ตอนที่ 31 ภาพลวงตา
1/
ตอนที่ 31 ภาพลวงตา
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 31 ภาพลวงตา
ตนที่ 31 ภาพลวงตา อ๋องเหลียงฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังกลิ้งหลุนลงมาจากบนแท่นนอน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ราวกับต้องมนต์ก็ไม่ปาน เขากลิ้งตัวลงบนพื้น ในเรียวปากเปล่งเสียง “ค่อกๆ” ออกมา บนเท้าถูกยึดไร้หนทางขยับเขยื้อน มือทั้งสองข้างโบกพัลวันไม่หยุด ราวผู้ป่วยที่อาการบ้ากำเริบ “ออกไป ออกไป” นางในเข้ามานึกอยากพยุงเขาขึ้น กลับถูกเขาเอื้อมมือมาปัดเต็มแรง เห็นเพียงพวงแก้มของเขาแดงก่ำ ถึงแม้คนจะมีสติสัมปชัญญะ แต่กลับบ้าคลั่งเต็มทน “ฮ่าวเอ๋อร์” ฮองเฮารีบสาวพระบาทถลาเข้าไป ประคองร่างเขาขึ้นมา อ๋องเหลียงกลับออกแรงผลัก จนพระนางล้มพับลงบนพื้น หยางมามากุลีกุจอพยุงฮองเฮาขึ้น ไทเฮาจ้องหมอหลวงเขม็งพลางตะโกนตรัส “ยังนิ่งอยู่ไยเล่า รีบเข้าไปดูเสีย” “ออกไป” อ๋องเหลียงราวกับเป็นบ้าไปแล้วก็ไม่ปาน แต่กลับไม่ใช่ตีหมอหลวง มือทั้งสองโบกสะบัดใส่กลางอากาศ แววตาพรั่นพรึง เสมือนกลางอากาศมีสิ่งน่ากลัวที่คนรอบข้างมองไม่เห็นดำรงอยู่ ก็แม้กระทั่งซือถูเย้นอยากก้าวไปข้างหน้า ยังล้วนถูกเขาไล่หนี เขาฟุบอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองกลอกกระหวัดไม่หยุด เขานิ่งงันอยู่สักพัก ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาสงบลงมาแล้วนั้น เขากลับพลันตะโกนเสียงดังขึ้น “ออกไป ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าอยากแก้แค้น ก็ไปแก้แค้นคนของพวกเจ้าเสีย” หลีโม่เห็นดังนี้ ก็เข้าใจครึ่งค่อนหนึ่ง หลังจากโรคลมชักกำเริบระลอกใหญ่ มักจะปรากฏความบ้าคลั่งและภาพลวงตา และส่วนสมองของเขาขาดออกซิเจน ก็อาจมีอาการประสาทหลอนได้ ในเวลาเช่นนี้ เป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีอันตรายมาก เนื่องจากเส้นประสาทรับความเจ็บปวดของพวกเขาอาจได้รับความอัมพาต พฤติกรรมบ้าคลั่งส่วนใหญ่ค่อนข้างฉกาจฉกรรจ์ ได้รับบาดเจ็บแล้วตนเองล้วนไม่รู้ อีกประการ ช่วงลำคอและข้อเท้าของเขาก็บาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะบอกว่ายึดขึงไว้แล้วก็เถอะ แต่ก็ห้ามความทุรนทุรายเพียงนี้ไม่ไหวแน่ จำเป็นต้องรีบใช้เข็มเย็บปิดผนึกโดยด่วน จากนั้นก็กรีดเบ้าเจาะเลือด เพื่อทำให้เขาสงบลง แต่ว่า ตอนนี้ไทเฮาทรงอยู่ที่นี่ จะต้องไม่ให้ตนเองลงมือโดยสิ้นเชิง ทว่า ในฐานะคนเป็นหมอ นางไร้หนทางมองอ๋องเหลียงตกสู่ภาวะเสี่ยงอันตรายตาปริบๆ อีกครั้ง นางสลัดองครักษ์หลวงออก สาวเท้าถลาเข้าไปอย่างฉับพลัน กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างพิโรธ “รีบจับนางไว้” หลีโม่กลับฟุบลงข้างกายของอ๋องเหลียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หันหลังให้เขาพลางชกต่อยอากาศ “ถอยไปเสีย มีข้าอยู่ อย่าริอาจทำร้ายอ๋องเหลียงเชียว” อ๋องเหลียงพลันอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเป็นสาวน้อยก็ไม่ปาน ก่อนจะค่อยๆ โผล่หน้าออกมา เห็นชัดว่าหวั่นเกรงแต่ดวงตากลับไม่ได้หวาดหวั่นดังก่อนหน้า คนทั้งหมดล้วนแน่นิ่ง อ๋องเหลียงบ้าคลั่ง จะพูดจาไร้สาระก็ช่างเสียเถิด เสี้ยหลีโม่เองก็บ้าไปด้วยหรือ หากว่าไม่บ้า นางสามารถมองเห็นสิ่งของที่คนรอบข้างมองไม่เห็นด้วยหรือ เป็นผีหรือ? ความตระหนักข้อนี้ ทำให้คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเกรงกลัวอย่างหนัก ก็แม้กระทั่งไทเฮาและกุ้ยไท่เฟยล้วนตกตะลึง วินาทีนั้นไม่ได้เปล่งเสียง ทำเพียงมองหลีโม่อย่างเงียบๆ องครักษ์หลวงได้รับคำบัญชาของกุ้ยไท่เฟย ก็ไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ซือถูเย้นยื่นมือออกมาขวางองครักษ์หลวง มองท่าทีของอ๋องเหลียง ก่อนโบกมือเบาๆ พลางกล่าวเสียงแผ่ว “ถอยออกไปก่อน” ฮองเฮาตื่นตระหนก จ้องมองที่อากาศเบื้องหน้าหลีโม่ พลางตรัสงึมงำ “สวรรค์ วิญญาณร้าย เป็นวิญญาณร้าย” จะต้องเป็นวิญญาณร้ายเป็นแน่ ท่ามกลางวังหลวงแห่งนี้วิญญาณร้ายชุกชุม จะต้องเป็นวิญญาณร้ายเหล่านี้แน่ที่เข้ามาหลอกหลอนฮ่าวเอ๋อร์ หลีโม่หันหน้ากลับ จับมือของอ๋องเหลียงไว้พลางกดลูบเบาๆ “ท่านอ๋องอย่าได้กลัว มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้” อ๋องเหลียงมองนางด้วยความประหลาด ปิดเปลือกตาลงอย่างแช่มช้า หัวคิ้วเลิกขึ้น เสมือนว่ากำลังคิดว่านางเป็นผู้ใด ทันใดนั้น เขาพลันเบิกตาโพลง ดวงตาแดงก่ำ มือรวบลำคอของหลีโม่เอาไว้ สีหน้าดุร้ายหาใดเปรียบ พลางกล่าวอย่างโหดร้าย “เสี้ยหลีโม่?” และยังไม่ทันข้ามชั่วขณะ มือของเขาค่อยๆ หลุดร่วงออกมาจากลำคอระหงของหลีโม่ ตอนที่เขารุดเข้ามากำคอของตนเอง หลีโม่ได้ฝังเข็มเข้าไปอย่างรวดเร็วเป็นที่เรียบร้อย ศีรษะของเขาโคลงเคลง หนุนอยู่บนหัวไหล่ของหลีโม่ ตัวคนมิได้สลบพับไป แต่เห็นได้ชัดว่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง “รีบพยุงท่านอ๋องขึ้นมาเร็วเข้า” หัวใจของฮองเฮาที่อกสั่นขวัญแขวนอยู่ในที่สุดก็ตกลงมาครึ่งหนึ่ง รีบกระวีกระวาดสั่งคนเดินไปเบื้องหน้า องครักษ์หลวงนำตัวอ๋องเหลียงขึ้นนอนบนแท่นบรรทม หลังจากที่อ๋องเหลียงสงบลงมา เห็นชัดว่าแววตาทุกข์ทรมานมากนัก ลมหายใจของเขายากเข็ญกว่ายามที่ยังสลบไสลอยู่อย่างเห็นได้ชัด มือทั้งสองของเขากดลงบนส่วนศีรษะ พลางเคาะอย่างอ่อนแรง ยามที่เขาเคลื่อนไหวนั้น เห็นชัดว่าลมหายใจยิ่งเพิ่มความลำเค็ญเข้าไปใหญ่ “ยังนิ่งอยู่ทำไมเล่า รีบไปตรวจดูอาการของอ๋องเหลียงเร็วเข้าเสีย”ไทเฮาตรัสกับเหล่าหมอหลวงอย่างพิโรธ หย้วนพ่านลนลานนำหมอหลวงเดินไปข้างหน้าก่อน วินาทีแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้หย้วนพ่านและหมอหลวงต่างก็ค่อนข้างสับสน โดยเฉพาะฉากเห็นผีนั่น หลังจากตรวจอาการเสร็จ พวกเขาล้วนไม่สามารถหาสาเหตุของปัญหาได้ว่าทำไมอ๋องเหลียงจู่ๆ ก็บ้ากำเริบ ราวกับเห็นภูตผีก็ไม่ปานขนาดนั้น อนึ่งลมหายใจของเขาก็ราบรื่นขึ้นมาแล้ว ทรงพลังไร้ที่เปรียบ ไม่ได้มีอาการไร้ทางหอบหายใจเฉกเช่นก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย ในใจของพวกเขา ต่างก็รู้สึกว่าอ๋องเหลียงไม่ได้ป่วยอย่างง่ายดายเพียงนี้ โดยเฉพาะเมื่อครู่ฮองเฮายังตรัสว่าจะเชิญหมอไสยศาสตร์มา หลังจากคิดปะติดปะต่อกัน ไฉนอ๋องเหลียงจึงเป็นโรคลมชักนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันแววตาอ๋องเหลียงดูแล้วเจ็บปวดนัก ดวงตานิ่งทื่อ สีหน้าขาวซีดอย่างหนัก อ้าปากกว้างสูดหายใจ ร่างกายสั่นกระเพื่อม