ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง
ต๭นที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง หลีโม่หันกลับไปใช้นิ้วก้อยปาดยาขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ทำให้เกือบบิดคอกลับมาในทันที นางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเข้ากับหยางมามากำลังมองมาที่นางด้วยแววตาตักเตือนอยู่ในสายตา หลีโม่เข้าใจได้ในทันที คำพูดเรียบๆ ของซือถูเย้นที่ฟังดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะผ่านไป แต่ในความเป็นจริงแล้วเปรียบเสมือนปลายมีดที่ซ่อนเร้น เขาแค่ลองหยั่งเชิงนางเท่านั้น จิตใจที่เพิ่งจะผ่อนปรนลงของหลีโม่ ก็กลับอึดอัดไม่สบายใจอีกครั้ง ใช่ ถึงแม้ว่านางจะช่วยอ๋องเหลียงไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถลบความเสียหายของสัญญาแต่งงานที่นางมีต่ออ๋องเหลียงต่อราชวงศ์ได้ มันสามารถมองออกได้ ตั้งแต่อ๋องซื่อเจิ้งรักษาการณ์อยู่ที่นี่ในสองวันนี้ เขาแคร์อ๋องเหลียงมาก เขาให้ความสำคัญกับครอบครัว โดยการปกป้องคุ้มครองครอบครัวนี้ไว้ ประโยคนี้ ดูเหมือนเป็นการถามด้วยคำพูดราบเรียบ ไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆออกมาด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าหลีโม่จะตอบไปว่าถอนหมั้นหรือไม่ถอนหมั้น มันก็ผิดทั้งนั้น หากนางตอบรับ ก็ยิ่งทำให้มองไม่ออกถึงความแค้นเคืองของอ๋องเหลียงแต่อย่างใด หากนานงไม่ตอบรับ ฮองไทเฮาก็จะทรงประทานให้แต่งงานกัน นางมีสิทธิ์อะไรจะไม่ตอบรับละ? นั้นเท่ากับค้านพระราชกฤษฎีกาอย่างไม่เคารพนะสิ เมื่อพูดพึมพำกับตัวเองสักพัก หลีโม่ก็พูดขึ้นว่า “สองวันมานี้หม่อมฉันดูแลแต่อาการป่วยของอ๋องเหลียง จึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้หม่อมฉันก็คิดแค่แผนการการรักษาอ๋องเหลียงครั้งต่อไปได้แล้ว นั้นคือการระบายน้ำหนองออกเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจมีอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้กระดูกที่หักของอ๋องเหลียง ได้รับการรักษาเพคะ” ซือถูเย้นหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จงทำอย่างเต็มที่” “สถานะของหม่อมฉันในตอนนี้คือการเป็นหมอของอ๋องเหลียงเตี้ยนเซี่ยเพคะ ในความคิดทั้งหมดย่อมเกี่ยวกับอาการป่วยของอ๋องเหลียง ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นหรอกเพคะ” ซือถูเย้นยืนขึ้นทันใด จากนั้นก็หันกลับไปจ้องมองหลีโม่ใกล้ๆ ด้วยแววตาแผดเผา หลีโม่ตกใจถอยหลังทันใด จากนั้นก็มองไปทางเขาด้วยความระแวดระวัง ซือถูเย้นยื่นนิ้วออกไป เชยคางของนางขึ้นมา พร้อมเดินขึ้นหน้า ร่างกายที่สูงชะลู่ได้ก่อเกิดความรู้สึกคุกคามอย่างแรงกล้าต่อหลีโม่ “งั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถคิดพิจารณาได้” หลีโม่ไม่กล้ามองตาของเขา หากดวงตาคู่นั้นเปรียบเสมือนไฟ น้ำ ธนูเย็น ที่อยู่รวมกันมากเกินไป มันก็จะกลับกลายเป็นภาพลวงตา สถานะที่สูงเกินไปของคนผู้นี้ทำให้หลีโม่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นคู่ปรับของเขาแต่อย่างใด การเป็นหน่วยงานลับที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนมาหลายปีทำให้นางเข้าใจเหตุผลข้อหนึ่ง นั้นคืออย่าเล่นกลอุบายกับคนที่มีฐานันดรสูงผู้นี้ เพราะทุกคำพูดและการกระทำของเจ้าจะทำให้เขาสืบเสาะเข้าไปในจิตใจของเจ้าได้ ดังนั้นจึงต้องเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างซื่อสัตย์เท่านั้น ในช่วงเวลากลางวัน