ตอนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน
1/
ตอนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน
ตนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน ฮองไทเฮาขมวดคิ้ว “นี่เป็นกฎระเบียบของวัง จะมั่วได้อย่างไรกัน? หากมีนางในที่มียศต่ำกว่าหมุยเฟยมาเรียกว่าเหลียงซื่อ เจ้าจะรู้สึกดีใจหรือไม่?” เหลียงซื่อคือชื่อสามัญของหมุยเฟย! หมุยเฟยเองก็รู้ว่าไทเฮาเป็นคนที่เคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก จึงไม่กล้าโต้แย้งใดๆอีก จากนั้นก็หันไปตำหนิหลิงหลงฮูหยิน “เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น เห็นไหมว่าใช้คำเรียกในวังเป็นเช่นนี้ ยุ่งวุ่นวายมากแค่ไหน?” หลิงหลงฮูหยินแสดงสีหน้าน้อมรับคำสอน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนว่า “เพคะ หม่อมฉันจะทรงระมัดระวังเพคะ” ฮองเฮาหันไปพูดกับซุนกงกงว่า “เจ้าไปตามเด็กน้อยเย็นเอ๋อร์ผู้ซึ่งคอยอยู่ข้างกายหลีโม่มาสิ หากอาการบาดเจ็บของนางยังไม่ดีขึ้น ก็หามมา” “เพคะ!” ซุนกงกงพูดขึ้น เฉิงเสี้ยงเสี้ยนึกถึงเด็กน้อยผู้นั้นที่ถูกพามา แต่ตัวเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เด็กน้อยผู้นั้นไม่กล้าพูดจามั่วซั่วอย่างแน่นอน จึงได้ปล่อยให้ซุนกงกงไป หลังจากที่ซุนกงกงจากไป เขาก็ได้ถอดถอนใจ “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันยินยอมรับสารภาพพะยะคะ” บัดนี้ เขาได้แสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฮองเฮากลับไม่ยอมรับ จึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อว่า “เรื่องนี้ ใครผิดก็คนนั้นผิด คนทำผิดต้องรับผิดชอบ หากเฉิงเสี้ยงต้องโทษ เปิ่นกงจะเป็นหญิงผู้ไม่ยุติธรรม หากหลี่ซื่อเป็นคนบงการจริง เปิ่นกงก็ย่อมลงโทษหลี่ซื่ออย่างแน่นอน” เฉิงเลี้ยงเสี้ยพูดขึ้นว่า “พะยะคะ หม่อมฉันยินดีที่จะรับโทษพะยะคะ” หลีโม่ที่อยู่ด้านนอกตำหนัก ได้ยินถึงบทสนทนาเหล่านี้ ในใจเกิดความรู้สึกเยาะเย้ยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของแม่ของนาง พวกเขาช่างไร้เดียงสามากเกินไปจริงๆ! เฉิงเสี้ยง ไม่มีจิตใจที่ละอายต่อบาปเลยสักนิด และได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติทั้งสามของนางไปอย่างสิ้นเชิงจริงๆ นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมวันนั้นหลี่ซื่อถึงให้นางแต่งงาน ถึงจะอยู่ในยศฐาบันดาศักดิ์สูงส่ง แต่กลับไม่มีน้ำใจอย่างบุรุษเลยสักนิด ไม่มีหัวใจดั่งนายพลทหาร ทำได้เพียงแต่เอาตัวรอดไปวันๆ เห็นแก่เงิน เอาแต่แย่งชิงอำนาจ ผู้ชายเช่นนี้ พูดตรงๆก็คือชายอย่างเฉิงเสี้ยงผู้นี้ นอกจากได้บุญบารมีจากบรรพบุรุษคอยปกปักรักษาแล้ว ก็เป็นเพราะความโชคดีล้วนๆ ซุนกงกงก็ได้พาเย็นเอ๋อร์เข้ามาในที่สุด