ตอนที่ 38 ข้ามิใช่ลูกหลานของชูเซี่ย
1/
ตอนที่ 38 ข้ามิใช่ลูกหลานของชูเซี่ย
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 38 ข้ามิใช่ลูกหลานของชูเซี่ย
ตนที่ 38 ข้ามิใช่ลูกหลานของชูเซี่ย ด้านนอกสวนราชพฤกษ์ กุ้ยไท่เฟยยังไม่ได้ออกจากวังกลับสู่จวน ลิ้มรสขนมอบจำนวนมากอยู่ในศาลาพักของสวนราชพฤกษ์ ให้คนไปเชิญซือถูเย้นเข้ามา เดิมซือถูเย้นไม่ใคร่อยากมา แต่ว่ากุ้ยไท่เฟยสั่งคนให้ไปเชิญสามครั้ง เขาจึงจำต้องไปอย่างเสียมิได้ ยามค่ำคืนสวยงาม กับลมพัดเอื่อยๆ คบเพลิงจุดจ้า มุมของสวนก็สว่างไสวขึ้น กุ้ยไท่เฟยนั่งบนตั่งหิน ในมือถือแก้วชา ท่าทางเศร้าหมอง เห็นซือถูเย้นมาถึง นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาพลันเย็นชา “ท่านแม่” ซือถูเย้นนั่งลง “ดึกเพียงนี้แล้วยังไม่กลับจวน? คืนนี้จะพำนักอยู่ในวังหรือ” กุ้ยไท่เฟยวางแก้วชาในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้น ยื่นมือโบกไปมา ก่อนกล่าวเสียงลั่น “เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นท่านแม่ของเจ้า ข้าขอถามเจ้า ในสายตาเจ้านั้นมีท่านแม่อย่างข้าบ้างหรือไม่” ซือถูเย้นมุ่นคิ้ว “ไฉนท่านแม่จึงโกรธเช่นนี้” “อย่าโกรธหรือ?” กุ้ยไท่เฟยโกรธจนแข็งทื่อ มือล้วนระริกไหวแล้ว “การเป็นตายของอ๋องเหลียง ไม่มีความหมายต่อเจ้า? ข้าเคยบอกเจ้าแต่เนิ่นๆ แล้ว ฮองเฮาระแวงเจ้า ให้เจ้าออกห่างจากอ๋องเหลียงให้มากหน่อย เจ้ากลับไม่ฟัง ปัจจุบันนี้ยังทำให้ท่านป้าของเจ้าขุ่นเคืองเพราะเขาอีก เขาจงรู้ไว้ คืนนี้นางโกรธเป็นฟืนไฟอย่างแท้จริงแล้ว” ซือถูเย้นมีใบหน้าไม่แยแส “จริงหรือ? ท่านแม่ปลอบประโลมสักหน่อยก็พอแล้ว” “ปลอบประโลม?” กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างพิโรธ “จะปลอบประโลมอย่างไร นั่นเป็นหลานชายของนาง ต่อให้ข้าในฐานะน้องสาวพูดจนน้ำลายแห้ง นางก็ไม่แน่ใจว่าอภัยในความบุ่มบ่ามของเจ้าในวันนี้ เจ้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นอ๋องซื่อเจิ้งจากเสด็จพี่เจ้า ก็ได้ทำให้ฮองเฮาขุ่นเคืองมากพอแล้ว เคราะห์ดีเท่าใดที่ท่านป้าของเจ้าข่มห้ามฮองเฮาและไท่จื่อเอาไว้เรื่อยมา นางเป็นภูผาพึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า จากนี้ไปเจ้าจะลำบากยากเข็ญแล้ว” “ไม่ผิด นั่นคือหลานชายของนาง ถ้าหากหลานชายของนางดีขึ้น นางคงทำได้เพียงซาบซึ้งต่อข้าเท่านั้น” กุ้ยไท่เฟยโกรธเสียจนทุบแก้วทิ้ง “ไฉนเจ้าจึงได้เชื่อมั่นเสี้ยหลีโม่เพียงนี้ จะบอกความจริงแก่เจ้าเสีย วันนี้ภายในตำหนักยืนยาว หย้วนพ่านกับหมอหลวงหลายคนต่างก็บอกว่า อ๋องเหลียงไม่พ้นคืนนี้ วันพรุ่งยามสางกลัวว่าจะเพียงชั่วยามเดียวแล้ว เรื่องนี้แม้นเจ้าไม่มายุ่ง ผู้ใดก็โทษเจ้ามิได้ แต่ว่าเจ้ายังดึงดันจะให้เสี้ยหลีโม่รักษาเขาให้ได้ หากแพร่งพรายออกไป คนรอบข้างจะพูดถึงเจ้าอย่างไร เสี้ยหลีโม่ถอนงานแต่งก็ได้ทำให้ฮองเฮาขุ่นเคืองพอแล้ว ต้องโทษอ๋องเหลียงอีก คนรอบข้างคงคิดได้เพียงว่าเจ้าบงการไปทำร้ายอ๋องเหลียงเอาได้” ซือถูเย้นรินชาลงแก้ว เลื่อนไปยังเบื้องหน้าของกุ้ยไท่เฟย แววตาดุจน้ำยะเยือก “ถ้อยคำเหล่านี้ ล้วนเป็นการคาดเดาของท่านแม่ทั้งสิ้น หรือว่าเป็นคำที่เสด็จแม่พูดกันแน่” กุ้ยไท่เฟยผลักแก้วชาออก “นางไม่ได้พูด แต่ว่า ข้าเดาว่านางหมายความเช่นนี้ มิเช่นนั้นคืนนี้จะระเบิดเพลิงโทสะอันใหญ่โตขนาดนี้เชียวหรือ คืนนี้นางพูดว่า วันพรุ่งด้านนอกก็จะลือกันว่า อ๋องเหลียงถูกชายาที่ล้มงานแต่งรักษาจนตาย เจ้าคิดดูเถิด เป็นผู้ใดกันที่สนับสนุนเสี้ยหลีโม่ให้รักษาอ๋องเหลียง เป็นเจ้า บุตรของข้าหนอ เจ้าเป็นคนหลักแหลมเรื่อยมา ไฉนแค่ช่วงเวลาไม่กี่ผลัด ก็ดึงดันได้เพียงนั้น” ซือถูเย้นยิ้ม “ข้ามีความเชื่อใจต่อเสี้ยหลีโม่” “เจ้ามีความเชื่อใจต่อเสี้ยหลีโม่?” กุ้ยไท่เฟยแทบสำลักลมหายใจ “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ หมอหลวงล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว เจ้ายังเชื่อใจนาง?” กุ้ยไท่เฟยพลันนิ่งงัน จ้องเขาอย่างกังขา “เจ้าบอกข้ามา เจ้าต้องตานางเข้าให้แล้วจริงๆ ใช่หรือไม่ เรื่องที่นางถอนงานแต่ง ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือ” “ท่านแม่ว่าอย่างไรเล่า” ซือถูเย้นแสยะยิ้ม มีแววดื้อด้านอยู่หลายขนัด กุ้ยไท่เฟยลุกพรวดขึ้นมา กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกหลายที “ข้าขอเตือนเจ้า เสี้ยหลีโม่ผู้นี้ไม่อาจเข้าสู่ประหลักของจวนอ๋องข้าได้ หากว่านางโชคดีพอที่จะรักษาอ๋องเหลียงให้หายได้ ข้าก็จะทำให้นางตายเอง” ซือถูเย้นมองยังนาง ท่าทางผ่อนเบาลง “ท่านแม่ ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือไม่” “หมายความว่าอย่างไร” กุ้ยไท่เฟยจ้องเขา “หากท่านรู้สึกว่าออกจากวัง มีวันเวลาที่สบายอยู่ในจวนอ๋อง เช่นนั้นก็ดื่มด่ำกับวันเวลาของท่านดีๆ เถิด อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในวังเลย หาเวลาว่างเข้าวังมาเฝ้าเสด็จแม่ดื่มชาเสวนากันเป็นบางโอกาสก็พอแล้ว” กล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้น “อาฮ่าวไม่อาจห่างคนได้ อีกอย่างวันพรุ่งยังต้องมีกิจรุ่งอีก คืนนี้ข้าเองก็จะไม่ออกจากวัง จะพำนักอยู่ในตำหนักยืนยาวนี่แหละ” “เจ้าบ้าไปแล้ว?” กุ้ยไท่เฟยตามมา “เสี้ยหลีโม่นั่นก็พักอยู่ตำหนักยืนยาว คืนนี้เจ้าไม่ออกจากวังไปพักด้านนอก ยิ่งไม่ทำให้คนนอกนินทาเจ้าหรอกหรือ” ซือถูเย้นยิ้มเย็น “มีปัญหาอันใดหรือ ไม่ช้านางก็เป็นชายาของอ๋องซื่อเจิ้งแล้ว” เขาสาวเท้ายาวออกไป เสียงหัวเราะสดชื่น เสมือนว่าอารมณ์ดีเต็มทน กุ้ยไท่เฟยโกรธเสียจนกำหมัดทั้งสองแน่น ไม่ ไม่อาจให้เขาแต่งกับเสี้ยหลีโม่ได้ ดวงตากุ้ยไท่เฟยฉายแววมาดร้าย เสี้ยหลีโม่คนนี้จะต้องตายเสีย อีกอย่าง จะต้องตายต่อหน้าอ๋องเหลียง จื่นเฮิงตามขึ้นมา กล่าวต่อซือถูเย้นอย่างค่อนข้างกังวลใจ “ท่านอ๋อง ท่านมีความเชื่อใจต่อเสี้ยหลีโม่จริงๆ หรือ” ซือถูเย้นปรับเปลี่ยนอารมณ์ดีก่อนหน้านี้ สีหน้าปกคลุมด้วยความมืดมน “นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าอย่าได้ห่างแม้เพียงก้าว จับจ้องเสี้ยหลีโม่เอาไว้ อย่าให้ผู้ใดแตะต้องนางได้” จื่นเฉิงตกใจอย่างยิ่ง จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา “ท่านฮ่องโปรวางใจ ข้าน้อยรู้แล้ว” หัวใจของซือถูเย้นนั้นระส่ำจนน่ารำคาญ วันนี้ให้เผด็จการต่อฝูงชน ให้เสี้ยหลีโม่ทำการรักษา ไม่ได้หมายความว่าเขามีความไว้วางต่อเสี้ยหลีโม่เป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะรู้ว่าหมอหลวงไร้หนทางรักษาอาฮ่าวแล้ว เขาก็ไม่สามารถมองอาฮ่าวตายไปตาปริบๆ ได้ ไม่ว่าจะอย่างไร ยังมีความหวังเล็กๆ เขาล้วนไม่อาจละทิ้งได้ เสี้ยหลีโม่ ทางที่ดีเจ้าต้องรักษาอาฮ่าวให้ได้ มิเช่นนั้น ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปแน่ ซือถูเย้นไม่ได้กลับไปนอนที่ตำหนักยืนยาว แต่เฝ้าอยู่ข้างกายอ๋องเหลียงที่สวนราชพฤกษ์อยู่ตลอดเวลา หลีโม่หลับจนถึงช่วงกลางดึกก็ลุกขึ้นมา เรือนผมยาวของนางไม่ได้ม้วนขึ้น แต่ปล่อยสยายระบ่า อาภรณ์ของนางหละหลวมกองบนเรือนกาย หลวมจนเห็นเอวองค์อย่างแบบบางได้ชัดเจนกว่าเก่า เจ้าของร่างเดิมนั้นผอมมาก แม้แต่การเจริญเติบโตก็ยังไม่ทันสมบูรณ์ดี หลีโม่คิดว่าร่างกายนี้ยังสามารถสูงได้กว่านี้ ขอเพียงได้รับโภชนาการอย่างดี