ตอนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว
1/
ตอนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว
ตนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว หมุยเฟยพูดขึ้นอย่างไม่งดงามแต่อย่างใด “ผ่านไปหลายปีขนาดนั้น เปิ่นกงเองก็ลืมชื่อของข้าหลวงผู้นั้นไปแล้วอีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าข้าหลวงผู้นั้นไปอยู่ที่ไหน หากยังอยู่ในวังก็ยังพอเป็นไปได้” หลิงหลงเห็นเสี้ยหลีโม่ทำให้หมุยเฟยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงได้แทรกพูดตำหนิขึ้นมาสนที่สุด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางเหมือนกับแม่คนหนึ่ง “หลีโม่ ถึงแม้ว่าข้ากับเจ้าจะพูดกันน้อยมากก็ตาม แต่เรื่องที่พูดขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ย่อมสำคัญมาก การวางตัวในวังของหมุยเฟยเหนียงเหนียง ทุกคนต่างรู้ดี แต่คนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างจริงใจ เจ้าพูดเล่นนี้ แสดงว่ากำลังกล่าวหาว่าหมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมาเองอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นความผิดโทษฐานไม่เคารพร้ายแรง ถึงแม้ว่าแม่ของเจ้าจะไม่เคยสอน แต่ข้าก็เตือนเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่จำ แล้วทำไมถึงได้ก่อเรื่องวุ่นวายซ้ำวซ้ำเล่าเช่นนี้อีก?” หลี่โม่พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวสักนิดว่า “ไม่ ข้าไม่ได้กล่าวหาว่าหมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมาเอง แต่ข้าพูดจริงๆ ว่าหมุยเฟยเหนียงเหนียงกุเรื่องขึ้นมาเอง เรื่องนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หมุยเฟยเดือดดาลขึ้นมาทันใด “เสี้ยหลีโม่ เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าใส่ร้ายป้ายสีว่าเปิ่นกงกุเรื่องขึ้นมาเอง? ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะทัศนะต่อหลีโม่เปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่ภายใต้ที่ไม่มีการพิสูจน์แต่อย่างใด แล้วบ่งชี้ว่าเฟยจื่อกุเรื่องขึ้นมาเป็นการไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงได้แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “หลีโม่ อย่าพูดจาเหลวไหล หมุยเฟยเหนียงเหนียงไม่มีทางโกหกได้” พฤติกรรมของหมุยเฟย ฮองไทเฮาเชื่ออย่างสนิทใจ นางเข้าวังมาในตอนปลายอายุ 20 ปี ถึงนางไม่พูดอย่างมีคุณธรรมก็ตาม แต่กลับปฏิบัติตัวปรนนิบัติฮ่องเต้อย่างเคร่งครัด ให้กำเนิดพระธิดาและพระราชบุตรออกมาให้กับฮ่องเต้ จึงไม่มีทางถูกคนภายนอกใส่ร้ายป้ายสีได้โดยง่าย ฮองไทเฮากลับไม่รู้ ว่าหมุยเฟยในตอนนี้ ไม่ใช่หมุยเฟยเหมือนแต่ก่อนแล้ว หลังจากที่ฮ่องเต้ป่วยหนัก นางก็เริ่มวางแผน เพื่อแม่ เพื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของนาง ถึงแม้ว่าจะดูไม่เหมาะสม แต่มันก็เป็นเช่นนี้ หลี่โม่กำลังจะพูด เมื่อได้ยินเสียงขันทีตะโกนเสียงสูงอยู่ด้านนอกตำหนัก “อ๋องซื่อเจิ้งเสด็จ!” เมื่อสิ้นสุดคำพูด ฮองไทเฮายังไม่ได้เอื้อนเอ๋ยคำใดออกมา ก็เห็นซือถูเย้นก้าวเท้าเดินเข้ามาแล้ว เมื่อเข้ามาถึงกลางตำหนัก จึงขมวดคิ้วมองไปทางหมุยเฟย “หมุยเฟยเหนียงเหนียง ข้าได้ยินเสียงเจ้าอาละวาดอยู่ด้านนอก ใครที่ทำให้หมุยเฟยเหนียงเหนียงผู้อ่อนโยนผู้นี้ทรงกริ้วราวกับสายฟ้าแลบเช่นนี้? ลงโทษ!” เมื่อพูดจบ จึงโค้งตัวไปด้านหน้า “เข้าเฝ้าเสร็จแม่พะยะคะ” ฮองเฮาพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “เจ้าไม่รีบไปทำธุรกิจของเจ้า มาวนเวียนในวังในทำไม?” ในขณะที่ปากกำลังพูด กลับตบไปเก้าอี้ข้างกาย “นั่งลงเถอะ” ซือถูเย้นมองไปทางหลีโม่ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ลูกอยากมาดูสะใภ้ของตัวเองนะสิ” สีหน้าของหลีโม่แดงขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ก้มหน้าลง เฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยินจ้องหน้ากัน ท่าทางแทบจะกระโดดเข้าหากันมันหมายความว่าอะไรกัน? หลิงหลงฮูหยินใบหน้าซีดเผือด นี่มันเป็นไปไม่ได้ เสี้ยหลีโม่อยากแต่งงานกับอ๋องซื่อเจิ้งหรือ? อ๋องซื่อเจิ้งจะขอนางแต่งงานได้ยังไงกัน?ใครจะยอมให้เสี้ยหลีโม่แต่งงานกัน? ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าหรือลูกหลานมหาดเล็กในวังหลวงก็ต่างไม่ยอมรับการแต่งงานของเสี้ยหลีโม่ทั้งนั้น อ๋องซื่อเจิ้งหมายความว่าอย่างไรกัน? ฮองไทเฮาหุบยิ้มทันใด “อายเจียยังไม่มีพระราชโองการ เจ้ามาพูดว่าเป็นสะใภ้ ไม่ละอายบ้างหรือ?” ซือถูเย้นมองไปทางหลี่โม่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างสุขสม แต่นัยน์ตากลับไม่ได้ฉายแววยิ้มแต่อย่างใด “หลีโม่ เมื่อสักครู่เจ้ากล่าวโทษหมุยเฟยเหนียงเหนียงใช่ไหม? ขอโทษเหนียงเหนียงซะ” ใบหน้าของหมุยเฟยเองก็ซีดเผือดไปเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านกับหลีโม่?” อ๋องซื่อเจิ้งพูดขึ้นว่า “อื้อ เรื่องนี้หรือ ข้าพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสด็จแม่กล่าวหา ข้าว่าไม่มียางอายอีก เจ้าถามเสด็จแม่เองเถอะ” ฮองไทเฮาถูกเขาหยอกล้อ “เอาละ ออกไป ก็ไม่ต้องละอายละ” ฮองเฮาไม่มีกระจิตกระใจมากทะเลาะด้วย นางมองไปทางหลีโม่ ”ที่เจ้าพูดว่า หมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมา เจ้าพิสูจน์ได้ไหม? ว่าคำพูดทั้งหมดของมุยเฟย จะหาข้าหลวงชื่นี้ไม่พบ” หลี่โม่โน้มตัวเคารพ “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ข้าหลวงผู้นี้หาไม่ยากเพคะ ที่หมุยเฟยเหนียงเหนียงตรัสเมื่อสักครู่ ข้าหลวงผู้นี้คือข้าหลวงที่นางชอบอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นข้าหลวงที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ในตำหนักด้วยเพคะ สามารถเข้ามาปรนนิบัติในตำหนักได้ แล้วก็ยังเป็นที่รักของหมุยเฟยเหนียงเหนียงอีกด้วย เรื่องที่หมุยเฟยเหนียงเหนียงจำชื่อไม่ได้นั้น คนที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียงยังไงก็ต้องจำได้อยู่แล้วเพคะ หากจำไม่ได้จริงๆ ก็ให้ขันทีในวังช่วยตรวจสอบคนงานที่คอยปรนนิบัตินางสนมเหนียงเหนียง ก็น่าจะหาได้ว่าข้าหลวงผู้นี้คือใครเพคะ” ฮองเฮาตอบอื้อกลับมา “คำพูดมีเหตุผล เช่นนี้ก็สั่งให้คนออกตรวจสอบเถอะ” นางออกคำสั่งต่อซุนกงกง “เจ้าไปตรวจรายชื่อตอนที่หลื่ซื่อเข้าวังมาในตอนที่หมุยเฟยยังเป็นนางสนมอยู่รอบหนึ่ง หาคนที่อยู่ปรนนิบัติใกล้หมุยเฟยที่สุด สีหน้าของหมุยเฟยซีดเผือดทันใด แต่กลับไม่สามารถขัดขวางการค้นหาของซุนกงกงได้ หาแค่ค้นหา ก็จะรู้ว่าในตอนที่นางยังเป็นนางสนม หลี่ซื่อยังไม่ได้เข้าวังแต่อย่างใด หลี่ซื่อเพิ่งแต่งงานกับเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้เพียงแค่หนึ่งปี