ช่างมีท่าทางเหมือนเห็นผีไปแล้วหล่าขนัดจริงๆ ดังนั้น หนึ่งในบรรดาหมอหลวงก็กล่าวอย่างตะกุกตะกักขึ้น “ไทเฮา อย่างไรเสียไม่สู้เชิญหมอไสยศาสตร์มาตรวจดูอาการสักหน่อยพะย่ะค่ะ” “พูดจาเหลวไหล” ไทเฮาทรงกริ้วในบัดดล ทว่าท่ามกลางความโกรธกรุ่น กลับเห็นว่าแววตาสับสนอลหม่าน การเคลื่อนไหวของฮองเฮา ดึงดูดไทเฮาและกุ้ยไท่เฟยต่างก็เหลือบสายตามองตาม ซือถูเย้นกลับเอ่ยต่อหลีโม่ “ไฉนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับอ๋องเหลียงได้กันเล่า” ฮองเฮาเองก็จ้องหลีโม่อย่างกระวนกระวาย ค่อนข้างประทับไม่อยู่ พระพักตร์ตระหนก นางตรัสอย่างเข้มแข็งแต่ในใจอ่อนไหว “เจ้าจะพูดเหลวไหลมิได้ สรุปว่าอาการป่วยของอ๋องเหลียงเป็นอย่างไรกันแน่” นางมุ่งเน้นไปที่อาการป่วยสองคำ เสมือนกลัวว่าจะได้ยิน “เห็นผี” สองคำนี้จากปากของหลีโม่ หลีโม่กล่าว “เรียนตอบพระดำรัสของฮองเฮา ตามที่ข้าหลวงหญิงกล่าวเมื่อครู่ เป็นผลสืบเนื่องมาจากอาการหลังโรคลมชักของรัชทายาทกำเริบอย่างรุนแรง อันดับแรกจะเป็นอาการง่วงนอน หลังตื่นขึ้นมาจะปวดท้องปวดท้องอย่างร้ายแรง ส่วนอาการเคลื่อนไหวของอ๋องเหลียงเมื่อครู่ เป็นอาการที่คนบางส่วนอาจจะปรากฏความคลุ้มคลั่งหรือภาพหลอน ยิ่งเพิ่มส่วนสมองของอ๋องเหลียงขาดอากาศไหลเวียน ยิ่งจะทำให้เขาก่อเกิดภาพลวงตา ภาพน่าหวาดกลัวทั้งหมดที่เขาเห็นเมื่อครู่ ก็คือภาพลวงตาที่เขามองเห็นทั้งสิ้น ไม่ใช่การเห็นผีแต่อย่างใด ขอเพียงต้องได้รับการรักษา ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญหมอไสยศาสตร์” ท่าทีของพระนางฮองเฮาค่อยๆ สงบลงมาช้าๆ “เจ้าพูดว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากอาการเจ็บป่วยของเขาทั้งสิ้น?” “เจ้าค่ะ เดิมทีรัชทายาทอ๋องเหลียงก็ขาดอากาศรุนแรงอยู่แล้ว ทบทวีการดิ้นรนคลุ้มคลั่งเมื่อครู่เข้าไปอีก ยิ่งกระตุ้นทำให้เขาขาดออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงก่อเกิดภาพหลอน” หย้วนพ่านกลับเอ่ย “ไม่ถูก ก่อนหน้านี้เจ้าพูดกับข้าว่าขาดออกซิเจนจะทำให้หายใจลำบาก แต่ว่าเมื่อครู่ตอนที่รัชทายาทอ๋องเหลียงคลุ้มคลั่ง ไม่เห็นว่าจะปรากฏอาการหายใจลำบากแต่อย่างใดเลยสักนิด” หย้วนพ่านตอนนี้ไม่อาจกล้าสนับสนุนนางได้อีกต่อไปแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ใช่อ๋องซื่อเจิ้งจะเป็นนายได้แล้ว ไทเฮาเสด็จมาแล้ว ทุกอย่างล้วนยังต้องทำตามพระประสงค์ของไทเฮาทั้งสิ้น หลีโม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “นี่คืออันตรายทั้งหมด คนเมื่อตอนที่บ้าคลั่งหรือปรากฏภาพหลอน เส้นประสาทจะชา ทำให้พวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดหรือความไม่สะดวกในร่างกาย ท่ามกลางขั้นตอนนี้ หากว่าไม่ได้รับการควบคุมอย่างเร่งด่วน มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการตายเฉียบพลันได้” “บังอาจ!” ไทเฮาตรัสด้วยเสียงสนั่น “ต่อหน้าข้า เจ้ายังกล้าพูดถ้อยคำอัปมงคลพรรค์นี้เชียวหรือ” ขณะนั้นหลีโม่มึนงง นางไม่ค่อยเข้าใจข้อห้ามของราชวงศ์เท่าใด นางลนลานคุกเข่าลง “ไทเฮาทรงกริ้ว ข้าน้อยก็ไร้ข้อโต้แย้ง”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 31 ภาพลวงตา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A