ตอนที่ 32 ตระเตรียมงานฌาปนกิจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 32 ตระเตรียมงานฌาปนกิจ
ต๭นที่ 32 ตระเตรียมงานฌาปนกิจ ซือถูเย้นรู้ว่ายื้อเช่นนี้อีกต่อไป อ๋องเหลียงจะต้องตกอยู่ในอันตราย เขาตัดสินใจ ลงมือแก้ปัญหาโดยฉับพลัน เขาถามหลีโม่ “ทำให้อ๋องเหลียงพ้นขีดอันตราย จำเป็นต้องนานเท่าใด” หลีโม่ลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนกล่าว “ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน จะต้องดูว่ารัชทายาทอ๋องเหลียงปรากฏอาการปอดอักเสบด้วยหรือไม่” “สามวัน?” ซือถูเย้นไม่ได้ตั้งใจให้นางมีมุกขบขัน บังคับนางให้บอกเวลาโดยตรง ในสมองของหลีโม่รีบคิดโดยด่วน หากว่ามีคนช่วยนาง ภายในสามวันน่าจะสามารถทำให้อ๋องเหลียงพ้นขีดอันตรายได้ ทว่า หมอหลวงจะช่วยนางหรือไม่ กลัวแต่ว่าปัจจุบันนี้แม้แต่หย้วนพ่านก็ไม่อาจยืนอยู่ฝั่งนางแล้ว “พูดสิ” ซือถูเย้นใส่น้ำเสียงดุดันกล่าวโดยฉับพลัน “เป็นใบ้ไปแล้วหรือไร” หลีโม่ไม่มีทางเลือกนอกจากกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าค่ะ สามวัน” ซือถูเย้นพยักหน้า มองทางไทเฮาก่อนกล่าว “เสด็จแม่ ในเมื่อนางสัญญาว่าสามวันจะทำให้อาฮ่าวพ้นขีดอันตราย เช่นนั้นก็ให้เวลานางสามวัน ท่านเห็นว่าอย่างไร” ถึงแม้ว่าเขาจะไถ่ถาม แต่ว่าน้ำเสียงกลับแน่วแน่อย่างยากจะเอนเอียง ไทเฮาไม่ได้เปล่งสุรเสียง ทำเพียงมองกุ้ยไท่เฟยแวบเดียวอย่างเผินๆ กุ้ยไท่เฟยรู้ถึงความหมายของไทเฮา นางกำลังนึกอยากกล่าวคำ ซือถูเย้นกลับหมุนกาย พลางกล่าว “ในเมื่อเสด็จแม่อนุญาต เช่นนั้นก็ทำตามเจตนาของข้า สามวันนี้ หมอหลวงทั้งหมดในแผนกหมอหลวงของราชวงศ์จะต้องมีหน้าที่ผลัดเวรกัน มาเฝ้าดูอาการของรัชทายาทอ๋องเหลียงร่วมกับเสี้ยหลีโม่ ข้าเองก็จะพำนักที่ตำหนักยืนยาวชั่วคราวเช่นกัน มีข่าวคราวใดๆ ไม่ว่าจะเวลาไหน ล้วนจำเป็นต้องรายงานข้า นอกจากคนที่ได้รับมอบหมายแล้ว คนในวังทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่อนุญาตให้มาตำหนักยืนยาว ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกตัดหัวประจาน” นี่เป็นครั้งแรกที่หลีโม่เห็นความหนักแน่นของซือถูเย้น ไทเฮาไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง แต่ว่าเขาจงใจมองข้ามความหมายของไทเฮา อุปนิสัยแข็งกร้าวดุดันเพียงนี้ ยังทำให้ในทรวงของหลีโม่สดชื่นขึ้นมาเปาะหนึ่งเสียจริงๆ ประโยค “ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกตัดหัวประจาน” ทำให้คนทั้งหมดต่างรับรู้ได้ว่าอ๋องซื่อเจิ้งเอาจริง เขาเองก็กำลังเผด็จอำนาจที่ไทเฮาให้แก่เขา ก็แม้แต่ไทเฮายังไม่ได้อยู่ในสายตา สีพระพักตร์ของไทเฮาเคร่งขรึมไม่นิ่ง ท้ายที่สุด ก็แย้มรอยสรวลอันแข็งทื่อออกมา “ดี ในเมื่ออ๋องซื่อเจิ้งมีบัญชาเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าว่า ให้เวลานางสามวัน หากสามวันอาฮ่าวยังไม่ดีขึ้น ก็สังหารโดยไร้ข้อแก้ต่าง” ตรัสเสร็จ แววเนตรยะเยือกก็ทอดมองบนใบหน้าของหลีโม่ ก่อนตรัสต่อ “หากว่าเจ้าประสบความสำเร็จ รักษาอ๋องเหลียงจนหายดีแล้ว ข้าจะออกโองการให้เจ้าแต่งเป็นสนมของอ๋องซื่อเจิ้งด้วยตนเอง” คำนี้ตรัสให้หลีโม่ฟัง ยิ่งไปกว่านั้นคือตรัสให้ซือถูเย้นได้ยิน ก็คือการทำให้เขาปราศจากคำตอบกลับ หลีโม่ไม่มีทางเลือกเลยสักนิด ทำได้เพียงคุกเข่าขอบพระทัยในความกรุณา “ข้าหลวงหญิงขอบพระทัยมหากรุณาไทเฮา” ไท่จื่อหยางจ้องหลีโม่อย่างนับถือ ยิ้มอย่างได้ใจขึ้นมา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ล้วนเป็นผลดีต่อเขาทั้งสิ้น อันที่จริง บัดนี้เขากลับเฝ้าหวังว่าเสี้ยหลีโม่จะสามารถรักษาคนไร้ประโยชน์คนนี้หายดีได้จริงๆ ถึงแม้ไม่อาจฆ่าเสี้ยหลีโม่ แต่กลับทำให้ซือถูเย้นขายหน้าได้ ขอสู่ภรรยาที่ทุกคนต่างทอดทิ้งเป็นสนม ชื่อเสียงของเขานับจากนี้ จะต้องตกต่ำลงมาอย่างแน่นอน หรือจะกล่าวอีกอย่างคือ ไร้หนทางพึ่งการสนับสนุนอำนาจผ่านการขอสู่ชายาจากครอบครัวชายาเอก อันดับแรกเขาก็สูญเสียโอกาสงามๆ อันนี้ไปแล้วนั่นเอง สีพักตร์ของไทเฮาไร้การแสดงออก ปัจจุบันไม่ใช่เวลาที่นางจะเอ่ยคำเรียบร้อยแล้ว กุ้ยไท่เฟยมองหลีโม่ด้วยความรังเกียจ นางย่อมไม่คาดหวังว่าความตายของอ๋องเหลียงจะมาถึงเป็นธรรมดา เนื่องจาก อ๋องเหลียงตายลง ซือถูเย้นจะมีข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ เป็นเขาเองที่เสนอแนะให้เสี้ยหลีโม่มารักษาอาการของอ๋องเหลียง แต่ว่าอ๋องเหลียงไม่ตาย เสี้ยหลีโม่ก็ต้องเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง นึกถึงข้อนี้ นางก็รังเกียจเป็นอย่างมาก ไทเฮารับสั่งให้หมอหลวงหลายนายกับหย้วนพ่านเข้าสู่กลางตำหนัก กุ้ยไท่เฟยและฮองเฮาเองก็เขามาพร้อมกัน ส่วนซือถูเย้น ไทเฮาให้เขาเฝ้าอยู่ที่นี่ ความหมายแฝงในถ้อยคำ ก็คือเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฟัง ไทเฮาประทับอยู่ตำแหน่งตรงกลางพอดี สีหน้าซีดเซียว “เจ้าว่า สถานการณ์ในปัจจุบันของอ๋องเหลียงสรุปแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ แผนกหมอหลวงของพวกเจ้ามีหนทางหรือไม่” หย้วนพ่านลังเลอยู่เล็กน้อย ในสมองชั่งน้ำหนักดีร้าย เขาไม่มีวิถีทางแล้ว อาการป่วยของอ๋องเหลียงเกิดขึ้นซ้ำไปมา และทุกครั้งที่อาการกำเริบ ก็จะเป็นอย่างที่เห็นเมื่อครู่ทั้งหมด เขาไม่เคยได้ยินอาการจำพวกขาดออกซิเจนอะไรทำนองนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจคาดหวังกับผู้หญิงนางหนึ่ง โดยเฉพาะนางยังเพ้อพกว่าตนเองเป็นลูกหลานของชูเซี่ย พูดจาเหลวไหลสิ้นดี สถานการณ์ของอ๋องเหลียง ถึงแม้เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ชัด แต่ว่า สังเกตจากสีหน้าและชีพจรหายใจ ก็แทบจะไม่ไหวอยู่รอมร่อแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหลีโม่จะสามารถมีทักษะพรสวรรค์จากฟากฟ้า “พูดเสียสิ” ไทเฮาทรงทอดเนตรเห็นว่าแต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ จึงกริ้วขึ้นมา “สถานการณ์เป็นเช่นไรก็บอกอย่างตรงไปตรงมา ก็ถ้าหากมันเลยเถิดจนกู่ไม่กลับ ข้าเองก็จะไม่เอาผิดพวกเจ้า ข้าเพียงแต่อยากรู้สถานการณ์ของเขาในตอนนี้” หย้วนพ่านคุกเข่าลง เงยหน้าขึ้นมารายงานตรงๆ “เรียนไทเฮา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าหลวงก็จะเรียนตรงๆ อาการป่วยของรัชทายาทอ๋องเหลียงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปัจจุบันนี้เขาหายใจรวยริน ชีพจรอ่อนแรง บางครั้งมีบางครั้งไม่มี มือเท้าก็เย็นเยียบยิ่งนัก สีหน้าซีดเซียวและม่วงคล้ำสลับกัน เป็นอาการสาหัสที่ยิ่งใหญ่นักแล้ว” ฮองเฮาได้ยินคำของหมอหลวง ก็รู้สึกเพียงว่าฟ้าดินหมุนวน เบื้องหน้าเป็นสีดำ เกือบจะสลบพับไป มือทั้งสองข้างของนางปิดหน้าเอาไว้ ร่ำไห้ไร้เสียงอย่างเจ็บปวดขึ้นมา อิริยาบถของไทเฮาเองก็โทมนัสยิ่งยวด เรียวโอษฐ์ของพระนางสั่นระริกสองสามครั้ง จ้องทางหย้วนพ่าน “แม้แต่ครึ่งหนทางก็ไม่มีแล้วจริงๆ เชียวหรือ” หย้วนพ่านกล่าวอย่างลำบากใจ “ไทเฮา อาการป่วยของรัชทายาทอ๋องเหลียงเกิดอย่างเสี่ยงอันตราย เหล่าข้าหลวงเองก็ทำอะไรไม่ถูก” “เจ้าคาดคะเน ยังมีเวลาราวๆ กี่วัน” ไทเฮาตรัสถาม หย้วนพ่านกล่าว “ข้าหลวงเดาว่า