เย็นเอ๋อร์ยังไม่สามารถลงจากเตียงได้ จึงทำได้เพียงแค่พึ่งข้าหลวงคอยประคองเข้ามาเท่านั้น เมื่อ เย็นเอ๋อร์เห็นหลีโม่จากด้านนอก กำลังจะอ้าปากถามขึ้น หลีโม่ก็รีบยกมือขึ้นมาทาบปาก ไม่ให้นางส่งเสียงออกมา เย็นเอ๋อร์เข้าใจทันใด ก้มนางลงแล้วเดินเข้าไปข้างในกับข้าหลวงทั้งสอง ฮองไทเฮาไม่เคยพบเห็นเย็นเอ๋อร์มาก่อน และก็ไม่รู้ด้วยว่าเด็กน้อยจะบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกายในตอนที่เข้าวังมา อีกทั้งอาการบาดเจ็บก็สุดแสนจะน่าเวทนาด้วย จึงได้ถามขึ้นด้วยความเดือดดาลว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เด็กคนนี้ยังอายุไม่ถึง13ปี ใครกล้าลงมือได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้?” หลิวหลงฮูหยินกลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่โดยไม่รู้ตัวว่า “รายงานฮองไทเฮาเพคะ เด็กคนนี้คือคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลีโม่ เพราะทำผิดจึงถูกมหาดเล็กพาไปโบยเพคะ” บ้านไหนมีการโบยเด็ก ในวังก็ย่อมมี อีกทั้งยังลงมือค่อนข้างรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย ในวันที่นางเข้าวังมาน้อมทักทายหมุยเฟย ก็ได้พบกับข้าหลวงที่หมุยเฟยรับสั่งให้มาโบยอย่างเจ็บแสบ โบยจนเหลือลมหายใจโรยริน ไม่มีแม้แต่แรงจะเอ๋ยคำใด อีกทั้ง นางก็ยังได้ยินข่าวมาว่าฮองเฮาเป็นผู้ที่เข้มงวดมาก และมักจะด่าทอว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆอยู่บ่อยครั้ง เข้มงวดนิดหน่อย ก็ทรงประทานความตายมาให้ แต่ทว่า หลิงหลงฮูหยิน กลับไม่เข้าใจเรื่องที่ ฮองเฮาและหมุยเฟยทำ ฮองไทเฮาต่างก็ไม่รู้ ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะลงโทษได้อย่างชัดแจ้งก็ตาม แต่กลับมีมาตรการการลงโทษที่ชัดเจน ซึ่งเนื่องจากที่หลีโม่ถอนหมั้นอ๋องเหลียงก็เป็นลักษณะเดียวกัน และกล่าวอ้างตนว่าเป็นผู้สืบทอดเวินยี่ด้วย ในตอนนั้นจึงคิดว่านางเข้าใจแค่เพียงทักษะทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานเท่านั้นแล้วคิดเพ้อฝันคุณงานความดี ฮองไทเฮาจึงได้ออกคำสั่งให้คนบุกเข้าไปทำร้ายนางในห้อง ในตอนที่หมุยเฟยได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลิงหลงฮูหยิน ก็อดด่าทออย่างเงียบๆอยู่ในจิตใต้สำนึกไม่ได้ คนที่มีความรู้แค่หางอึ่ง ไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้แต่อย่างใด เมื่อนำคำพูดเหล่านี้มากล่าวต่อหน้าฮองไทเฮาไม่รนหาที่ตายหรอกหรือ? และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อฮองไทเฮาได้ยินทัศนคติที่ไม่ใส่ใจของหลิงหลงฮูหยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที “การลงโทษนี้มันผิดตรงไหนกัน? ถึงได้แสดงอาการเช่นนี้ออกมา” เฉิงเสี้ยงเสี้ยใช้ข้อศอกกระทุ้งหลิงหลงฮูหยินเล็กน้อย