ตอนที่หลีโม่มาถึง ก็ให้หมอหลวงกลับไปพักผ่อนก่อนเป็นอันดับแรก หมอหลวงไม่กล้ากลับไป เพราะอ๋องซื่อเจิ้งได้สั่งหมอหลวงว่าต้องผลัดเวรกัน แต่ว่า ซือถูเย้นได้ยินคำของหลีโม่ ก็กล่าวกับหมอหลวงสองคนที่เฝ้าเวรกลางคืน “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด มีเรื่องอันใด ข้าจะเรียกตัวพวกเจ้ามาเอง” เหล่าหมอหลวงได้ยินคำของซือถูเย้น ก็หยัดกายขึ้นขอตัวลา มีองครักษ์และคนในวังที่คอยปรนนิบัติยืนอยู่ ณ ที่ไกลๆ จื่นเฉิงเฝ้าอยู่นอกศาลา ค่อนข้างตื่นตัว ลมยามค่ำคืนยะเยือก หนาวเหน็บเป็นอย่างมาก หลีโม่สระผมแล้วแต่ยังไม่ทันแห้ง พอดีที่ลมกลางคืนโบกพัด เรือนผมยาวดุจน้ำตก เหมาะกับดวงหน้าหมดจด มีความสะคราญงามตาอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ซือถูเย้นเหลือบมองแวบหนึ่ง ก่อนจะเสสายตาออก หลีโม่ตระหนักได้ว่าอิริยาบถนี้ค่อนข้างไม่เหมาะสม ในยุคสมัยนี้ ได้รับความสนใจมากเกินไปแล้ว นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา รัดเรือนผมเอาไว้ให้ดี เดินไปกล่าวต่อซือถูเย้น “ท่านฮ่อง ท่านเองก็เหนื่อยมากแล้ว เชิญกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด” ในมือของซือถูเย้นกำแก้วชาเอาไว้ ก่อนกล่าวผะแผ่ว “ข้าอยากจะตากลมอยู่ที่นี่สักหน่อย” หลีโม่นั่งอยู่บนบันไดหินของศาลา ยื่นมือไปยกชายกระโปรง ไม่ส่งเสียง ซือถูเย้นมองนางตามแนวศีรษะ “เจ้าเป็นลูกหลานของชูเซี่ยจริงๆ หรือ” หลีโม่ยิ้ม “ไม่ใช่” ซือถูเย้นนิ่งงัน “เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก” หลีโม่มองเขา กล่าวอย่างโอหัง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่มีหัวนอน ทักษะการแพทย์ล้วนร่ำเรียนด้วยตัวเอง แต่ว่าคำเหล่านี้ สามารถพูดกับท่านอ๋องได้ แต่ไม่อาจพูดกับคนอื่นๆ ได้ มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สามารถอยู่เพื่อรักษารัชทายาทอ๋องเหลียงได้อีกต่อไป” ซือถูเย้นแค่นเสียงเย็น ใบหน้าหล่อเหลากระตุกขึ้น ความโค้งของปลายคางเห็นชัดว่าค่อนข้างมั่นอกมั่นใจในตัวเอง “เห็นได้ชัด คำโกหกของเจ้าคงทำได้เพียงทำให้คนรู้สึกว่าเจ้าไม่น่านับถือ เจ้าพูดพล่อยว่าตนเองเป็นลูกหลานของชูเซี่ย คนรอบข้างได้ยินก็รู้ว่าไม่จริง” -โปรดติดตามตอนต่อไป 06/12/2019-
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 38 ข้ามิใช่ลูกหลานของชูเซี่ย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A