ได้ทำการระบายน้ำหนองอีกครั้ง ครั้งนี้ หมอหลวงทุกคนต่างก็มาดูกันอยู่ที่นี่ เมื่อเห็นหลีโม่ใช้วิธีการรักษาด้วยการฝังเข็มและการกดจุดอย่างชำนาญ ทุกคนต่างก็เกิดความคิดที่แตกต่างกัน ท่านหมอหลวงหลิวที่ถูกใต้เท้ารองหย้วนพ่านสำเร็จโทษก็มาด้วย เขาไม่ยอมรับโทษ จึงถูกฮองไทเฮาเรียกไปตำหนิยกใหญ่ หลังจากที่หลีโม่ทำการระบายน้ำหนองเสร็จเรียบร้อย ก็ไปล้างมือ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หมอหลวงหลิวเดินเข้าไปพอดี จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพูดกับนางว่า “คุณหนูมีวิชาการแพทย์ที่สูงมาก” เมื่อหลีโม่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นแววตาที่ฉายความเกลียดชังและความอิจฉาออกมาจากในสายตาของเขา “ถ้าเหมือนกับคนที่ใจแคบเช่นเจ้า การพัฒนาวิชาทางการแพทย์ก็คงจะหยุดอยู่ที่เดิมไม่ก้าวไปข้างหน้านะสิ” หมอหลิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่หรือ? ข้าชักอยากดูแล้วสิ ว่าเจ้าจะมีความชำนาญมากแค่ไหน” หลีโม่ไม่สนใจเขา จนกระทั้งเดินออกไป หมอหลวงที่อยู่ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครชื่นชมนางจากใจจริงเลย เว้นเสียแต่ใต้เท้าหย้วนพ่าน สีหน้าที่แสดงออกถึงความเคารพต่อนาง เพียงเพราะนางได้รักษาอ๋องเหลียงเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง จึงได้รับคำชื่นชมจากฮองไทเฮา ในราชวงศ์นี้ มีแต่สถานที่ที่แปลกประหลาดจริงๆ เป็นหมอ ไม่ศึกษาร่ำเรียนวิชาหมอให้ดี ๆ แต่กลับกระโจนเข้าหาการแก่งแย่งอำนาจกัน มิน่าล่ะพวกหมอหลวงถึงได้มีพื้นฐานกัน และก็แปลก คำว่าหมอมีเพียงแต่ราษฎร์พื้นเมืองที่ใช้เรียกกัน แต่ในวัง กลับเรียกว่าหมอหลวง อย่างเป็นทางการ แต่หากในกรณีที่สนใจแต่สถานะมากกว่าหน้าที่ตน มันก็จะเสื่อมเสีย อำนาจก็จะย่อมเหนือกว่าวิชาหมอไปโดยสิ้นเชิง อาการป่วยของเย็นเอ๋อร์ค่อยๆดีขึ้น ฮองเฮาได้มาเยี่ยมเยียนด้วยตัวพระองค์เอง ทำให้เย็นเอ๋อร์ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล เจตจำนงการเข้าเยี่ยมเย็นเอ๋อร์ของฮองเฮา หยางมามาได้แอบมาแจ้งตรงต่อหลีโม่ “หากในใจเจ้าคิดว่ามันไม่เป็นธรรม ก็นำไปบอกกับฮองเฮาเหนียงเหนียงเถอะ ฮองเฮาเหนียงเหนียงคงจะออกหน้าให้กับเจ้า” หลีโม่คิดสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ มามา ตอนนี้ข้าเอ๋อปากไม่ได้ อารมณ์ความรู้สึกนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญในตอนนี้ ข้าทำไม่ได้ ” หยางมามามองนางด้วยความเป็นห่วง “แต่ว่า เมื่อเจ้ากลับไป จะเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เป็นเสมือนหมาป่าเสมือนเสือครอบครัวนี้ได้ยังไงกัน?” หลีโม่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ข้ายังพอตอบโต้ได้ชั่วคราว หากไม่มีวิธีการตอบโต้แล้วจริงๆ ข้าถึงค่อยคิดหาทางให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงช่วยข้า ถึงจะเสนอคำวิงวอนอะไรออกไปในตอนนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดว่าข้าตั้งใจจะประสงค์รางวัล ถึงนางจะไม่คิดเช่นนี้ในเวลานี้ก็ตาม แต่เมื่อย้อนกลับไป มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เช่นนี้ก็ได้” อีกทั้ง หมุยเฟยก็อยู่ในวังด้วย ย่อมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮองเฮาอย่างแน่นอน หากหมุยเฟยพูดอะไรที่มากความเกินไปต่อหน้าฮองเฮา ก็จะทำให้คนของนางต้องพังทลายลงต่อหน้าฮองเฮาเช่นกัน ยิ่งมีคุณความดีมาก ก็จะยิ่งทำให้ต่ำลงยาก