และยังเคยเข้ามาน้อมทักทายนางในวัง ตอนนั้น นางยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนางสนม เฉิงเสี้ยงเสี้ยพาหลิงหลงกลับจวน นางจึงอยู่แต่ภายในตลอด ไม่ได้เจ้าไปในวังอีกเลย เมื่อเข้าวังมา ก็มีบันทึกไว้อย่างแม่นยำ เมื่อมีการตรวจสอบก็ยังรู้ได้ในทันทีว่าเมื่อสักครู่นางโกหก ฮองเฮาไม่รู้เรื่องนี้ แต่หลีโม่รู้ ในหัวสมองของหลีโม่ยังมีความทรงจำเดิมอย่างชัดเจน และเข้าใจได้ในทันทีว่าหลี่ซื่อไม่เคยเหยียบเข้ามาในจวนเฉิงเสี้ยงแม้แต่ก้าวเดียว นางลงโทษตัวเอง ลงโทษคนที่มองนางผิด ใช้วิธีการของตัวเอง ฮองเฮามองไปทางสีหน้าของหมุยเฟย และรู้ได้ในทันทีว่าหลีโม่ไม่ผิด นางเองก็ไม่ส่งเสียงใดๆออกมา ทำได้แค่เพียงเงยหน้ามองไปทางซือถูเย้น เขาเดินจ้ำอ้าวเข้ามาอย่างรีบร้อน ย่อมไม่ได้ต้องการมาเพื่อทะเลาะอย่างแน่นอน นางค้นพบว่า ซือถูเย้นตั้งใจเข้ามาปกป้องเสี้ยหลีโม่ ซือถูเย้นออกคำสั่งเช่นนั้นจริงๆ เขาถามเฉิงเสี้ยงเสี้ยว่า “วันนี้ตอนเช้าเฉิงเสี้ยงบอกว่าป่วยอยู่ในจวน ทำไมตอนนี้ถึงไม่เป็นอะไรแล้วละ?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่เรื่องที่ถูกหลีโม่พระราชทานอภิเษกสมรสกับอ๋องซื่อเจิ้ง เมื่อได้ยินคำพูดของซือถูเย้น เขาก็จับกลับด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า “หม่อมฉันทานยาแล้วพะยะคะ ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้ว” “ท่านอ๋องยังต้องระวังสุขภาพหน่อยนะ พระราชกิจของประเทศหนักหน่วง แล้วไหนจะยังมาแบกรับเพื่อ ข้าอีก” ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง เฉิงเสี้ยงเสี้ยแอบตำหนิวิจารณ์อยู่ในใจอย่างเงียบๆ มาเป็นเดือดเป็นร้อนกับพระราชกิจอะไรในวันนี้? เขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งในสมุดเล่มเล็กของอัครเสนาบดีล้วนแล้วแต่ยื่นให้กับจวนอ๋องซื่อเจิ้งทั้งนั้น คำพูดนี้ย่อมไม่กล้ากล่าวออกมาแต่อย่างใด เพียงแค่พูดด้วยมบหน้าเหยเกว่า “พะยะคะ หม่อมฉันทรงทราบ” หลิวหลงฮูหยินอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านอ๋อง สะใภ้ที่ท่านพูดขึ้นเมื่อสักครู่ คือหลีโม่ของเราใช่หรือไม่เพคะ?” ซือถูเย้นยิ้ม “นอกจากนางแล้ว ยังมีผู้ใดที่สามารถเป็นพระชายาของข้าได้อีกละ? ฮูหยินไม่ทรงปราบปลื้อมหรือ?” หลิงหลงฮูหยินใบหน้าซีดเผือด กลับพูดขึ้นอย่างไม่ล้มเลิกว่า “เป็นพระกรุณาธิคุณท่านอ๋องที่ไม่ทอดทิ้งหลีโม่ของพวกเรา หม่อมฉันย่อมหาที่ไหนไม่ได้เพคะ” ซือถูเย้นหัวเราะ “ทำไม ข้าจะต้องทอดทิ้งด้วยละ? การจองตัวมันทำไมกันหรือ? ฮูหยินก็เคยถูกจองตัวมาก่อนครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือ? ก็ยังไม่ได้แต่งงานกับเฉิงเสี้ยง รักเฉิงเสี้ยงมานานแค่ไหนแล้ว?” หลี่โม่มองไปทางสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไปของหลิงหลงฮูหยิน นางอดที่จะเม้มปากยิ้มไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าซือถูเย้นจะกัดซึ่งๆหน้าเช่นนี้ หลี่ซือถือเรื่องการแต่งงานมากที่สุด หากใครกล้าพูดคำว่าแม่หม้ายในจวน นางจะก่อการกบฏทันที แต่วันนี้ กลับทำได้เพียงแค่ดึงหน้าไว้เท่านั้น ไม่กล้าแสดงความกร้าวกราดออกมาแต่อย่างใด ฮองไทเฮาจ้องมองไปทางหมุยเฟยตลอด ในตอนที่หลีโม่บอกให้ซุนกงกงไปตรวจสอบ นางก็พบสีหน้าไม่ดีของหมุยเฟยแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A