ไม่น่าจะเกินเช้าตรู่วันพรุ่ง” ไทเฮาทอดถอนใจ หยัดวรกายขึ้น โงนเงนแทบล้ม กุ้ยไท่เฟยรีบกุลีกุจอเข้ามาพยุงเอาไว้ “ท่านพี่อย่าได้เศร้าเกินไป ฮ่าวเอ๋อร์เป็นผู้มีบุญ จะต้องแคล้วคลาดเป็นแน่” ในดวงเนตรของไทเฮามีหยาดน้ำไหลลงมาสองสาย แววตาซีดขาว เนิ่นนานจึงตรัสขึ้น “รับสั่งออกไป ให้เตรียมเรื่องฌาปนกิจไว้เสีย” ฮองเฮาตกใจสะดุ้งขึ้นมา “ไม่ เสด็จแม่ ไม่ใช่เสี้ยหลีบอกว่ามีวิธีหรือ นางยังบอกว่าหลังจากสามวัน อาฮ่าวจะดีขึ้น เรื่องงานศพไม่อาจเตรียมล่วงหน้าได้ หากเสี้ยหลีโม่...” ไทเฮาตวาดเสียงตัดบทของนาง “ข้าดูเจ้าเลอะเลือนมากแล้ว ท่านหมอหลวงมือฉมังยังรักษาคนไม่หาย เจ้าว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะรักษาหายหรือ ประโยคนี้ของเจ้ายังพูดส่งเดชอยู่ที่นี่ แม้นแพร่งพรายออกไป คนอื่นจะหัวเราะเยาะฟันร่วงเอา เจ้ายังเป็นถึงฮองเฮาในปัจจุบัน แต่เชื่อข่าวลือไร้สาระของหญิงเหลวไหล ความฉลาดของเจ้าไปอยู่ที่ใดหมดแล้ว เจ้าเป็นถึงมารดาบังเกิดเกล้าของรัชทายาท แพร่ออกไป ไม่ว่าชื่อเสียงของเจ้าชื่อเสียงของรัชทายาทก็ล้วนเสื่อมเสีย เสี้ยหลีโม่นั่นกลับไปนี้ข้าจะขับไล่ออกไปเสีย อาเย้นก็จริงๆ เลย เชื่อคำพูดของนางได้อย่างไรกันเชียว” ยามที่นางพูดประโยคสุดท้ายนั้น ก็เหลือบสำรวจกุ้ยไท่เฟยแวบหนึ่ง กุ้ยไท่เฟยก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าเอ่ยคำ แต่ว่าท่าทีดูไม่ค่อยดีนัก ฮองเฮาร่ำไห้ ก่อนตรัสอย่างสะอื้น “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่สนว่าคนรอบข้างจะว่าอย่างไร อย่างไรเสียเสี้ยหลีโม่คนนั้นก็พูดว่าสามารถช่วยองค์ชายได้ หม่อมฉันก็เลือกจะคว้าความหวังนี้เอาไว้ อีกประการ ท่านฮ่องเองก็รับปากให้เสี้ยหลีโม่อยู่ที่นี่สามวัน ไฉนจึงไม่ให้เวลาพวกเขาสามวัน ต่อให้จะเป็นปลายความหวังเล็กๆ หม่อมฉันก็ล้วนไม่ยินดีละทิ้ง” กล่าวเสร็จ ก็ร่ำไห้ออกมาอีก พลางคุกเข่าลงกล่าวตัดพ้อ “เสด็จแม่ อาฮ่าวเองก็เป็นหลานที่ท่านเอ็นดูมากที่สุด ท่านจะทำใจแข็งส่งเขาในวาระสุดท้ายได้หรือ” ไทเฮาได้ยินก็เจ็บปวดพระทัยนัก อันที่จริง ซือถูเฮ่าเป็นหลานที่นางเอ็นดูที่สุด ตั้งแต่เล็กเด็กคนนี้ก็ไม่แข็งแรง เพิ่งจะผิดสัญญาการแต่งงาน ก็ได้แพร่เชื้อโรคนี้แล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนเองก็ไม่เหมือนตายทั้งเป็นหรอกหรือ -โปรดติดตามตอนต่อไป 28/11/2019- 
已经是最新一章了
加载中