ตอนที่ 44 เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 44 เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวัง
ต๭นที่ 44 เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวัง เดิมที เฉิงเสี้ยงเสี้ยตั้งใจมาเข้าเฝ้าฮองเฮาแต่ก็ไม่ได้เข้าเฝ้าแต่อย่างใด จึงเลยคิดว่าเป็นเพราะฮองเฮากำลังอยู่ในช่วงทรงกริ้วมากอยู่ จึงไปทำการขอเข้าเฝ้าฮองไทเฮาแทน องครักษ์ด้านหน้าวังพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง เฉิงเสี้ยงเสี้ยและหมุยเฟยเหนียงเหนียงไปตำหนักโส้อานแล้วพะยะคะ ทรงเชิญฮองไทเฮาเสด็จด้วยพะยะคะ” ฮองเฮาทรงไม่พอพระทัยอย่างมาก “ก่อแต่เรื่องวุ่นวาย ต้องการเชิญฮองไทเฮาเสด็จด้วย แล้วจะมาขอเข้าเฝ้าเปินกงทำไมกัน?” ฮองเฮากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก และตรงไปยังหลีโม่ต่อ แต่หลีโม่ได้ทำจุดรมยาแล้วเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำการรมยาตรงส่วนกระเพาะของอ๋องเหลียง นางคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ใบหน้าจริงจรัง พิถีพิถัน ความกลัวจนหัวหดเหมือนเมื่อครั้งตอนเข้าวังมาใหม่ๆไม่มีอีกแล้ว นางในตอนนี้ คือหมอที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองคนหนึ่งเท่านั้น ในสายตาเบื้องนางของฮองเฮา ในตอนที่นางกรองน้ำดอกคำฝอยออกมาก็สร้างความขัดเคืองอยู่ภายในใจไม่น้อย หากแต่งงานกับฮ่าวเอ๋อ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย แต่ขอแค่เพียงผ่านปีนี้ไป ถึงอย่างไร นางก็ได้ถอนหมั้นต่อหน้าทุกคนแล้ว หากนางยอมตกลงเป็นพระชายาของอ๋องเหลียง ต้องถูกทุกคนหัวเราะเยาะเป็นแน่ ฮองเฮาถือโอกาสที่หลีโม่กำลังทำการรมยาเข้าไปนั่งกลึงลูกประคำท่องพระคัมภีร์อยู่ด้านข้าง การรมควันใช้เวลาค่อนข้างนาน การท่องคัมภีร์พระพุทธศาสนาของฮองเฮาก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะนางเอาแต่คิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของหลีโม่ตลอดเวลา ในใจของนางเกิดความสับสนวุ่นวาย ราวกับทั้งรู้สึกชอบทั้งรู้สึกหวาดกลัว นางไม่กล้ารอ แต่ก็ต้องอดทนรอไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปในปีนั้น หมอหลวงได้กล่าวกับนางอย่างโหดร้าย ว่าขาของอ๋องเหลียงร้ายแรงมาก ทำลายส่วนสำคัญของร่างกาย หลังจากนี้อาจจะไม่สามารถมีวิถีแบบมนุษย์ และไม่สามารถมีลูกหลานสืบทอดสกุลได้อีก เรื่องนี้ ดุจดั่งฟ้าผ่าตอนกลางวัน ทำให้ดวงใจทั้งดวงของนางแตกสลาย แต่ไหนแต่ไรมาเขามีโอกาสที่จะได้กลายเป็นไท่จื่อมากที่สุด แต่กลับเพราะไม่สามารถใช้วิถีแบบมนุษย์ได้ ความหวังจึงขาดสะบั้น ตลอดชีวิตนี้ของนาง ฐานะดั้งเดิม ธิดาในตระกูลที่มีชื่อเสียง เข้าวังมาเป็นฮองเฮา มียศฐาบันดาลศักดิ์เหลือนับคนา ชีวิตของนางสมควรที่จะสมบูรณ์แบบ แต่คนๆเดียว ทำให้นางต้องเจ็บปวดตลอดชีวิต นางที่มีแต่ความหมดหวังมาโดยตลอด จนบัดนี้มีคนมาพูดกับนางว่า เขาสามารถรักษาได้ จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นๆ แต่งงานมีครอบครัว มีลูกหลานสืบทอดสกุล นางไม่กล้าเพ้อฝันเกินตัวเช่นนี้ เมื่อก่อนหวังแค่เพียงให้เขาสามารถเดินได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป อย่างน้อยก็อาจจะไม่โดนล้อว่าเป็นคนพิการก็พอแล้ว ในตอนที่ซือถูเย้นเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าฮองเฮากำลังกลึงลูกประคำอยู่ในมือ แต่สีหน้าของเขากลับดูประหลาดใจ เขาตะโกนเรียกพร้อมกับรุดไปข้างหน้า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง” ฮองเฮาได้สติกลับมา จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ “ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ?” “อื้อ!” ซือถูเย้นมองไปทางนาง ก่อนถามขึ้นว่า “ฮองเฮาไม่เป็นอะไรใช่ไหม? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย เหนื่อยมากแล้วใช่ไหม? กลับไปพักผ่อนดีไหม ข้าจะอยู่รักษาการที่นี่ต่อเอง” ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลีโม่ที่กำลังทำการรมยาให้กับอ๋องเหลียงอยู่ นางไม่ยอมจากไปแน่ๆ ความจริงแล้วนางไม่หวังให้ใครเข้ามาในตอนนี้ด้วยซ้ำ นางมีเรื่องที่สำคัญมากต้องถามหลีโม่ แต่กลับมองไปทางซือถูเย้นโดยไม่แสดงออกอาการใดๆออกมา นางรู้ดีว่าซือถูเย้นและอ๋องเหลียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แต่ ฮ่องเต้กำลังป่วยหนัก แต่กลับให้เขาไปสำเร็จราชการแทนพระองค์ ตำแหน่งไท่จื่อจึงต้องว่าง จึงทำให้นางระมัดระวังตัวอย่างมาก ในกรณีที่ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ หากซือถูเย้นฉ้อราษฎร์ขึ้นครองบัลลัง ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการจัดการอย่างแน่นอน ดังนั้น ถึงแม้ว่านางจะคิดว่าซือถูเย้นมีความรักความเมตตาต่ออ๋องเหลียงก็ตาม แต่กลับไม่สามารถหละหลวมการป้องกันได้ แล้วหากเขาแสร้งทำเป็นมิตรสหายที่ดีต่ออ๋องเหลียงละ นั้นต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ “เปินกงไม่เป็นอะไรเพคะ เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้น นั่งพักที่นี่ก็น่าจะดีขึ้นแล้วเพคะ” ฮองเฮาเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ แต่ก็ไม่อยาก ตอบคำถามอะไรมากมายนัก จึงตอบแบบขอไปทีเท่านั้น ซือถูเย้นชำเลืองมองไปทางนาง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรขึ้นมาอีก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทำได้แค่เพียงรักษาความรักใคร่ปรองดองกันต่อหน้าเท่านั้น เขาเดินเข้าไปมองหลีโม่ที่กำลังทำการรมควันให้กับอ๋อเหลียงอยู่ วันนี้เขาได้ออกไปเสพสุขความสุขกลับมา จึงรู้สึกสบายตัวเป็นพิเศษ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ค่ำๆ เจ้ามาให้ทำให้กับ ข้าสักหน่อยนะ” หลีโม่เงยหน้าขึ้น “เพคะ!” สีหน้าของเขาเหนื่อยล้าอ่อนเพลียมาก และมีกลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งออกมาจากตัวของเขา เวลาแบบนี้ยังมีหน้าไปดื่มเหล้าอีกหรือ? อีกทั้ง อาการปวดหัวของเขาไม่สมควรที่จะดื่มเหล้าด้วย หลีโม่แสดงบทบาทการเป็นหมอ โดยการพูดอย่างมีจิตใต้สำนึกว่า “ท่านอ๋องเพคะ หากปวดหัวควรดื่มเหล้าน้อยลงหน่อยนะเพคะ” ซือถูเย้นขมวดคิ้ว “เจ้ายังไม่ได้แต่งงานกับ ข้า ก็เป็นห่วง ข้าแล้วหรือ?” อ๋องหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เสด็จอา หากจะ เกี้ยวพาราสีก็ออกไป อย่ามารบกวนการรักษาของหลานเลยพะยะคะ” “โย่ เจ้าหมอนี่ พอดีขึ้นหน่อยก็เริ่มปากจัดขึ้นเลยนะ?” ซือถูเย้นหุบยิ้มลง ริมฝีปากเรียบตรง รัศมีดูงดงามมากยิ่ง หลีโม่ที่ทำหน้าที่สืบราชการลับมาหลายปี นางสามารถมองออกในทันทีว่านั้นเป็นยิ้มแห่งมิตรหรือเสแสร้ง รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่มาจากก้นบึ้งในจิตใจของอ๋องซื่อเจิ้ง นี่เป็นรอยยิ้มที่ดูเรียบๆ ราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุชั้นน้ำแข็งออกมาอย่างไรอย่างนั้น ชั้นบางๆแต่กลับมีความเยือกเย็นต่อต้านอยู่ “หลานปากจัดไม่กี่วันหรอก หลังจากนี้สองสามวันก็น่าจะดีขึ้นแล้ว จะพาคนรมควันกลับไปให้เสด็จอาอย่างไรกันพะยะคะ?” อ๋องเหลียงหยอกเย้า แสดงให้เห็นถึงสติที่ดีขึ้นมากแล้ว หลีโม่ทำการรมควันในมือต่อ โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา และก็ไม่เข้าใจบทสนทนานั้นของทั้งสองคนเท่าไหร่นัก ในใจของนางคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั้นก็คือเฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวังมาทำอะไร? หยางมามาเคยบอกว่าเขาเข้าวังมาพร้อมกับหญิงแก่ผู้นี้ คือพระมารดาหรือหลิงหลงฮูหยินกันแน่? น่าจะไม่ใช่พระมารดา ตอนนี้เขาจะกล้าพาพระมารดาเข้าหวังได้ที่ไหนกัน? เขาเองก็รู้ว่ามารดาของพวกนางได้ถูกขับไล่ออกไปแล้ว ไม่กลัวว่ามารดาจะพูดจาไร้สาระต่อหน้าฮองไทเฮาและฮองเฮาอย่างนั้นหรือ? จะไม่มีทางใช่หลิงหลงหรือ? คิดแล้วก็น่าจะเป็นไปได้นะ หลิงหลงเป็นคนที่พูดจาฉะฉาน และชำนาญในการเล่นเกมด้วย เพียงแต่ว่า พวกเขาเข้าวังมาทำไม? หากไม่ใช่เพราะต้องการสอดแนมข่าวคราว ? วันนี้อ๋องซื่อเจิ้งเคยพูดกลับนางว่า เฉิงเสี้ยงเสี้ยสอดแนมเรื่องตอนที่นางอยู่ในวังมาโดยตลอด แต่ว่าคนที่ฉลาดอย่างนายหญิงแก่ น่าจะรู้ว่าตอนนี้เป็นกลอุบายที่แยบยลที่สุดในการเปลี่ยนแปลง ทำไมยังให้พวกเขาเสี่ยงเข้าวังมาอีกละ? ใครๆต่างก็รู้ว่า คนของจวนเฉิงเสี้ยงพูดอะไรก็ผิดไปหมด เป็นไปได้ว่า มีคนเผยแพร่ออกไป บอกว่านางกำลังรักษาอ๋องเหลียงอยู่? แต่นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หยางมามาก็เคยบอกว่า การรักษาอ๋องเหลียงเป็นความลับสุดยอด ความลับนี้ หลีโม่เองก็ต้องรักษาไว้เช่นกัน ถึงอย่างไรซุนกงกงก็มายังตำหนักของฮองไทเฮาแล้ว ถึงแม้ว่าองครักษ์จะไม่ให้เข้าไปทำได้แค่เพียงอยู่นอกตำหนัก สอดแนมข่าวออกไปได้ทีละน้อยเท่านั้น หลีโม่ไม่รู้ว่าซือถูเย้นได้เพ่งพายเรื่องหนึ่งแก่จวนเฉิงเสี้ยงไป บอกว่านางได้ถูกโบยถึงในห้อง ความจริงก็คือ หลังจากที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป นายหญิงแก่ก็ให้เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮองเฮา หลิงหลงฮูหยินเป็นคนเสนอตัวตามเข้าวังมา เพราะ หลังจากที่เข้าวังมาได้แล้วก็ได้เข้าเฝ้าหมุยเฟยเหนียงเหนียงก่อน เฉิงเสี้ยงเสี้ยเป็นชายที่มีภรรยาและลูกแล้ว ไม่สามารถเข้าเฝ้าหมุยเฟยได้ตามอำเภอใจ ถึงแม้ว่าจะได้เข้าเฝ้า ตาก็ไม่สามารถพูดคุยเป็นการส่วนตัวได้ ย่อมต้องพาคนในครอบครัวเข้าวังไปด้วย หมุยเฟยไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้ยินมาว่าฮองไทเฮาทรงกริ้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงได้พากันบุกเข้าไปโบยหลีโม่บุกในห้อง ด้วยเหตุนี้ เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงเชื่ออย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงรีบเชิญหมุยเฟยให้พาพวกเขาไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้ว่าจะไปตำหนักฉางเซิงฮองเฮาก็ไม่ได้แจ้ง และก็ไม่ได้ออกมาพบแต่อย่างใด เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงคิดว่าฮองเฮากำลังโกรธเคืองและกำลังหวาดกลัวอยู่ หลิงหลงฮูหยินจึงแนะนำให้ไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาก่อน แล้วเริ่มต้นจากฮองไทเฮา หมุยเฟยเองก็คิอว่าการทำเช่นนี้ จะนำพาคนทั้งสองไปยังตำหนักโส้อานได้ เมื่อคืนฮองไทเฮายังไม่ได้หลับแต่อย่างใด หลังจากที่ส่งลี่งกุ้ยไท่เฟยแล้ว ก็กลับมาหลับในวังบรรทมชั่วครู่ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินจากซุนกงกงบอกว่าเฉิงเสี้ยงเสี้ยและหมุยเฟยต้องการเข้าเฝ้า ฮองไทเฮาเองก็ทรงทราบเรื่องที่ถอนหมั้นในวันนั้น เรื่องราววุ่นวายอยู่หน้าประตูตำหนักเฉิงเสี้ยงนางเองก็รู้ เมื่อได้ยินว่าเฉิงเสี้ยงเสี้ยต้องการเข้าเฝ้า จึงพูดขึ้นว่า “ให้เขาเข้ามา อายเจียเองก็อยากถามเขาเช่นกันว่า มีหญิงสาวที่ดีขนาดนี้อยู่ในมือแท้ๆ ยังจะปฏิบัติอย่างโหดร้ายย้ำยีสตรี เพราะเหตุผลใดกัน?” 
已经是最新一章了
加载中