หลิงหลงฮูหยินเองก็รู้ว่าตัวเองนั้นได้พูดผิดไปแล้ว จึงได้รีบกล่าวอธิบายทันใด “ตอบกลับต่อคำพูดของฮองเฮา ไม่ใช่เป็นคำสั่งจากหม่อมฉันให้บุกเข้าไปเพคะ มหาดเล็กเห็นว่าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ยอมรับความผิด ถึงจะลงมือตีหนักแล้ว หม่อมฉันได้ลงโทษมหาดเล็กไปเรียบร้อยแล้วเพคะ” ฮองไทเฮาชำเลืองตาไปมองเย็นเอ๋อร์ เมื่อเห็นน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิดอย่างน่าสงสาร จึงได้นึกถึงการโบยไปครั้งหนึ่งนั้นได้เกิดความผิดพลาดซะแล้ว เย็นเอ๋อร์จึงปล่อยให้ข้าหลวงประคองให้คุกเข่าลงบนพื้น ฮองไทเฮาเห็นบาดแผลบนตัวของนาง จะใจแข็งได้ที่ไหนกัน? จึงรีบขมวดปมคิ้วทันใด “ประคองนางไว้ อย่าคุกเข่า” เย็นเอ๋อร์มองไปทางฮองไทเฮาด้วยท่าทางอ่อนแรง เมื่อถูกคำขู่ของฮองเฮาขาทั้งสองข้างจึงอ่อนแรง เกือบจะคุกเข่าลงไป จากนั้นก็พูดด้วยความกระวนกระวายใจขึ้นมาว่า “หนูปี้ หนูปี้ขอเข้าเฝ้าฮองไทเฮาเพคะ” ฮองไทเฮาชำเลืองมองไปทางใบหน้าที่ไร้สีเลือดฝาดแต่อย่างใด จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับถอดถอนใจ “ช่างเถอะ อายเจียแค่อยากจะถามเจ้าแค่เพียงสองสามประโยคเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าก็กลับไปพักได้” เย็นเอ๋อร์ตอบอือกลับมา พร้อมกับพยุงร่างกายของตัวเองให้ยืนขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ “เพคะ ฮองไทเฮาทรงถามได้เลยเพคะ” ฮองไทเฮาชำเลืองมองไปทางนาง แต่ก็แข็งใจถามไม่ได้จริงๆ จึงหันไปกล่าวกับฮองเฮาว่า “เจ้าถามเถอะ เร็วเข้า” ฮองเฮารีบยืนขึ้นพร้อมโค้งตัวอย่างรีบร้อน “เพคะ!” หลังจากที่นั่งลง จึงได้รีบกล่าวถามขึ้นว่า “เจ้าคือผู้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายหลีโม่ ใช่ไหม? หลี่ซื่อฮูหยินของพวกเจ้ามีจิตใจของประชาราษฎร์ในจวนใช่ไหม? นางเป็นอย่างไร?” เย็นเอ๋อร์กำลังจะตอบกลับไป แต่เมื่อได้ยินเสียงไอของเฉิงเสี้ยงเสี้ย เย็นเอ๋อร์จึงหันไปมองเฉิงเสี้ยงเสี้ยด้วยจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นดวงตาเย็นชาของเขา จึงได้ยับยั้งคำพูดนั้นไว้ และไม่กล้ามองไปทางฮองเฮาอีก ทำได้เพียงก้มหน้าแล้วส่องเสียงอ้ำๆอึ้งๆออกมา ไม่พูดออกมาสักประโยคเดียว ฮองเฮายิ้มอย่างประหลาดใจ “เป็นอะไรไป? ไม่กล้าพูดออกมาหรือ? มีอะไรก็กล่าวต่อหน้าของไทเฮาและเปิ่นกงได้เลย เจ้าไม่ได้เป็นผู้สร้างข่าวลือ ทำไมถึงพูดไม่ได้กัน?” เย็นเอ๋อร์ได้มองไปทางเฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยินอีกครั้ง เหงื่อได้ผุดออกมาด้วยความตึงเครียด นางเป็นคนที่อยู่ข้างกายหลีโม่ ในวันที่ถูกหลิงหลงฮูหยินและเฉิงเสี้ยงเสี้ยรังแก ความกลัวที่ก่อเกิดขึ้นมาในใจ นางรู้ได้อย่างฉับพลันว่าสามารถกล่าวอย่างตรงไปตรงมาได้ แต่กลับอ้าปากไม่ได้ ทำแค่เพียงพูดขึ้นอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “หนูปี้……หนูปี้……” หลีโม่ที่ยืนฟังอยู่ด้านนอก ในใจก็เกิดความรู้สึกตึงเครียดเช่นกัน เย็นเอ๋อร์เป็นเด็กที่ขี้ขลาดมาก อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสด้วย หากในใจแบกรับความกดดันมากเกินไป นางจะวิงเวียนล้มลงไปอย่างแน่นอน เมื่อหมุยเฟยเห็นอาการ จึงได้ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ “เจ้ามัวแต่พูดอ้ำๆอึ้งๆอะไร? อยู่ต่อหน้าฮองไทเฮาและฮองเฮาแล้ว อะไรก็พูออกมา” หมุยเฟยเห็นความขี้ขลาดอ่อนแอของเย็นเอ๋อร์ บัดนี้นางไม่กล้าพูดออกมาแล้ว และดูท่าทางจะล้มสลบลงไปด้วย หากตะโกนด้วยความโกรธไม่กี่คำ นางต่องไม่กล้าพูดแม่แต่คำใดออกมาเป็นแน่ แต่ทว่า หลังจากที่นางตะโกนออกไป เย็นเอ๋อร์กลับค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ แล้วนึกถึงตอนที่ถูกจับอยู่ในจวน คิดว่าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน เมื่อไม่รู้สึกโกรธเคืองในตอนนั้น ตอนนี้ก็น่าจะไม่หวนกลับเช่นกัน เมื่อนึกถึงฮุหยินและคุณหนูที่พบเจอกับการรังแกมาหลายปี นางอดทนไม่ได้อีกแล้ว จึงอดกลั้นเสียงสะอื้นและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ไทเฮาเหนียงเหนียง ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ ฮูหยินเป็นคนดีมากนะเพคะ คุณหนูก็ด้วย หนูปี้จึงคิดว่าคนที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกใบนี้ก็คือฮูหยินและคุณหนูเพคะ!” ฮองเฮาแค่เพียงต้องการถามเรื่องวางตัวและพฤติกรรมของหลี่ซื่อ แต่เย็นเอ๋อร์กลับพูดออกมาได้ดีมาก ไม่รู้ว่าจะพรรณนาเช่นไร แต่กลับทำให้ฮองไทเฮารู้สึกถึงความจริงใจขึ้นมา เมื่อฮองไทเฮาเห็นความน่าสงสารของเย็นเอ๋อร์ จึงได้พูดขึ้นว่า “พอแล้ว ไม่ต้องถามนางแล้ว พานางออกไป” “ฮองไทเฮาเพคะ” เย็นเอ๋อร์กลับสลัดออกจากการประคองของข้าหลวง แล้วคุกเข่าลงพร้อมกับส่งเสียงออกมา จากนั้นก็เงยใบหน้าที่ซีดเผือดแล้วพูดขึ้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาว่า “ที่คุณหนูถอนหมั้น เป็นเพราะไม่มีทางเลือกเพคะ หากไม่ใช่เพราะเฉิงเสี้ยงใช้ภรรยาที่ถูกทอดทิ้งมาบีบบังคับคุณหนู คุณหนูก็คงจะไม่ตอบตกลงเรื่องการแต่งการอย่างแน่นอน เพราะคุณหนูเคยบอกไว้ว่า หากนางแต่งงานออกไป ฮูหยินจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณหนูจึงได้ถอนหมั้นเพคะ” “พูดจาเหลวไหล!” เฉิงเสี้ยงเสี้ยได้แสดงความโกรธเคืองออกมาด้วยใบหน้าดำทมิฬดุจดั่งกระทะ โดยไม่สนใจฮองไทเฮาและฮองเฮาที่อยู่ที่นี่แต่อย่างใด “ใครบงการให้เจ้ามาพูดเช่นนี้? กลับผิดเป็นถูกได้ แสดงว่าคงจะโบยเจ้าเบาเกิดไป”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A