ต่อให้มีคนหนุนหลัง ก็ต้องทำอย่างไม่มีทางเลือกอื่น หลังจากที่ทำการระบายน้ำหนองออกจากซือถูเย้น ก็จากไป เมื่อไม่มีการบีบบังคับจากซือถูเย้น หลีโม่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงมากทันใด สถานการณ์ของอ๋องเหลียง อาการของเขาในตอนพลบค่ำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นดั่งที่หลีโม่ลั่นวาจาไว้ อาการฟื้นตัวของอ๋อเหลียงนั้นรวดเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ไว้ ยาต้มจีนวันละ 3 ครั้ง อ๋องเหลียงขมวดคิ้วก่อนดื่มมันลงไป ถึงแม้ว่าฤทธิ์ยาจีนจะต้านทานเชื้อแบคทีเรียได้ไม่เท่ากับการฝังเข็มของการแพทย์ตะวันตกก็ตาม แต่ ร่างกายของอ๋องเหลียงก็ถือว่าไม่แย่มาก ดังนั้นยาจึงออกฤทธิ์ได้ดี หลีโม่เริ่มรับมือกับกระดูกหักที่เป็นปัญหาใหญ่ กระดูกหักนั้นไม่ได้ถือว่าร้ายแรงนัก จึงไม่ได้เป็นปัญหาในการจัดการเท่าไหร่นัก ความเจ็บปวดที่แผ่ขยายออกมา อ๋องเหลียงไม่เอ๋ยประโยคใดออกมาสักคำ และให้ความร่วมมือดีมาก ทำให้หลีโม่ปลาบปลื้มใจมาก “ท่านอ๋องเป็นผู้ป่วยที่เชื่อฟังมากเพคะ” ในตอนที่หลีโม่รู้สึกสบายๆจึงได้เอ๋ยปากขึ้น อ๋องเหลียงหันข้างไปมองนาง เมื่อเห็นผมของนางที่ดูรวบขึ้นให้ดูทะมัดทะแมง นั้นได้ร่วงหล่นลงมาสองถึงสามเส้นนางกลับมีเสน่ห์ปรากฏออกมาจากความสามารถในการทำงานนั้น จึงอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เสี้ยหลีโม่ดูงดงามกว่าเสี้ยโล่เยว่เสียอีก” หลีโม่จึงพูดขึ้นว่า “เอาข้าไปเปรียบเทียบกับนาง ถึงแม้ว่าจะพูดโอ้อวดว่าข้าเป็นดั่งเทพบนสรวงสวรรค์นั้น ข้าไม่คิดว่านั้นเป็นการชื่นชมสรรเสริญหรอก” อ๋องเหลียงหุบยิ้มทันใด “เจ้านิหยิ่งยโสโอหังมากเสียจริง” หลีโม่มองไปทางเขา ริมฝีปากเหมือนจะเอื้อนเอ๋ยออกมา แต่กลับอัดอั้นตันใจเอาไว้ยากจะพรรณนาออกมาได้ อ๋องเหลียงมองออก จึงได้ถอดถอนใจออกมา “มีอะไรก็พูดออกมา เจ้าช่วยชีวิต ข้าไว้ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรผิด ข้าก็จะไม่ตำหนิเจ้า” หลีโม่เอ๋ยเบาๆออกมาว่า “ขอประทานอภัยเพคะ” อ๋องเหลียงอึ้งงันไป พร้อมกับมองไปทางนางด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะนึกว่านางจะพูดอธิบายถึงเรื่องการถอนหมั้น เพราะเขาเองก็กำลังรอฟังคำอธิบายและความรู้สึกอึดอัดใจครั้งใหญ่อยู่ แต่กลับพูดแค่คำว่าขอโทษ? อ๋องเหลียงยิ้มออกมาบางๆ “ ข้าให้อภัยเจ้า” “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไม่ถือโทษโกรธหม่อมฉัน” หลีโม่ยิ้มอย่างสดใสออกมา แต่รอยยิ้มนี้ ไม่ได้แสดงออกถึงการผ่อนคลายแต่อย่างใด นางเองก็ไม่กล้าหวังจะให้อ๋องเหลียงให้อภัยนางเช่นกัน อ๋องเหลียงจัดการท่านอนเล็กน้อย จิตใจดูสงบ “จริงๆแล้ว ข้าโกรธมาก ถึงขึ้นเกิดความรู้อยากฆ่าเจ้าขึ้นมาในใจเลยทีเดียว แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว กลับรู้ว่าไม่ควรโทษเจ้า เจ้าเองก็ถูกใช้ประโยชน์เช่นกัน ข้าจึงไปขอคำปรึกษาจากพ่อแม่ของเจ้า ถึงเรื่องของ เสี้ยโล่เยว่น้องสาวของเจ้า” หลีโม่นึกไม่ถึงว่าอ๋องเหลียงจะมีความยุติธรรมและสมเหตุสมผลเช่นนี้ เรื่องนี้ แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจมองเห็น เขามีสถานะถึงรัชทายาทของกษัตริย์ มีความน่าเคารพอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มีสิทธิ์ที่จะควบคุมตัดสินความผิดพลาดของผู้อื่น แต่กลับให้อภัยนางอย่างสบายๆ? หลีโม่รู้สึกว่าข่าวลือด้านนอกนั้นไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาอีกครั้ง 
已经是最新一章了
加载中