เจ้าตัวเล็กนั่นกับคุณไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าคุณไม่พอใจอะไรไปคุยกับเทียนปู้หยูนู่น” ได้ยินดังนั่น ตาเฒ่าจึงเม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความหงุดหงิด เพราะฉันเอาเทียนปู้หยูมาอ้างหน่ะสิ เขาจึงไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ จึงหันไปพูดกับซูหลินด้วยความไม่พอใจว่า “ฉันเห็นพวกเธอยังต้องการมันอยู่ ฉันจะเอาไว้ที่พวกเธอก่อนแล้วกัน กลับมาแล้วค่อยเอามาให้ฉันก็ได้ !” เขาพูดยังไม่ทันจบ ฉันก็รีบแย่งของที่อยู่ในมือเขามาแล้วลากซูหลินออกมาจากที่นั่น อีกครั้งที่เดินไปทางต้นไม้ใหญ่นั่น เจ้าตัวเล็กก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พี่สาว จริงๆผมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ เจ้าของร้านนั่นก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอก แต่พี่สาวตั้งท้องหรอกเหรอ ผมอยู่กับพี่มันไม่ดีกับตัวพี่หรอกนะ เมื่อพวกพี่เสร็จธุระแล้วพาผมกลับไปที่นั่นเถอะ ” ยิ่งเจ้าตัวเล็กพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากจะเอาไปไว้ที่ไหนห่างตัวฉันอีกเลย แต่ทว่าดูท่าทางเจ้าตัวเล็กคงตัดสินใจแล้วทำให้ฉันยิ่งไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปอีก “ฉันจะบอกเธอเอาไว้อย่างนะ ที่ฉันพามาเพราะฉันชอบเธอ ไม่ใช่เอามาเพราะเธอมีประโยชน์หรือหวังอะไรจากเธอ แต่ถ้าเธอคิดว่าอยู่ที่นี่ดีแล้ว ฉันก็คงไม่สามารถจะบังคับอะไรเธอได้หรอกนะ” เจ้าตัวเล็กได้ยินดังนั้นก็ยิ่งจิตใจห่อเหี่ยวมากกว่าเดิมเพราะว่าเขาก็ไม่อยากจะห่างจากพี่สาวเหมือนกัน แต่พวกเราก็รู้ดีว่า โลกของคนเป็นกับคนตายไม่สามารถจะอยู่ร่วมกันได้ แล้วฉันกับเทียนปู้หยูละ จะเอายังไงกันดี ฉันยิ้มเจื่อนออกมา ได้แต่เดินตามซูหลินไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่พวกเราให้เงินกับคนดูแลประตูนั่นไปทำให้ฉันรู้สึกเป็นเศรษฐีขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะเดินเข้าไปในประตู เจ้าตัวเล็กกำชับกับซูหลินว่าห้ามใช้เครื่องรางในนี้ไม่อย่างนั้นวิญญาณทุกตนในนี้จะรู้ว่าเราเป็นมนุษย์แล้วพวกเขาจะมารุมกัดกินเรา .. ตอนที่พวกเราเหยียบเข้าในเขตประตูใหญ่แล้วนั้น ท้องฟ้าที่ตอนแรกสว่างไสวก็กลับมืดลง ทำให้ลานนั่นสว่างเต็มไปด้วยแสงสีแดง วิญญาณคล้ายมนุษย์ปกติอย่างเราๆกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะวงกลม และก็มีคนรับใช้เดินมาต้อนรับเราอย่างดี แล้วก็ยิ้มเบาๆให้กับพ่อบ้านที่หน้าประตู แล้วพาพวกเราไปนั่งที่โต๊ะเหมือนคนอื่นๆ ฉันพึ่งจะสังเกตว่าแต่ละคนนั่งโต๊ะไม่เหมือนกัน เขาจะแบ่งตามจำนวนเงินที่ให้กับพ่อบ้าน เพราะความเห็นแก่เงินมันเป็นพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นวิญญาณก็ยังคงมีนิสัยนี้อยู่ดี เมื่อฉันลองสังเกตดูอย่างละเอียดแล้วนั่นก็พบว่า ตรงกลางนั่นเป็นโต๊ะที่โอ่อ่าหรูหราที่สุด หรืออาจะเป็นเพราะมันดูแสงไม่ค่อยส่องถึงมาเท่าใด ทำให้ฉันมองไม่เห็นว่าของที่อยู่บนโต๊ะนั้นเป็นอะไร แต่ฉันสามารถรับรู้ได้เพียงอย่างเดียวก็คือบนโต๊ะนั้นล้วนเป็นของสีแดงเข้มทั้งนั้น ทำให้ฉันคิดถึงของที่ไม่ดี ฉันรีบดึงสติกลับมา ไม่หรอกมันก็คงเป็นการต้อนรับปกติแหละ ฉันปลอบใจตัวเองอยู่พักนึง คงเป็นเพราะไฟที่แดงเข้มหรือเปล่าจึงทำให้เรามองเห็นเป็นเช่นนั้น คงไม่ใช่เพราะกินมนุษย์หรอกกระมัง แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายก็เพราะว่า เงินที่ตาเฒ่านั้นให้เรามาก็เยอะอยู่นะ แต่ทำให้เราได้แค่นั่งอยู่ที่มุมอับๆโต๊ะเล็กๆที่สามารถนั่งได้แค่สองคนกับซูหลินแค่นั่นเอง แต่เมื่อมองไปรอบๆก็พบกับกลุ่มคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตามาก ใช่พวกเราเจอกันที่ถนนหยินนี่ แต่แล้วคำตอบก็กระจ่างแจ้งอยู่ตรงหน้า ตอนที่เราเดินอยู่นั่นไม่เจอใครเลยคงเป็นเพราะว่าเขามางานฉลองที่นี่หมดสินะ เมื่อสังเกตอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่า คนที่พาเรามานั่งที่โต๊ะนั้น ได้เอาจานมาให้พวกเรา เห็นแค่ด้านหลังจึงไม่รู้ว่า ตอนแรกเขามีมืออยู่เท่าไหร่ เพราะทุกๆมือของเขาล้วนถือจานอยู่แล้วนำมาวางไว้ที่โต๊ะของพวกเรา เมื่อเขาเดินไปพวกเราถึงจะรู้ว่า มันอดไม่ได้ที่จะอยากอาเจียนออกมาเพราะของที่วางอยู่ อีกทั้งพวกเราไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ในท้องมีแต่น้ำย่อย จึงไม่มีอะไรที่จะสามารถอาเจียนออกมาได้ บนโต๊ะมีจานวางอยู่หกจาน จานตรงหน้าฉันมีปอดที่มีเลือดไหลอยู่ ชัดเจนเลยว่ามันถูกขโมยมาจากมนุษย์ เพราะฉันยังรู้สึกถึงความอุ่นของมันอยู่เลย ส่วนจานอื่นๆนั้น เหมือนเป็นอุ้งเท้าของสัตว์ที่โดนตัดมาบ้าง กระดูกซี่โครงมนุษย์ที่ยังมีเลือดบ้าง ดูแลวเหมือนตอนที่แม่ซื้อกระดูกซี่โครงหมูมาจากตลาดยังไงยังงั้น ส่วนจานที่วางอยู่ตรงหน้าซูหลินนั้น เป็นลูกตาสองข้าง เหมือนโดนควักออกมาก็ไม่ปาน เหมือนกำลังจ้องไปที่ซูหลินยังไงยังงั้น ฉันเลยรู้ว่า โต๊ะที่หรูหรานั้นบนโต๊ะที่มีสีแดงเข้มไม่ใช่เพราะว่าจากแสงไฟ แต่เป็นเพราะของที่อยู่บนโต๊ะต่างหาก จึงทำให้ฉันสั่นเทาด้วยความกลัว จึงลุกขึ้นและพูดกับซูหลินว่า “นายอยู่ที่นี่เถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูรอบๆบางทีอาจจะเจอจ้าวซิ้วก็ได้” แต่ซูหลินก็คงรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร จึงลุกขึ้นพร้อมบอกกับฉันว่า “ไม่ละ ฉันจะไปกับเธอ เผื่อว่าเธอจะมีอันตรายจะได้ช่วยเหลือทัน” พวกเราสองคนมองหน้าก็รู้ใจกัน แต่ก็ไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดออกมา มีแค่ความรู้สึกที่พะอืดพะอมอยู่ภายในใจก็เท่านั้น พวกเราจึงอาศัยจังหวะที่ทุกคนไม่ทันสังเกตรีบวิ่งเข้าประตูเล็กมา เมื่อพวกเราเข้ามาด้านในแล้ว ก็พบกับหญิงต้อนรับสองคนในมือมีจานที่ใส่หัวใจอยู่ รอบด้านมีเทียนจุดอยู่เต็มไปหมด ในใจก็คิดว่าจะเดินเข้าไปดีหรือ “ที่เจ้าเคยเล่าเรื่องของคุณชายก็เป็นเรื่องจริงนะสิ พึ่งจะแต่งภรรยาไปได้ไม่กี่วัน วันนี่ก็มีเมียน้อยเข้ามาแล้วหรือนี่” คนรับใช้อีกคนได้แต่สั่นหัวไปมาและไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็เดินจากไป ฉันกับซูหลินที่หลบอยู่ที่พุ่มไม้ก็ค่อยๆเดินออกมา พร้อมกับวางแผนว่าจะหาตัวจ้าวซิ้วอย่างไรดี แต่ทว่าซูหลินกลับวิ่งไปอีกทางนึง “ซูหลิน นี่นายจะไปไหนหน่ะ” ฉันรีบถามด้วยเสียงเบา เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน ถามจบก็รีบมองดูรอบๆกลัวว่าใครจะอยู่แถวนั้น เมื่อพบว่าไม่มีใครฉันก็รีบวิ่งตามไป ซูหลินเห็นท่าทางฉันก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยรีบดึงฉันเข้าไปในมุมอับพร้อมทั้งบอกว่า “ไปตามหาจ้าวซิ้วไง!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 42 ภรรยาอีกคนของคุณชาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A